วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS“คุณหญิงอ้อ”ชักธงสู้-พา“ทักษิณ”กลับ! สงครามครั้งสุดท้าย“เพื่อไทย”แพ้ไม่ได้
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“คุณหญิงอ้อ”ชักธงสู้-พา“ทักษิณ”กลับ! สงครามครั้งสุดท้าย“เพื่อไทย”แพ้ไม่ได้

เดิมพันคนตระกูล “ชินวัตร” กับการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น ในไม่อีกกี่เดือนข้างหน้า คงสูงลิ่วจริงๆ หลังตกอยู่ในสถานะฝ่ายตรงข้ามอำนาจจรัฐมา 8 ปีเต็ม ดังนั้น การแย่งคืนอำนาจกลับ ให้มาอยู่กับฝ่ายตนเอง จึงมีความสำคัญมาก และอาจถือเป็นสงครามครั้งสุดท้าย

ใครตามการเมืองบ้านเรา ก็คงมองออก ต่อให้กระแส “ทักษิณ ชินวัตร” หรือระยะหลัง มักใช้ชื่อ “โทนี่ วู้ดซัม” ยังมีมนต์ขลัง ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานมากขนาดไหน แต่ถ้า พรรคเพื่อไทย (พท.) ต้องอยู่ในสถานะฝ่ายค้าน  ภายหลังการเลือกตั้งเชื่อได้เลย จะมีส.ส.พรรคแกนนำฝ่ายค้าน ขอเล่นบท “งูเห่า” อีกหลายสิบชีวิต อันเนื่องมาจาก 8 ปีที่ผ่านสภาพชีวิตความเป็นอยู่ มีความแตกต่างจาก ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล เพราะมีทั้งเงินเดือนประจำ เงินช่วยเหลือส.ส.ที่บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลจัดสรรให้ อยู่ใน สภาพท้องอิ่มปากมัน 

ขณะที่การจุดประเด็นแลนด์สไลด์ของแกนนำพรรคพท. ส.ส.พรรคแกนนำฝ่ายค้านบางคน ยังตั้งข้อสงสัยว่า การสร้างกระแสดังกล่าว เป็นแผน “นายใหญ่” และ “นายหญิง” ที่หวังจะเซฟค่าใช้จ่าย ไม่ต้องจ่ายเงินช่วยเหลือในการเลือกตั้งหรือไม่ เนื่องจากบรรดาคนอยู่ในแวดวงการเมืองต่างรู้ดีว่า คนชื่อ “ทักษิณ” ไม่ชอบลงทุน นิยมแต่ “เก็บเกี่ยวแต่ผลกำไร” ซึ่งมีส่วนทำให้ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ที่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ ไม่อยากกลับเข้าทำงานการเมืองใน “พรรค พท.” อีก

แต่การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น อาจแตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา หลังได้เห็นความเคลื่อนไหว “คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์” อดีตภริยานายทักษิณ ออกมาสื่อสารเป็นครั้งแรกต่อสาธารณะ ให้สัมภาษณ์เรื่องทางการเมือง แม้จะพูดผ่านหนังสือ Thaksin Shinawatra Theory and Thought (ทักษิณ ชินวัตร หลักการและความคิด) ซึ่งลูกทั้งสามๆ ของ “ทักษิณ” และ “คุณหญิงพจมาน” จัดทำขึ้นมา เพื่อหวังใช้สร้างกระแสในช่วง “มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 27” แต่ก็ทำให้เรารับรู้มุมมองของ “ผู้หญิงที่มากบารมี” ไม่ว่าพรรค พท. จะเป็นแกนนำรัฐบาล หรืออยู่ในสภาพพรรคฝ่ายค้าน

สำหรับเนื้อหาในหนังสือ ได้แบ่งออกเป็นหลายภาคส่วน เช่น หลักการความคิด ครอบครัว เพื่อน บุคคลที่ใกล้ชิด เคยทำงานด้วย โดยเนื้อหาการให้สัมภาษณ์บางช่วงบางตอน ได้ถูกเผยแพร่ผ่านบทสัมภาษณ์เปิดใจเมื่อวันที่ 26 ก.ค. เนื่องในวันคล้ายวันเกิด 73 ปี ของ “ทักษิณ” ไปแล้ว เช่น การพูดถึงพวกชนชั้นการปกครองที่เขาใช้คำว่า “อีลิต” และการสั่งเสียต่อครอบครัวว่า ตายไม่เผา ให้เก็บร่างไว้ เป็นต้น

