“เปรียญสิบ” เอือมระอากับ พระภิกษุสงฆ์ และ ชาวพุทธบางกลุ่ม-บางพวก เหลือเกิน “ทะเลาะ” กันไม่รู้จบ “หลักธรรม” พุทธศาสนาสอนให้ลด “อัตตา” แต่บางรูป-บางคน สอนธรรมะคน แท้จริงกลับมี อัตตาเต็มสมอง
“เปรียญสิบ” มองว่า ทั้ง พระมหาอุเทน พระมหาสมบูรณ์ พระมหาวัฒนา หรือแม้กระทั้ง อ.เบียร์ คนพวกนี้คือ บุคคลที่มีคุณค่า มีศักยภาพของพระพุทธศาสนา ไม่เข้าใจว่า โต้เถียงผ่านสื่อกันทำไม มีประโยชน์อะไรต่อส่วนรวมบ้าง และประเทศชาติ รวมทั้งสถาบันพระพุทธศาสนาบ้าง
ยิ่งเห็น “ทนายบางคน” ระบุว่า อาจต้องใช้ “กฎหมาย” เข้ามาจัดการ ฟังแล้ว “เหนื่อยหน่าย” และ เอือมระอารันทดใจ!!
“มหาเถรสมาคม” ก็เหลือเกิน แทนที่จะ “หาทางออก” หาทาง “ปรองดอง-ไกล่เกลี่ย” ให้กับ “พระรุ่นใหม่” ที่มีคุณภาพเหล่านี้ วันๆ ไม่รู้..ทำอะไรกันอยู่
อย่าลืมว่า “พวกท่าน” กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน ที่ชาววัดเราเรียกว่า “นิตยภัต” มันต้อง “ทำงาน” รับใช้พระพุทธศาสนาและสังคมกันบ้าง
“เปรียญสิบ” วิจารณ์วิพากษ์ “มหาเถรสมาคม” มาก เดียวก็มีพวกรับหน้าที่ “หนังหน้าไฟ” หาเรื่องมา เคลียร์ กันให้วุ่นวายอีก
แต่หากไม่พูดเลย ปล่อยให้พระหนุ่มเณรน้อย..ดาวโซเชียล ดาวติ๊กต็อกทั้งหลาย เหล่านี้ พ่นน้ำลาย ทะเลาะ “ไม่รู้จบ” ผ่านสื่อกันแบบนี้ กระทบต่อภาพลักษณ์ “สถาบันสงฆ์” และ “พระพุทธศาสนา” เป็นอย่างมาก
ระวังเจอเด็กรุ่นใหม่จะด่าเอาว่า “เลี้ยงเปลืองข้าวสุก” เอาได้
“เปรียญสิบ” จึงวิจารณ์อยู่เสมอว่า ประเทศไทยแม้จะเลิกทาสมา 120 ปีแล้ว แต่ความเป็น “ไพร่” ก็ยังหลงเหลืออยู่ในกลุ่มประชากร “ส่วนใหญ่” ในประเทศไทยคือ ชอบนินทาลับหลัง อิจฉาริษยา ยกตนข่มท่าน และรวมทั้งชอบ วิ่งเขาหาชนชั้นอำนาจ
พระสงฆ์เราร้อยละ 95% ส่วนใหญ่มาจากเด็กยากจนและชนบท พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแม้จะบัญญัติพระวินัยไว้ 227 ข้อไว้ เพื่อให้กุลบุตรเมื่อเข้ามาสู่ “สถาบันสงฆ์” แล้ว ละลายพฤติกรรมเดิม แต่กลับมี “บางรูป” ความเป็น “สันดานไพร่” ติดตัวกันมา “ขุดไม่ออก” รวมทั้ง “บางรูป” หนักกว่า คือเป็นจำพวก “คางคกขี้นวอ” ลืมกำพืดเทือกเถาเหล่ากอตนเอง กลายเป็นพวกติดอยู่ในยศถาบรรดาศักดิ์ก็มีถมไป..
“เปรียญสิบ” พูดแบบนี้ และวิจารณ์ตรงๆ แบบนี้ เพราะ รู้สึกเหนื่อยหน่ายและเอือมระอา การทะเลาะเบาะแว้ง ชิงดีชิงเด่นในหมู่พระสงฆ์ไม่รู้จบสักที องค์กรที่มีหน้าที่อย่าง “มส.” ก็พึ่งพาไม่ได้เลย!!
…………..
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย… “เปรียญสิบ”: [email protected]