แม้จะมีส.ส.อยู่ในมือเพียงหลักสิบ แต่ความเคลื่อนไหวของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ภายหลังลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ก็ยังอยู่ในความสนใจของนักเลือกตั้ง ท่ามกลางการช่วงชิงอำนาจบริหารของสองขั้วการเมือง และเป้าหมายของบางพรรคที่หวังแลนด์สไลด์
“ร.อ.ธรรมนัส” ให้สัมภาษณ์ว่า จะมีการเลือกกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ใหม่ เนื่องจากว่า กก.บห.ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.เขต และส.ส.บัญชีรายชื่อ พอ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาตรการ 180 วัน การทำงานในพื้นที่มันลำบาก สุ่มเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดี เลยตัดสินใจลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคศท. เมื่อถามว่า จะกลับไปอยู่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีความคืบหน้าอย่างไร ร.อ.ธรรมนัส ตอบว่า ยังต้องรอจังหวะดู ว่าเราจะเดินหน้าอย่างไร
ก่อนหน้านี้ “อดีตหัวหน้าพรรคศท.” ประกาศจะส่งส.ส. ลงสมัครรับเลือกตั้งครบ 400 เขต ในวันแรก ๆ ที่เข้าไปทำงานการเมืองในพรรค ศท. แต่พอมาวันนี้ “ผู้กองคนดัง” ซึ่งเหลือ ส.ส.ที่ร่วมหัวจมท้ายเพียง 13 คน จากเดิมที่ถูกขับออกจาก พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รวมทั้งหมดรวม 21 คน แต่หลังจากการเข้ามาแบกรับภาระในฐานะผู้นำพรรค ก็คงรู้ทั้งเรื่องความรับผิดชอบ และค่าใช้จ่ายที่มีมากมายมหาศาล นี้ขนาดยังไม่ถึงช่วงหาเสียงเลือกตั้ง บวกรวมกับ กฎกติการัฐธรรมนูญ (รธน.) 60 ที่ไม่เอื้อกับพรรคขนาดเล็ก ดังนั้นการยอมรับความจริง การดิ้นหาทางรอดทางการเมือง จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลกกับกระแสข่าว “ร.อ.ธรรมนัส” จะนำเพื่อนร่วมอุดมการณ์ กลับไปร่วมกับ แกนนำพรรคฝ่ายค้าน เนื่องจากอดีตที่ผ่านมา “ผู้กองคนดัง” ก็เคยร่วมงานกับพรรคพท. ก่อนที่จะย้ายมาสังกัด “พปชร.” โดยแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ต้องการให้มาช่วยรับผิดชอบดูแลภาคเหนือ ซึ่งผู้กองคนดังก็ทำงานสำเร็จ นำส.ส.จำนวนหนึ่งตีฝ่าวงล้อมพรรคพท. ซึ่งมีฐานที่มั่นภาคเหนือมาได้ ทั้งๆ ที่เป็นพื้นที่บ้านเกิด “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไท (ทรท.)
แต่ในที่สุดก็มาเกิดเหตุการณ์สำคัญ นำมาสู่ความเปลี่ยนทั้แปลงในรัฐบาลและพปชร. ในช่วงพล.อ.ประยุทธ์ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อปี 64 เนื่องจากมีข่าว “ร.อ.ธรรมนัส” ไปมีส่วนรู้เห็นกับการโค่นล้ม “หัวหน้ารัฐบาล” โดยแอบไปจับมือกับ พรรคพท. จะนำส.ส.พรรคพปชร.จำนวนหนึ่ง โหวตไม่ไว้ใจหัวหน้ารัฐบาล เพื่อให้พ้นสถานะนายกฯกลางสภาฯ โดยยุทธการเผด็จศึกครั้งนี้ มีข่าวว่า “คุณหญิงคนดัง” จับมือลับๆ กับ “บิ๊ก ป.” หวังต้องการเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาล
ครั้งนั้นถ้าเดินเกมสำเร็จ หัวหน้ารัฐบาลจะชื่อ “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ ในฐานะ หัวหน้าพรรค พปชร. แต่ท้ายที่สุด “พี่ใหญ่ 3 ป.” ไม่เล่นด้วย อีกทั้งยังมีแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลนำแผนลับไปบอกหัวหน้ารัฐบาล และผลพวงปฏิบัติการครั้งนั้น ในที่สุด “ร.อ.ธรรมนัส” ก็ถูกปลดพ้นจากตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ และในฐานะเลขาธิการพรรคพปชร. ยังสร้างปัญหาขัดกับแกนนำคนอื่นในพรรคต้นสังกัด จนนำมาสู่การแยกตัว ออกจากพปชร.ของ “ร.อ.ธรรมนัส” และพวกในที่สุด อีกทั้งยังมีพ้นทำให้ “ผู้กองคนดัง” ไม่สามารถกลับ ไปร่วมงานพรรคแกนนำรัฐบาลได้อีก แม้ “บิ๊กป้อม” อยากจะให้กลับมาช่วยงาน เพระทำงานรู้ใจกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 31 ต.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจทวิตเตอร์ของ “แอนดรูว์ แม็กเกรเกอร์ มาร์แชลล์” ผู้สื่อข่าวที่ติดตามสถานการณ์การเมืองของไทย ได้โพสต์ภาพของร.อ.ธรรมนัสพร้อมกับข้อความระบุว่า “เอ็กคลูซีฟ ร.อ.ธรรมนัส พรหมผ่า อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ถูกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปลดพ้นตำแหน่ง โดยปัจจุบันเขาเป็นส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ได้เดินทางจากกรุงเทพ มาที่ดูไบวันนี้ โดย เที่ยวบิน เอมิเรสต์ EK 375 นี่คือรูปถ่ายของเขาในห้องรับรองของเอมิเรตส์ที่สุวรรณภูมิ ไม่ทราบสาเหตุของการเดินทางของเขา แต่เรารู้ว่าใครอยู่ในดูไบ”