ในช่วงแรกคณะผู้จัดทำได้ให้มองย้อนกลับไป เห็นลูกแต่ละคนเติบโตมา ลึกๆ คิดถึงลูกแบบไหน โดยนายทักษิณบอกว่า โอ๊ค (พานทองแท้ ชินวัตร) เขาเป็นลูกคนโต ความเห่อความสปอยล์ ผมอาจจะมีมากกว่าสองคน แต่เขาเป็นคนที่มี astistry สูง เขามีครีเอทีฟดี แต่บางทีเราก็อยากให้เขาหาจุดของเขาให้เจอ อย่างวันนี้ อิ๊งค์ (แพทองธาร ชินวัตร) เขาไปเข้าประชุมการเมือง โอ๊คเขาก็ไปนั่งอยู่ด้วย คอยดูแลน้อง เพราะประสบการณ์ในด้านของความเข้าใจการเมือง โอ๊คจะมากกว่าน้อง แต่น้องจะเข้าใจลึกอีกแบบ เพราะว่าอิ๊งค์อยู่กับผมตั้งแต่เด็กไง เป็นลูกที่ติดผมตั้งแต่เด็กๆ ผมไปไหนก็เอาไปด้วย เขาก็เลยซึมซับผมโดยไม่รู้ตัว

..แล้วก็ต้องยอมรับว่า อิ๊งค์เขาได้ดีเอ็นเอผมกับแม่ เขาเข้มแข็งเหมือนแม่ และเป็นคนมีความเป็นผู้นำ มีความกล้า เขาเดินได้สบาย ผมว่าเขาแข็งแรงดีแล้ว จิตใจเขาเข้มแข็งด้วย แล้วก็มีปฏิภาณทางการเมืองดี เพียงแต่ว่าชั่วโมงบินในการรู้จักผู้คน เพื่อจะ handle (รับมือ-ควบคุม-จัดการ) ทางการเมืองยังต้องเพิ่ม คือผู้คนทางการเมืองกับผู้คนทั่วไปตามบริษัทไม่เหมือนกัน การเมืองมันเต็มไปด้วยตนที่มีอีโก้คนละแบบมารวมกัน


ในภาคของเนื้อหา Thaksin & Family ตอนเนื้อหา Thaksin’s Reflection ได้มีการเผยแพร่บทสัมภาษณ์  “คุณหญิงพจมาน” ซึ่งเป็นการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกในทางการเมือง ตอนหนึ่งระบุว่า “วันแรกที่คุณทักษิณ เข้าสู่การเมืองจนเป็นนายกรัฐมนตรี คุณหญิงและครอบครัวคุยกันอย่างไร ครอบครัวก็ต้องดีใจเป็นที่สุดค่ะ และคิดกันว่าท่านคงทำหน้าที่นี้ได้อย่างดี เพราะชีวิตท่านก็ผ่านความยากลำบากกว่าจะประสบความสำเร็จมาถึงวันนี้ ขณะนั้นที่คิด ท่านคงอยากใช้ความสามารถทั้งหมดมาทำประโยชน์ให้ประเทศ”

เมื่อถูกถามว่า ดีใจหรือกังวลถึงความท้าทายที่จะตามมา อดีตภริยานายทักษิณ ตอบว่า มองเห็นแต่ความกังวลตามที่คุณย่า (คุณแม่ของคุณทักษิณ) เคยเตือนไว้แล้วว่า การมาทำงานการเมืองมีแต่ความเหน็ดเหนื่อย ถูกใส่ร้ายป้ายสีและอื่นๆ อีกมากมาย แต่ที่ห่วงสุดคือสุขภาพของท่าน

คุณหญิงพจมาน ยังกล่าวผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ที่จัดทำโดยลูกทั้ง 3 คน ในประเด็นวันแรกที่คุณทักษิณถูกรัฐประหาร ความรู้สึกแรกเป็นอย่างไรว่า “ตกใจที่สุด เป็นห่วงลูกๆ ว่าจะปลอดภัยอย่างไร และเราก็ไม่รู้ถึงความน่ากลัวของรัฐประหาร ว่าจะลามมาถึงครอบครัวไหม และ เราจะต้องตกอยู่ในสภาพไหน ในส่วนตนเองและครอบครัวรับมือ ด้วยความนิ่ง และดูความปลอดภัยของลูกๆ เป็นหลักในตอนนั้น”

ขณะที่ประเด็นตอนคุณทักษิณตัดสินใจลี้ภัย ได้คุยอะไรกันบ้างนั้น คุณหญิงบอกอะไรกับคุณทักษิณ คุณหญิงพจมานย้อนอดีตว่า เห็นด้วยที่จะ ให้ท่านอยู่เมืองนอกก่อน และให้ลูกๆ ช่วยคุยกับท่านว่า อย่าให้พ่อกลับมาไทย เพราะตอนนั้นท่านอยากกลับประเทศไทย อยากกลับมาสู้คดี เพราะท่านคิดว่าท่านบริสุทธิ์

