วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS‘บุญทรง’พยานจับ‘โกงจำนำข้าวภาค 2’ จับตา‘คนทิ้งเพื่อน’ได้ผลลัพธ์คาดไม่ถึง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘บุญทรง’พยานจับ‘โกงจำนำข้าวภาค 2’ จับตา‘คนทิ้งเพื่อน’ได้ผลลัพธ์คาดไม่ถึง

เห็นทีจะกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้ว เวลาใกล้เลือกตั้งทีไหร่ บรรดาองค์กรอิสระ หน่วยงานที่ทำหน้าที่ปราบโกง ดูจะขยันขันแข็งมากเป็นพิเศษ จนหลายคนตั้งคำถาม บางคนมีข้อสงสัย แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ขึ้นกับพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริง จนทำให้สังคมยอมรับกระบวนการตรวจสอบ

เมื่อต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา “พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ” ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.เพิ่งจะชี้มูล “ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม” แกนนำกลุ่มปากน้ำ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรปราการ ในคดีทุจริตการจัดสรรเงินอุดหนุนแก่วัดในจ.สมุทรปราการว่า เรื่องนี้ไต่สวนมาเป็นเวลานาน

ก่อนหน้านี้คณะกรรมการป.ป.ช.ได้มีมติ ให้ไปไต่สวนบางประเด็น ให้มีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งผู้รับผิดชอบรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว และเรื่องกำลังรอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.อยู่ ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบกฎหมาย 

เชื่อว่าเหตุผลที่สื่อตั้งคำถามกับประธานป.ป.ช. สืบเนื่องมาจากก่อนหน้าที่จะมีการชี้มูลความผิดคดีสำคัญ สื่อหลายสำนักนำเสนอภาพ “ชนม์สวัสดิ์” นั่งรับประทานอาหารกับ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วยลูกสาวอดีตนายกอบจ.สมุทรปราการ และลูกชายหัวหน้าพรรคภท. ซึ่งทั้งคู่เป็น “แฟนกัน”

อีกทั้งยังมีข่าวในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทายาทตระกูลอัศวเหม อาจนำส.ส. 6 คนของจ.สมุทรปราการรไปสังกัดพรรค ภท. เลยมีการตีความกันต่างนานา ตั้งข้อสงสัยว่า การชี้มูลความผิดครั้งนี้ อาจเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังนักการเมืองที่มีคดีความ เป็นชนักติดตัวอยู่ การเคลื่อนไหวอะไรก็ตาม ต้องคำนึงว่า ในอดีตเคยทำอะไรไว้บ้าง

แต่ที่กลายเป็นประเด็นร้อนแรงมากกว่า การชี้มูลความผิดอดีตผู้บริหารองค์กรท้องถิ่น คงเป็นการตอบคำถามผู้สื่อข่าวของประธานป.ป.ช. กับประเด็นที่ว่า การพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ต้องดูช่วงเวลาหรือไม่

“พล.ต.อ.วัชรพล” ตอบว่า หัวใจสำคัญคือ ความครบถ้วนในพยานหลักฐานมากกว่า และผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเสนอขึ้นมา มีกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย เพื่อให้คณะกรรมการป.ป.ช.วินิจฉัย ข้อสำคัญคือ คนที่เป็นเจ้าหน้าที่ เมื่อทำเสร็จ ก็อยากให้คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณา หากเราไปดึง เขาก็จะมาร้องเรา หาว่าคณะกรรมการป.ป.ช.ไม่พิจารณา ระบบถูกตรวจสอบกันเองอยู่แล้ว

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ

เมื่อถามว่า มีคดีที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองที่จะพิจารณาอีกหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า มีเรื่องสำคัญที่รอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. อยู่ 3-5 เรื่อง เป็นเรื่องใหญ่ คดีสำคัญ ซึ่งมีไทม์ไลน์เรียบร้อยแล้ว น่าจะเข้าภายในสิ้นเดือนพ.ย.นี้

ต่อข้อถามว่า เป็นระดับส.ส.หรือรัฐมนตรีใช่หรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า เป็นระดับนักการเมืองสำคัญ เป็นคดีสำคัญ แต่ยังไม่ขอเปิดเผย ส่วนใหญ่เป็นอดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญ

