ช่วงนี้ข่าวคราวในวงการคณะสงฆ์ไม่มีอะไรหวือหวาทุกอย่างนิ่งหมด ทั้งเรื่อง สมณศักดิ์ และ เจ้าอาวาสพระอารามหลวง ซึ่งการนิ่งแบบนี้ถือว่าส่งผลดีต่อ ภาพลักษณ์พระพุทธศาสนา
“เปรียญสิบ” เองทุกครั้งที่วิจารณ์ความเป็นไปของคณะสงฆ์ ทุกครั้ง “สงสารพระพุทธเจ้า” ทุกคราวไป
โดยเฉพาะตำแหน่งเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ตอนนี้ยังนิ่งอยู่ซึ่งหากเป็นไปตามรายชื่อที่ มหาเถรสมาคม เสนอไปนั่น “บรรลัยแน่”
คนคงด่ากันทั่วบ้านทั่วเมือง เหมือนกับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคณะสงฆ์กาฬสินธุ์
“เปรียญสิบ” ยังคงยืนยันว่าขอให้ทุกฝ่ายยึดมั่นในพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการที่จะ “สืบสาน รักษา ต่อยอด” สิ่งที่ดีงามที่มีอยู่ในประเทศไทย ทั้งจารีตประเพณีธรรมเนียมปฎิบัติที่ พระบุรพาจารย์ของเราสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น การดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส “อย่าข้ามห้วย” ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา มาปกครองวัดใดวัดหนึ่ง ส่วนที่ข้ามห้วยมาเป็นและห้ามประเทศมาเป็นนั่น..ทุกวันนี้ก็ยังไม่ถือว่าสง่างาม
พระสงฆ์เราเองก็ “อย่ามักมาก”
การกระทำแบบนั้น นอกจากสร้างความร้าวฉานภายในวัดแล้ว มันส่งผลกระทบต่อศรัทธาญาติโยมประจำวัด ญาติโยมรอบวัด และรวมทั้งพระภิกษุผู้จำพรรษาทั้งหลายภายในวัดนั่น ๆ ด้วย
ยังน้อยบรรดาผู้ช่วยเจ้าอาวาสคงไม่มีรูปใดต้องการให้ คนนอกมาปกครองวัดของตนเอง
เว้น..ภายในวัดนั้น ๆ ไม่มีพระรูปใดมีคุณสมบัติเป็นเจ้าอาวาส แต่พระอารามหลวงร้อยทั้งร้อย เจ้าอาวาสรูปเก่า คงวางทายาทกันไว้เรียบร้อยแล้วหมดแล้ว
คณะสงฆ์ต้องรักษาจารีตประเพณีนี้เอาไว้
สำหรับกรรมการมหาเถรสมาคม อย่าให้อคติ อย่าให้ความรู้สึกชอบไม่ชอบทำลาย “หลักพระวินัย หลักจารีต” ที่พระบุรพาจารย์ท่านวางกรอบไว้
อย่างคณะสงฆ์กาฬสินธุ์ เพราะพระอยากเป็นด้วย..ไปร่วมมือกับฆราวาสที่ไม่รู้เรื่องพระ ประเพณีธรรมเนียมของคณะสงฆ์ ซ้ำฆราวาสบางคนเชี่ยวชาญการเมือง “แบ่งแยกแล้วปกครอง” จึงนำมาใช้กับวงการสงฆ์ด้วย
ทุกวันนี้คณะสงฆ์กาฬสินธุ์ฝ่ายกุมอำนาจพยายาม “เจาะไข่แดง” ทำให้แตก แต่ดันไม่แตก ต่างกับพวกคณะสงฆ์ “มหานิกาย” ที่เป็นพวกหัวอ่อน ขี้กลัว
ใครจะถูกตัดหัว ใครจะถูกถอดจีวร เรื่องของคุณ มิใช่เรื่องของฉัน
เสียดายว่า..ตอนนี้พระมหาเถระผู้ใหญ่ของเราที่พอเป็นหลักของคณะสงฆ์ได้ ทั้งฝ่ายมหานิกายและคณะธรรมยุต จากไปทีละรูปทีละรูป..บางรูปก็นอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาล
พระที่เป็นบัณฑิต เป็นนักปราชญ์ ก็ “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” ไม่กล้าพูดความจริง ไม่มีความกล้าหาญ แม้เรื่องนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็ไม่กล้าพูด ไม่กล้าแสดง เพราะกลัวเก้าอี้หลุดบ้าง กลัวไม่ได้เก้าอี้ตัวใหม่บ้าง
จึงทำให้บรรดา พระมหาเถระที่ไม่มีความรู้ แต่ขึ้นมาเพราะ “วิ่งเต้น” กลายเป็น “คางคกขึ้นวอ”
ได้ข่าวว่ามีโทรทัศน์ช่องพระพุทธศาสนาช่องหนึ่ง ผู้บริหารไปรายงานเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านประชาสัมพันธ์กับ “สมเด็จพระราชา” รูปหนึ่ง ถูก “ตวาดกลับ”
และมีข่าวว่า “นักเคลื่อนไหว” ด้านพระพุทธศาสนาบางคนเข้าหาสมเด็จอีกรูปหนึ่ง เพื่อรายงาน “ภัยต่างศาสนา” ถูกด่ากลับว่า “เลอะเทอะ”
คนโง่เป็นผู้นำ และมาด้วยวิธีพิเศษไม่ว่าพระหรือฆราวาส…คุยยากวุ้ยโยม!!
…………..
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย…“เปรียญสิบ” : [email protected]