และมาถึงคำถามที่สำคัญ และน่าจะมีนัยยะ ถึงการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น เมื่อถูกตั้งคำถาม ในฐานะ “คุณยาย” คุณหญิงฝันอะไร ตั้งความหวังอะไรกับหลานๆ ในวันเวลาที่สังคมไทยมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ค่อนข้างริบหรี่ อดีตภริยานายทักษิณ กล่าวว่า “ไม่ได้คาดหวังอะไร อยากให้เขาโตมาร่าเริงแจ่มใส พ่อแม่เขาก็ดูแลกันดีเต็มที่ เพราะคิดว่า เลี้ยงลูกมาอย่างดีแล้ว และลูกก็คงเลี้ยงลูกของตัวเองได้ดีกว่าแน่ แค่อยากเห็นหลานๆ เติบโตมาอย่างมีความสุข ร่าเริง สดใสตามวัยกับสุขภาพที่แข็งแรง และรักกัน อย่างอื่นก็ให้เป็นไปตามวันเวลา แต่คุณตาจะได้กลับมาเห็นความเติบโตของหลาน ก็แอบคิดว่า คงมีสักวัน แน่นอนที่หลานๆ ทุกคนจะได้อยู่พร้อมหน้ากับคุณตาอันเป็นที่รัก

ถ้าตีความแปลความหมายตามตัวหนังสือ หลายคนคงเห็นว่า คุณหญิงพจมานอยากเห็นอดีตสามี กลับมาใช้ชีวิตในบ้านเกิดเมืองนอนอีกครั้ง เพื่ออยู่พร้อมหน้าพร้อมกัน เป็นครอบครัวที่มีความสมบูรณ์ เพียงแต่ต้องไม่ลืมว่า อดีตนายกฯที่ระยะหลังมักใช้ชื่อ “โทนี่ วู้ดซัม” มีชนักติดหลัง ซึ่งเกี่ยวพันกับ คำพิพากษาในคดีทุจริต และเรื่องรอการไต่สวนอยู่ในชั้นไต่สวนของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  (ป.ป.ช.) ซึ่งคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินลงโทษ 6 คดี รวมโทษจำคุกเป็นเวลา 12 ปี

ส่วนอีก 2 คดีที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของป.ป.ช.คือ คดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ล็อตสอง จำนวน 8 สัญญา ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการแจ้งผู้ถูกกล่าวหาเพิ่มเติม รวมถึงชื่อของ ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพท. แกนนำกลุ่ม “วังน้ำยม” สองน้องสาวของนายทักษิณด้วย กรณีนี้องค์คณะไต่สวนชุดใหญ่ มีกรรมการ ป.ป.ช. 9 รายเป็นองค์คณะ แจ้งข้อกล่าวหากับ “ผู้ถูกกล่าวหาสำคัญ” ในคดีนี้ไปแล้วทั้งหมด และรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จแล้ว

ส่วนอีกคดีเป็นการกล่าวหาการอนุมัติสั่งซื้อ เครื่องบินแบบ A340-500 และ A340-600 ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ระหว่างปี 2545-2547 ทำให้การบินไทยมีหนี้สินเพิ่มมากขึ้น โดยปรากฏชื่อ นายทักษิณฯ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรมว.คมนาคม และ พิเชษฐ สถิรชวาล อดีตรมช.คมนาคม เป็นผู้ถูกกล่าวหาร่วมกับ “ทนง พิทยะ” เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ “กนก อภิรดี” เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันมีการตั้งองค์คณะไต่สวนชุดใหญ่เพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงในคดีแล้ว

ขณะที่ในบทสัมภาษณ์ “ทักษิณ” ผ่านหนังสือ Thaksin Shinawatra Theory and Thought ในบท True Democracy ช่วงแรก “ทักษิณ” มีการพูดคุยถึง การร่างรัฐธรรมนูญ (รธน.) แต่ละฉบับมุ่งหวังแต่จะกันใครออกจากการเมือง ทหารคือภัยคุกคามประชาธิปไตย มีกลุ่มที่เป็นไม้ค้ำยันเผด็จการ และได้พูด ถึงกลุ่มอีลิตที่สำคัญตัวเองผิด คิดว่าฉลาด

อย่างไรก็ดี เมื่อผู้จัดทำหนังสือได้ถามว่า เงื่อนไขแบบศาลไทย องค์กรอิสระต่างๆล่ะ ยากไหมที่จะเปลี่ยน “ทักษิณ” ตอบกลับผ่านบทสัมภาษณ์ว่า มี 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเกิดจาก human prejudice มันถูกใช้ในการตัดสิน ซึ่งจริงๆแล้วการตัดสิน ต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน และสิ่งที่ปรากฏในคดีเท่านั้น ถ้าเมื่อไรศาลมี human prejudice ไปอ่านหนังสือพิมพ์ที่เป็นพวกเดียวกัน ที่ไปโจมตีพวกหนึ่ง แล้วก็เอาเนื้อหาในหนังสือพิมพ์มาตัดสิน ซึ่งหลายคดีเป็นอย่างนั้น  นอกจากนี้ยังมีบางประโยคที่วิจารณ์การทำหน้าที่ของศาล 