ขณะที่ “ทักษิณ” หรือ “โทนี่ วู้ดซัม” เคยกล่าวในรายการ CareTalk x CareClubHouse ถึงกรณีกระแสข่าวดีลลับดูไบ ร.อ.ธรรมนัสเตรียมย้ายกลับเข้าพรรค พท. โดยนายทักษิณยืนยันไม่มีดีลแน่นอน ตนไม่เกี่ยว ไม่มีหน้าที่อะไรต้องไปดีล
ถามว่า รู้จักไหม ทักษิณตอบว่า รู้จักเพราะเป็นคนเหนือ เคยอยู่พรรคพท.มาก่อน เป็น นักเรียนเตรียมทหาร (ตท.) รุ่นน้อง ทั้งนี้ทุกอย่างเป็นเรื่องของกระบวนการของพรรค ระบบพรรค กติกาของพรรคต้องคุมคนที่อยู่ในพรรคได้ คนที่อยู่ในพรรคต้องปฏิบัติตามกติกาของพรรค และมีหน้าที่ปฏิบัติตามในสิ่งที่พรรคได้สัญญากับประชาชนไว้
เช่นเดียวกับ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคพท. ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวดีลลับระหว่างนายทักษิณ และร.อ.ธรรมนัส ที่จะนำส.ส.พรรคศท. จะย้ายกลับมาอยู่กับพรรคพท.ว่า ไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง ข่าวแบบนี้มีมาตลอด คงต้องเฝ้าระวัง มีใครประสงค์ร้ายกับพรรค เรายึดหลักกฎหมายเคร่งครัด การจะนำใครมาอยู่ในพรรคนั้นมีกลไก ที่สำคัญพรรคพท.เป็นพรรคของประชาชน ต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกพรรคที่มีอุดมการณ์เดียวกับพรรค คนที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคแม้มีความคิดเห็นอย่างไร พรรคก็ฟังความคิดเห็นตลอด การจะทำกิจกรรมอะไรต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของพรรคเป็นลำดับชั้น สุดท้ายเป็นกก.บห.
เมื่อถามถึงกรณีบางเขตที่ยังเปิดตัวไม่ครบ ส่วนหนึ่งเพราะรอกลุ่มของร.อ.ธรรมนัสใช่หรือไม่ ซึ่งมีข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัสสเดินทางไปนครดูไบ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์แบบนั้น เนื่องจากเขตหนึ่งมีผู้ประสงค์จะลงสมัครมากกว่าหนึ่งคน และมีความรู้ความสามารถทัดเทียมกัน เมื่อถามต่อว่า สมาชิกพรรคพท.บางส่วนไม่ยอมรับ ร.อ.ธรรมนัส เพราะกลัวเสียคะแนนนิยม นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราคำนึงถึงคะแนนนิยมเป็นอันดับแรก การจะมีคนเข้ามาต้องเป็นผลบวก เป็นที่ยอมรับของประชาชน
จับตาท่าทีหัวหน้าพรรคพท. แม้ใครรู้ว่า ไม่ใช่บุคคลที่มีอำนาจอย่างแท้จริง ก็เหมือนจะตั้งแง่และต่อต้าน “ร.อ.ธรรมนัส”
อย่าลืมว่าอดีตรมช.เกษตรฯเคยถูกพรรคฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องนำสารเสพติดเข้าประเทศออสเตรเลีย จนมีคำพิพากษาให้จำคุก แม้เรื่องราวจะผ่านพ้นไป แต่ก็อาจจะถูกฝ่ายตรงข้ามขุดคุ้ยขึ้นมาอีก อีกทั้งอดีตแกนนำพรรคพท.หลายคน ก็ถูกศาลฎีกาแผนกคดีของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกในคดีทุจริตและคอรัปชั่น โดยเฉพาะปมความผิดพลาดจากโครงการรับจำนำข้าว ดังนั้นถ้ารวมกันจริง ม็อตโต้ “ข้าวผสมแป้ง” อาจกลับมาเป็นวลีฮิตอีกก็ได้
จึงไม่แปลกเมื่อมีกระแสข่าว “นักรบในห้องแอร์” ของพรรคพท. นำโดย “ภูมิธรรม เวชยชัย” และ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ไม่เห็นด้วยกับการเปิดรับสมาชิก ที่มีปัญหาด้านภาพลักษณ์ แต่หนหลังอย่าง “ร.อ.ธรรมนัส” เพราะเกรงจะเป็นจุดอ่อนให้คู่ต่อสู้นำไปโจมตีในช่วงหาเสียง เนื่องจากมีเป้าหมายได้ส.ส.เกิน 250 เสียงขึ้นไป
จากนี้จะต้องจับตาดาดู ระหว่าง “ดีลลับดูไบ” กับ “แรงต้านจากผู้มากบารมีภายในพรรค” ใครจะเหนือกว่ากัน
แต่ที่แน่ๆ คือ การเดินเกมการเมืองถ้าเกิดพลาดขึ้นมา จากผู้ทรงพลังกลายเป็นพวกไม่มีใครอยากคบ เส้นเลือดใหญ่กลายเป็นเส้นเลือดฝอย
หรือชะตากรรมที่เกิดขึ้นกับ “ร.อ.ธรรมนัส” ถูกใครบางคนเซ็ตขึ้น เพื่อประโยชน์ “คนแดนไกล”
……………
คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก
โดย….“แมวสีขาว”