ต่อข้อถามว่า หากเปิดคดีออกมาอีก จะถูกกล่าวหาว่ามีการเมืองเข้ามาเอี่ยวหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ถูกถามเป็นของธรรมดา เราก็ตอบไป คณะกรรมการป.ป.ช.เป็นอย่างนี้ ไปซ้ายก็โดน ก็ไปขวาโดน อยู่เฉยๆ ก็โดน เรายิ่งต้องระวังตัว และต้องทำ ต้องหนักแน่น ทุกอย่างตอบได้

หลังหลายคนเห็นบทสัมภาษณ์ประธานป.ป.ช. ก็พยายามไล่เรียง และทบทวนคดีสำคัญเกี่ยวพันกับนักการเมืองคนไหน เพราะหลังจากป.ป.ช.ภายใต้การนำของ “พล.ต.อ.วัชรพล” เข้ามาทำหน้าที่อย่างเป็นทางการ ก็ยังไม่เคยสร้างความฮือฮา เหมือนการทำงานขององค์กรอิสระปราบโกง ชุดที่มี “ปานเทพ กล้าณรงค์ราญ” เป็นประธาน  แต่อาจจะเป็นเพราะด้วยเงื่อนเวลา อย่าลืมอดีตนายตำรวจใหญ่ เพิ่งเข้ามาทำงานในบทบาทสำคัญได้ไม่นาน จึงต้องรอพิสูจน์ผลงานอีกซักระยะ ถึงอาจจะตัดสินได้ว่า มีประสิทธิภาพจริงหรือไม่  

อย่างไรก็ตามต่อมา “สำนักข่าวอิศรา” รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า หนึ่งในคดีสำคัญที่จะมีการนำเสนอเรื่อง ให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ พิจารณาผลการไต่สวนในช่วงสิ้นเดือนพ.ย. 65 คือ คดีทุจริตการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ภาค 2 ที่มีนักการเมืองคนสำคัญ อาทิ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี “เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งส.ส. และผู้ถูกกล่าวหารายอื่น จำนวนมากถึง 71 ราย

บุญทรง เตริยาภิรมย์ / FB : Sarawut Saetiao

โดยในส่วนของ “บุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีตรมว.พาณิชย์ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แหล่งข่าวจากป.ป.ช. ยืนยันว่า ถูกกันชื่อไว้เป็นพยานในคดี พร้อมกับบริษัทเอกชนบางส่วน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ “อภิชาติ จันทร์สกุลพร” หรือ “เสี่ยเปี๋ยง” ผู้ก่อตั้งบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ซึ่งถูกจองจำอยู่ในคุก ในคดีทุจริตจากโครงการรับจำนำข้าว

ทั้งนี้ ในส่วนการไต่สวน “บุญทรง” ซึ่งโดนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง ลงโทษจำคุก 42 ปี ในคดีระบายข้าวแบบจีทูจีล็อตแรกไปแล้วนั้น เคยมีกระแสข่าวว่า เจ้าหน้าที่จากป.ป.ช. เข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติมในเรือนจำ…เพิ่มเติม

สำหรับกรณีของ “ทักษิณ” นั้น ในชั้นการไต่สวนของคณะกรรมการป.ป.ช. คดีระบายข้าวจีทูจีล็อตแรก มีเอกชนบางรายให้ถ้อยคำกับคณะอนุกรรมการไต่สวนว่า เคยบินไปพบนักการเมืองใหญ่ที่ต่างประเทศ เพื่อเจรจาซื้อขายข้าว โดยนักการเมืองใหญ่รายนี้บอกว่า ให้มาซื้อกับ “อภิชาติ จันทร์สกุลพร” (เสี่ยเปี๋ยง) จำเลยคดีข้าวจีทูจีล็อตแรก (ปัจจุบันติดคุกอยู่) ได้เลยโดยตรง

ส่วน “เยาวภา” นั้น เป็นแกนนำกลุ่มวังบัวบาน ในจ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นต้นสังกัดกลุ่มทางการเมืองของ “บุญทรง” โดยในทางการเมืองว่ากันว่า “เยาวภา” เปรียบเสมือนเจ้านายของ “บุญทรง” จึงทำให้แจ้งข้อกล่าวหาในคดีนี้ด้วย

