ช่วงหลัง ๆ มานี้ทั้ง “ตำแหน่งปกครอง” คณะสงฆ์ ระดับเจ้าคณะภาค รองเจ้าคณะภาค รวมทั้ง “สมณศักดิ์” ทะยอยออกมาสู่สังคมสงฆ์ต่อเนื่อง
ตำแหน่งทางปกครองคณะสงฆ์มีส่วนสำคัญต่อการกำหนดอนาคตกิจการพระพุทธศาสนาและกิจการคณะสงฆ์ตามภารกิจ 6 ด้าน
ตำแหน่งปกครองทางคณะสงฆ์ในอดีต เรามีธรรมเนียมปฎิบัติระบยึดระบบอาวุโส รูปที่จะทำหน้าที่ปกครอง ต้องพร้อมด้วย “วัยวุฒิและคุณวุฒิ”
มิใช่..จะคว้าใครมาเป็นก็ได้
ยุคสมเด็จฟื้น สมเด็จนิยม สมเด็จเกี่ยว เข้ม!!
มิใช่เอาบรรดา นักวิ่งเต้น นักเลีย หรือบรรดาหมอผีมาบริหารคณะสงฆ์
พูดง่าย ๆ ยุคก่อนองค์กรปกครองคณะสงฆ์อย่างมหาเถรสมาคม เข้มแข็ง ผู้ใหญ่กระแอมเสียงดัง

“เด็กฝาก” เข้ามาไม่ถึง หรือหากจะถึง ก็ต้องผ่าน “ระบบกลั่นกรอง” ของมหาเถรสมาคม
ยุคนี้เจ้าคณะภาคหรือแม้รองเจ้าคณะภาค ภาพรวมแม้ไม่ได้ขี้เหร่..แต่ว่ากันตรง ๆ บางรูป การยอมรับในวงการคณะสงฆ์ “ลือกันให้แซด”ว่าไม่สามารถพากิจการพระพุทธศาสนาและการบริหารคณะสงฆ์ไปได้ดี
ภาษาสื่อการเมืองคือ “ยี้” มากกว่า “ว้าว”
เอาบรรดาหมอผี เอาบรรดานักวิ่ง..มาขับเคลื่อนกิจการพระพุทธศาสนาเขตปกครองคณะสงฆ์ที่ถูกจับตามากที่สุดคือ “เขตปกครองหนกลาง” ของ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี
“เปรียญสิบ” ไม่ต้องบอกว่าใคร รูปไหน มาอย่างไร เพราะในวงการคณะสงฆ์น่าจะรู้ดีว่า รองเจ้าคณะภาคที่เปิดโฉมออกมา แต่ละรูปเส้นทางชีวิตเป็นมาอย่างไร

กาลเวลานับต่อจากนี้ รอผลงานท่านเป็นเครื่องเวลาพิสูจน์
ตอนนี้เหลือแต่รองเจ้าคณะภาคของหนตะวันออก “สมเด็จพระพุฒาจารย์” ผู้มีเสียงเลื่องลือว่า “มีอุดมการณ์” ยึดหลักการในภาคต้องเน้นพวกประโยค 9 เท่านั้น ที่คาดกันว่าจะเปิดโฉมออกมาภายในวันที่ 20 มิถุนายน นี้ หลังประชุมมหาเถรสมาคม
หลังจากอ่านบทความของ “น.อ.ทองย้อย แสงสินชัย”
“เปรียญสิบ” ชักคล้อยตาม..??
วงการการศึกาษาบาลีของเรา หลายสิบปีมานี้ไร้แรงสนับสนุนในสร้างขวัญกำลังใจให้กับทั้งคนทำงานและผู้เรียน ถูกปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม

ปลายปีนี้พอเห็นอนาคตการศึกษาบาลี นักธรรม รวมทั้งปริยัติสามัญ อยู่บ้างคือคณะสงฆ์เรามี พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม ที่ “พระเทพเวที” เจ้าคณะภาค 6 ย้ำนักหนาว่า พลิกโฉมการศึกษาของพระปริยัติธรรมของคณะสงฆ์ไทย วันที่ 1 ตุลาคม นี้ มีงบประมาณสนับสนุนแน่ ๆ
“การศึกษาบาลี” หากไม่ได้ “พระบารมี” ของในหลวง,เจ้าคุณพระ คงหนักหนากว่านี้
ในหลวงทรงอุปถัมภ์สำนักเรียนบาลีหลายแห่ง ทั้งเรื่องภัตตาหารและอุปกรณ์การศึกษา ที่เห็นชัดคือ..ตอนสอบบาลี ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์แห่งการสอบบาลี
ตรงนี้สร้างขวัญและกำลังใจให้กับวงการศึกษาบาลีเป็นอย่างมาก
ทั้งครูบาอาจารย์และนักศึกษา

ความว้าเหว่เดียวดายโดดเดี่ยว..ค่อย ๆ จ่างหาย เริ่มฟูกลับมา
และอนาคตคิดว่า..ทั้งเรื่องสมณศักดิ์และตำแหน่งปกครองระดับเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค รวมทั้งเจ้าอาวาสพระอารามหลวง
ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ใหม่เป็น “พระราชอำนาจ” พระองค์คงไม่ปล่อยให้ “พระสงฆ์ที่อุทิศตนทำงานการศึกษาบาลีว้าเหว่และเดียวดาย” อีกต่อไป
เพราะพระสงฆ์กลุ่มนี้คือ “ผู้รักษา สืบสานและต่อยอด” พระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
ขอโปรด!! อย่าทิ้งให้ว้าเหว่และโดดเดี่ยว??
…………….
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย …“เปรียญสิบ” : [email protected]