ดูรายชื่อ “กรรมการมหาเถรสมาคม” ชุดใหม่แล้ว ถือว่า “ใช้ได้” แม้จะเป็นเพียง “เหล้าเก่า” ในขวดใหม่ก็ตามที แต่ยังน้อยมีการปรับเปลี่ยนใหม่บ้าง
ส่วนการปรับ “พระธรรมกิตติเมธี” ออก แม้จะ “เสียดาย” แต่ “ไม่เสียใจ” เพราะไม่เห็นด้วย มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ให้พระธรรมกิตติเมธีไปเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม
บทบาทท่านเป็น “พระเชิงรุก” มิใช่เชิงรับมิใช่พระประเภท สั่งให้หันซ้ายหันขวา เดินหน้า ถอยหลัง เหมือน “หุ่นยนต์” ได้
กลับมาทำงานเป็น “ประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย” ดั่งเดิมดีแล้ว ตั้งแต่ท่านเจ้าคุณไปเป็นกรรมการมหาเถรสมาคมเหมือนไป “กักตัว” ท่านไว้ ศูนย์พิทักษ์ฯเงียบสนิทยิ่งกว่าป่าช้า
กรรมการมหาเถรรูปใหม่ เจ้าคุณประกอบ “พระพรหมกวี” วัดกัลยาณมิตร รูปนี้ “กล้าคิด กล้าพูด กล้าชน” ก็ต้องลองไปพิสูจน์ดูว่า เมื่อเข้าไปข้างในแล้ว จะกล้าขนาดไหน อาจเหมือนนักการเมืองก็ได้ ก่อนเป็นพูดนี้นั้น แต่เวลาเข้าไปอยู่สภาแล้ว ผลประโยชน์ลงตัว จบเห่ทุกราย
ส่วนเจ้าคุณโสภณ “พระเทพคุณาภรณ์” นักวิ่งร้อยเมตร สไตร์พอ ๆ กับเจ้าคุณพิม “พระพรหมเสนาบดี” รูปงาม พูดเพราะ คงหวังอะไรมากไม่ได้
แม้แต่..พระธรรมวิสุทธาจารย์ หรือ “เจ้าคุณแสวง” อดีตอธิการบดี มมร. มีภาพเป็นคนพูดน้อย ได้แต่ยิ้ม ยิ่งเจอ “พระธรรมวชิรมุนี” เจ้าคุณบุญชิต วัดมหาธาตุ ฯ เวลาไปประชุมก็เหมือนเอา “พระพุทธรูป” ไปตั้งเอาไว้
แต่โดยสรุป..กรรมการชุดใหม่ ไม่ขี้เหร่..ดีกว่าเก่า
เมื่อมีกรรมการชุดใหม่ การแบ่งหน้าที่ควรจัดสรรใหม่ ประเภทรูปเดียวครองประธาน 2-3 ตำแหน่ง ไม่ควรมี เช่น “สมเด็จพระมหาวีรวงศ์” ครองอยู่ 2-3 ตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ประธานสาธารณูปการ, ศาสนาสมบัตร, โครงการหมู่บ้านประชารัฐ สร้างสุข แม่กองธรรมสนามหลวง ต้องมอบตำแหน่งให้รูปอื่นไปทำงานบ้าง
ส่วน “สมเด็จพระมหาธีราจารย์” อายุมาก 84 แล้ว ด้านสาธารณสงเคราะห์ ด้านการต่างประเทศ อาจต้องส่งไม้ต่อ ซึ่งฝ่ายต่างประเทศ พระพรหมบัณฑิต เหมาะสมที่สุด เนื่องจากคณะสงฆ์ ชาวพุทธ ทั่วโลกยอมรับ ส่วนอีกตำแหน่งด้านสาธารณสงเคราะห์ “เจ้าคุณพิม” ก็เหมาะสม หรือไม่ก็อาจจะต้องดึงโครงการหมู่บ้านศีล 5 ไว้ให้กับ กรรมการมหาเถรสมาคมรูปใดรูปหนึ่ง
“เจ้าคุณแย้ม” พระเทพศาสนาภิบาล แม้จะ “มีเงิน” แต่ “บารมี” ในคณะสงฆ์ยังไม่ถึง ยิ่งมิได้เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม อำนาจยิ่งน้อย เครือข่ายสู้ “เจ้าคุณพิม” ไม่ได้ เจ้าคุณพิม บุคลิก “นักวิ่ง นักล๊อบบี้ นักอาสา” คนเข้าถึงง่าย ไม่หน้านิ่งเหมือน “เจ้าคุณแย้ม”
เรื่องวิปัสสนา “หัวใจพระพุทธศาสนา” มีกรรมการมหาเถรสมาคมชุดใหม่ “เจ้าคุณบุญชิต” กับ “เจ้าคุณแสวง” คงต้อง รับผิดชอบเรื่องนี้
ส่วนเรื่องฝากอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “เจ้าอาวาสอารามหลวง” วัดใครวัดมันดี ที่สุด “สมเด็จธงชัย” หากจะกู้ชื่อเสียงให้คณะสงฆ์ยอมรับต้อง “แก้ปัญหา” ตรงนี้ เพราะพระคุณเจ้าในฐานะ “เจ้าคณะใหญ่กลาง” ปัดความรับผิดชอบไม่ได้
เรื่อง “สมณศักดิ์” ฆราวาสอาจมองเรื่องเล็ก แต่ในคณะสงฆ์เป็น “เรื่องใหญ่” เพราะมันไปพัวพันกับ “ระบบปกครอง” ตอนนี้คณะสงฆ์ “เกียร์ว่าง” ต่างจังหวัดเจ้าคณะปกครอง “สั่งการ” ไม่ได้ ไม่มีแรงจูงใจ
มีข่าวว่า “บางวัด” ไม่ยอมตั้งรูป ตั้งโต๊ะใน “วันสำคัญของชาติ” ด้วยซ้ำไป
ปัญหาเรื่องนี้ “สังฆบิดร” สมเด็จพระสังฆราช ต้อง “ลงมือ” ยิ่งนิ่ง ยิ่งก่อให้เกิดความเสียหายและก่อให้เกิดความเหินห่าง ระหว่าง “สถาบันสงฆ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์”
หลายปีมานี้..คณะสงฆ์บอบช้ำมาก ศาสนาพุทธในไทยวิกฤติ ส่วนสำคัญมาจากคณะสงฆ์เป็นหลัก
“เปรียญสิบ” เอาใจช่วยมหาเถรสมาคมชุดใหม่ในการบริหารกิจการคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนา
แต่ในขณะเดียวกัน รูปใดทำไม่ถูกต้อง ก่อให้เกิดความเสียหายกระทบต่อความมั่นคง “พระพุทธศาสนา” และ “พระธรรมวินัย”
ขอรับใช้ “ชำแหละ” ต่อ ไม่เลี้ยงให้เป็นเสี้ยนหนามพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นรูปใดก็ตาม??
……………..
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย…“เปรียญสิบ” : [email protected]
