“เปรียญสิบ” ฉับพลันที่เห็นโปรดเกล้าฯสมณศักดิ์ แด่ “พระภิกษุ” แล้ว ดีใจทุกครั้ง
“สมณศักดิ์” เป็นเรื่องของ “พระมหากษัตริย์” และ “พระภิกษุ” เป็นการให้ เพื่อยกย่อง เพื่อถวาย “กำลังใจ” ให้พระภิกษุเหล่านั้นทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา และในการบำเพ็ญตนอยู่ในพระธรรมวินัย และทั้งเพื่อทำงาน “ต่างพระเนตร-พระกรรณ” ให้สังคมประเทศชาติเกิด “สันติสุข”
“เปรียญสิบ” มักพูดอยู่เสมอว่า ไม่ว่าพระภิกษุรูปใด ได้รับการถวายสมณศักดิ์ถือว่า..ดีทั้งนั้น

“สมณศักดิ์” เป็นปัจจัยที่เชื่อมโยงและผูกพันให้ความสถาบันพระมหากษัตริย์และสถาบันสังฆให้เป็น..หนึ่งเดียวกัน
“เปรียญสิบ” จึงบอกว่ารัชสมัยในหลวงรัชกาลที่ 10 นี้ เป็นยุคแห่งความ “เฟื่องฟู” และ “อุ่นใจ” สำหรับคณะสงฆ์ไทย เนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว..ทำทุกอย่างเพื่อแบ่งเบา “ภาระ-ธุระ” ให้กับคณะสงฆ์

คณะสงฆ์และชาวพุทธ พึงพิจารณาให้ดี กิจการงานพระศาสนา กิจการคณะสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็น การสอบบาลี สอบนักธรรม อบรมพระอุปัชฌาย์ หรืออบรมพระวิปัสสนาจารย์ ไม่มียุคใดที่คณะสงฆ์ พึงได้รับอุปถัมภ์และดูแลเท่ากับในหลวงรัชกาลพระองค์นี้
และไม่เฉพาะอุปถัมภ์ดูแลเรื่องที่ว่ามาเท่านั้น เรื่องทุนการศึกษา เรื่องเผยแผ่พระศาสนา เรื่องการถวายภัตตาหาร ก็มีเฉกเช่นเดียวกัน
ยุคสมัยนี้..พระภิกษุสงฆ์เวลาจัดกิจกรรม แทบไม่ต้อง “ระดุมทุน” อะไรเลย เพียงแค่แจ้ง ให้ “สำนักพระราชวัง” ทราบ แทบทุกกิจกรรมล้วน ทรงให้อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์แทบทั้งสิ้น

“เปรียญสิบ” ห่วงอย่างเดียว ห่วงว่า “ข่าวคราว” พระภิกษุสงฆ์ผู้ไม่ตั้งอยู่ใน “พระธรรมวินัย” ยุคนี้มีจำนวนมาก อาจกระทบ “พระราชศรัทธา” ได้
จึงหวังอยู่เสมอว่า “มหาเถรสมาคม” ในฐานะทำหน้าที่ “ปกครองสูงสุด” ของคณะสงฆ์ พึงวางมาตรการและกำกับดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดี
และรวมทั้ง “มหาเถรสมาคม” เจ้าคณะปกครอง พึงตั้งตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี ตั้งมั่นรักษา “พระธรรมวินัย” ให้มั่นคง เพื่อ..รักษาพระราชศรัทธานั้นๆ

ขณะเดียวกัน “คณะสงฆ์” พึงอาศัยช่วงเวลานี้หาทาง “วางนโยบาย” เพื่อที่จะทำให้พระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์ มีความมั่นคงและยั่งยืนในประเทศไทย และรวมทั้งมีบทบาทในการเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลกให้จงได้!!
และทุกครั้งเมื่อพูดถึง “สมณศักดิ์” มักเตือน “พระคุณเจ้า” อยู่เสมอว่า การดำรงอยู่ได้ของพระภิกษุสงฆ์มี “พระวินัย” เป็นที่พึ่ง “สมณศักดิ์” เป็นเพียงเครื่องสร้างขวัญบำรุงใจจาก “พระมหากษัตริย์” ผู้เป็นอัครศาสนูปภัมภก เมื่อได้รับโปรดเกล้าฯ แล้ว อย่าทะนงตนเองอยู่เหนือ “พระวินัย” หรือพระภิกษุ “ผู้มีพรรษาแก่กว่า”
และทั้งบอกชาวพุทธตลอดว่า “สมณศักดิ์” เป็นพระราชอำนาจ เป็นเรื่องของพระราชากับภิกษุสงฆ์ ชาวพุทธต้องคำนึงอยู่เสมอว่า พระภิกษุก็เหมือนมนุษย์แบบเรา มีโลภ โกรธ หลง เหมือนปุถุชนทั่วไป เพียงแต่ท่านสละชีวิตแบบโลก..หันไปใช้ชีวิต เพื่อ ลด ละ เลิก หรือบรรเทา โลภะ โทสะ โมหะ ลง ให้เบาบางไป..ความแตกต่างชีวิตพระสงฆ์กับชาวบ้าน…วัดกันตรงนี้

หากเกิดมี “พระภิกษุ” รูปใด หลังได้รับโปรดเกล้าฯ สมณศักดิ์ แล้ว หลงอยู่กับมัน อันนั้น มิใช่วิสัยแห่ง “สมณเพศ” พระแบบนี้บวชได้แต่กาย…ใจได้หาบวชไม่!!
………………………………….
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย… “เปรียญสิบ”: riwpaalueng@gmail.com