โดยในช่วงปลายเดือนต.ค.2561 ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติอย่างเป็นทางการ ให้ไต่สวน “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-เยาวภา” และมีการแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหา ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไปแล้ว

ถ้าใครติดตามความเคลื่อนไหวของ “บุญทรง” หลังรับโทษ ในคดีที่เกี่ยวข้องกับโครงการประชานิยมสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะรับรู้ว่า บรรดาสมาชิกพรรคพท. ไม่มีใครกล่าวถึงอดีตรมว.พาณิชย์  แม้กระทั่งวันที่สูญเสียบุพการี ก็ไม่มีข่าวอดีตเพื่อนร่วมพรรค แกนนำคนสำคัญพรรคพท.เดินทางไปร่วมงานศพมารดาของบุญทรงเลย  

ทั้งๆ ที่ในสมัยมีตำแหน่งทางการเมือง “บุญทรง” มีทั้งอำนาจและบารมี สมาชิกพรรคพท.ต่างให้ความยำเกรง เพราะรู้ดีว่า “บุญทรง” ถือเป็นบุคคลที่ “เจ๊แดง” ให้ความไว้วางใจ แม้กระทั่ง “ทักษิณ” ก็ไม่ยอมกล่าวถึงอดีตรมว.พาณิชย์ เพราะคงรู้ดีว่า “โครงการรับนำข้าว” กลายเป็นตราบาปของพรรคแกนนำฝ่ายค้านไปแล้ว

ไม่รู้จากผลพวงกรณีดังกล่าวหรือไม่ เคยมีข่าว อดีตรัฐมนตรี ซึ่งถูกป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ได้ให้การซัดทอด นักการเมืองคนดัง ในฐานะ ผู้บงการ ให้ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดย ส่งข้อความผ่านทางไลน์ แม้จะมีการลบข้อความดังกล่าวไป แต่เจ้าหน้าที่ที่ทำการตรวจสอบ ได้ขอความร่วมมือต่างประเทศ ที่ดูแลเรื่อง การส่งข้อความผ่านทางมือถือ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี นำมาสู่การคลี่คลายหาตัว “จอมบงการ”

จากนี้ไปคงต้อรอดู ในฐานะที่มีชื่อเป็นพยานคนสำคัญ “บุญทรง” จะให้ข้อมูลกับป.ป.ช.ในประเด็นไหน เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ภาค 2 หรือไม่ ซึ่งอาจส่งผลให้ได้รับการลดโทษลงไปอีก  หลังจากที่ผ่านมา ถือเป็นนักโทษชั้นดี ได้รับการลดโทษอย่างต่อเนื่อง

น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม

ขณะที่ “น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” หัวหน้าพรรคไทยภักดี (ทภ.) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขุดคุ้ยข้อมูลความไม่ชอบมาพากล จากโครงการรับจำนำข้าว สมัยยังสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โดยได้นำเรื่องไปอภิปรายไม่ไว้วางใจถึงสองครั้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง “จำนำข้าวภาคสอง” มีเนื้อหาบางตอนระบุว่า “ช่วงนี้มีกระแสข่าว จำนำข้าวภาคสองถี่ขึ้น ว่ามีความสัมพันธ์กับ นักการเมืองระดับใหญ่ ที่หนีคดีโกงไปอยู่ต่างประเทศ รวมทั้งข้าราชการระดับสูงชุดใหม่ ของกรมการค้าต่างประเทศ และนักธุรกิจที่พัวพันการโกงจำนำข้าวภาคแรก”

ต้องยอมรับโครงการรับจำนำข้าว ถือถือเป็นของแสลงสำหรับ “พรรค พท.” ถ้าหากป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเรื่องนี้อีกครั้ง ย่อม กระทบภาพลักษณ์ แกนนำพรรคฝ่ายค้านไปเต็มๆ โดยเฉพาะในช่วงใกล้เลือกตั้ง อีกทั้งยังเป็นบทเรียนให้ทุกพรรคการเมืองได้รับรู้ว่า “การทอดทิ้งเพื่อน” ที่เคยร่วมงานกันมา บางที “ผลลัพธ์” ที่ตามมา อาจเป็นเรื่องเลวร้าย ที่ใครก็คาดไม่ถึง

…………

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย… “แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img