อีกส่วนหนึ่งก็เกิดจากการที่ “ผู้มีอำนาจ” เข้าแทรกแซงสั่งการ อันนี้เป็นสิ่งที่มีอยู่ต่อเนื่องมาตั้งแต่มีการปฏิวัติรัฐประหาร เป็นจุดอ่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่มาขององค์กรอิสระก็ hand picked โดยกลุ่มผู้มีอำนาจ จากการรัฐประหาร เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการทำร้ายคนอื่นแล้ว ฟอกขาวให้กับพวกตัวเอง อันนี้เป็นสิ่งที่เขาเรียกว่า เป็นความเลวร้ายที่ทำให้สังคมไทยต้องแตกแยก 

“ความจริงแล้วคนไทยพวกนี้ คือพวก รักหมามากกว่ารักคน เพราะมองว่าคนคือศัตรู ซึ่งจริงๆ แล้วน่ารักออก ที่เขาสามารถเห็นต่างกับเราได้ เราจะได้มีมุมมองอีกทางหนึ่ง ได้คิดว่า เฮ้ย ถูกเปล่าวะเรา อย่างลูกน้องที่อยู่ใกล้ตัวผม ส่วนใหญ่แล้วมักกล้าเห็นต่างจากผมและกล้าที่จะบอกผม แล้วผมจะชอบ ดีเว้ย คอยเตือนหน่อย บางทีเราทำอะไรน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ถ้ามีคนสะกิดเรา”

ขณะที่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ซึ่งก้าวเข้าทำงานการเมือง รับตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ก็ใช้หนังสือที่ตนเองและพี่จัดทำขึ้น วิจารณ์กระบวนการยุติธรรมเช่นเดียวกัน โดยตอนหนึ่งระบุว่า “เรารู้ว่ากระบวนการยุติธรรม มันชอบฉีกกฎหมายเล่น ถึงเวลาแพ้ก็ล้มเกมซะเลย อย่างวันที่รัฐประหาร ถามว่าเศรษฐกิจเราแย่เหรอ ไม่นะ วันนี้สิ ไม่รัฐประหารแล้วเหรอ คุณโกหกไปเถอะ จะช้าหรือเร็วก็ต้องเจอเรื่องจริงอยู่ดี ในคืนวันที่ผู้มีอำนาจยังเอาแต่ใจ”

ใครก็เดาทางไม่ถูก โอ๊คแสดงความห่วงใยอิ๊งค์มากที่สุด คือการเล่นนอกกติกา “เมืองไทยถ้ามันไม่ล้มโต๊ะ มันก็ใช้ใต้โต๊ะ มีแค่สองอย่างนี้ แต่เราคิดว่าบทเรียนจากอาปู (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) บทเรียนจากพ่อ เราต้องทำอะไรให้ดีขึ้น วันนี้เราเชื่อว่ารัฐประหารไม่ง่ายแล้ว จะหาเหตุผลอะไรมาล่ำ ความจริงทุกอย่างมันค้นหาได้ในอินเตอร์เน็ต ใครจะกุเรื่องมาหาเหตุรัฐประหารได้อีก”

ใครเห็นสัญญาณที่ “คนในตระกูลชินวัตร” ส่งมาครั้งนี้ โดยเฉพาะ “คุณหญิงพจมาน” หรือที่คนสนิทชิดเชื้อ มักเรียกติดปากว่า “คุณหญิงอ้อ” คงเชื่อการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น คงเข้มข้นดุเดือดแน่ โดยเฉพาะเป้าหมายพรรคพท.คือ ต้องได้จำนวนส.ส.เกิน 250 เสียง เพื่อเอาชนะเสียงของวุฒิสภา (250 เสียง) ที่มีสิทธิ์ในการโหวตคัดเลือกนายกฯ เพื่อเข้าไปเป็น แกนนำจัดตั้งรัฐบาล ส่วนจะทุ่มเทสรรพกำลังเต็มที่มากแค่ไหน ก็ยังเป็นข้อสงสัยของสมาชิกพรรค พท. ที่รอคอยปัจจัย เพื่อใช้ในการหาเสียง  

แต่เหนือกว่านั้นคือ ถ้า “คุณหญิงอ้อ” อยากให้ อดีตสามีกลับบ้านอย่างเท่ๆ ก็ต้องผลักดัน กฎมายล้างผิด (พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ) ซึ่งเคยสร้างความเสียหายให้กับรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรมาแล้ว อยู่ที่จะกล้าทำอีกหรือไม่

………………………..

คอลัมน์: ล้วง-ลับ-ลึก                                                                                                       

โดย……“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img