วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS‘บิ๊กตู่’เล่นบท‘ผู้นำแก้รธน.’ล้มภาพผู้ฉีก หรือ‘แผนซ่อนเงื่อน’ล้มกระดานนับใหม่
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘บิ๊กตู่’เล่นบท‘ผู้นำแก้รธน.’ล้มภาพผู้ฉีก หรือ‘แผนซ่อนเงื่อน’ล้มกระดานนับใหม่

บรรดานักการเมืองและนักวิเคราะห์ความเป็นไปของบ้านเมือง คงคาดไม่ถึงว่า ผลพวงจากการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค 2022) ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จะสร้างการยอมรับ และทำให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มมากขึ้น จนน่าตกใจ  

ไม่เช่นนั้นหลังมีกระแสข่าว “หัวหน้ารัฐบาล” จะตัดสินใจไปร่วมงานการเมืองกับ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” (รทสช.) ที่มี “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” เป็นหัวหน้าพรรค บรรดานักการเมืองจำนวนไม่น้อย ต่างยินยอมพร้อมตัดสินใจ ที่จะไปร่วมหอลงโรงกับ “ลุงตู่” มากกว่าจะเลือกอยู่ร่วมงานกับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกฯ ในฐานะ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แม้หัวหน้ารัฐบาลจะยังไม่สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคน้องใหม่ก็ตาม  

แต่สัญญาณที่ “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน ในฐานะ ผู้อำนวยการพรรค พปชร. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ยืนยันจะไม่ทิ้งพล.อ.ประยุทธ์ โดยมีเนื้อหา “ผมคนจริงใจ จิตใจนักเลง เป็นนักรบ บาดเจ็บบ้าง เป็นเรื่องธรรมชาติ ขออย่าให้ใครมานินทา ว่าเอาแต่ได้ ถึงเวลาต้องแสดงความจริงใจ “คนชลบุรี” จิตใจ นักเลงจริง สมคำว่า “นักเลงเมืองชล” ลุงตู่ ปกป้องดูแล ผมมาตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปี จะทิ้งลุงตู่ไปคนเดียว ผมจะเอาหน้ากลับมาบ้าน ได้อย่างไร เสียชื่อ คนชลบุรี หมดสิครับ”

การออกมาโพสต์ข้อความของ “สุชาติ” ทำให้สื่อหลายสำนัก เชื่อว่าเป็นการตอกย้ำข่าว พล.อ.ประยุทธ์ได้เข้าพบ พล.อ.ประวิตร ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อลาไปทำงานการเมืองกับพรรค รทสช. โดย “สุชาติ” มีชื่อจะย้ายตาม พล.อ.ประยุทธ์ไปอยู่พรรคน้องใหม่ทางการเมืองด้วย พร้อมยังรวบรวมส.ส.พรรค-แกนนำรัฐบาลจาก พปชร.ในกลุ่มหลายสิบคน จะย้ายตามไปด้วย

ขณะที่ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม ในฐานะ ประธานยุทธศาสตร์พรรคพปชร. และ แกนนำกลุ่มสามมิตร ก็เริ่มเล่นบท “แทงกั๊ก” ไม่ยืนยันจะทำงานการเมือง ต่อไปกับพรรคต้นสังกัดเดิมหรือไม่ โดยกล่าวถึงทิศทางทางการเมืองของกลุ่มสามมิตรจากนี้จะเป็นอย่างไร ว่า ตอนนี้มีข้อมูลใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ จึงทำให้เราต้องรวบรวมข้อมูลเพื่อตัดสินใจ การเมืองจะเอาเรื่องของความรักความชอบไม่ได้ แต่มันเป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับคนส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องดูให้ครบถ้วน ตนเคยบอกว่าช่วงเดือนม.ค. 2566 แต่ตอนนี้ ข้อมูลมันเปลี่ยนแปลง ไปอีกแล้ว จึงทำให้ต้องดูข้อมูลกันใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นว่าจะทำอย่างไร เพื่อให้ได้ประโยชน์กับประเทศสูงสุด

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน

“ขณะนี้ข้อมูลเปลี่ยนแปลงใหม่หมดแล้ว จึงต้องล้างเมมโมรี่เก่าออกให้หมด และทำใจให้นิ่ง แล้วคิดต่อไปว่า ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป” สมศักดิ์ระบุชัด และนังตอบคำถามที่ว่า กลุ่มสามมิตรมีทางเป็นไปได้หรือไม่ที่จะพลิกขั้วไปอยู่กับ พรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า “ยังไม่ได้คิดอะไร  ไม่ได้คิดไปทางนั้นเลย”

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าว ทั้ง “สมศักดิ์ เทพสุทิน” และ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม ซึ่งทั้งคู่ เป็น แกนนำกลุ่มสามมิตร ตัดสินใจจะไปร่วมงานการเมืองกับ “รทสช.” โดย “สุริยะ” อาจรับตำแหน่ง เลขาธิการพรรค ซึ่งการตัดสินใจของกลุ่มสามมิตร เกิดขึ้นก่อนข่าว “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) จะย้ายกลับมาร่วมงานกับพรรค พปชร. 

โดยแกนนำกลุ่มสามมิตรเชื่อว่า ด้วยแรงหนุนจาก “บุคคลสำคัญ“ บวกรวมกับ กระแสการยอมรับ “พล.อ.ประยุทธ์” หลังร่วมประชุมระดับโลก และบริหารจัดการเวทีสำคัญได้อย่างยอดเยี่ยม จะมีส่วนทำให้ พรรคน้องใหม่ทางการเมือง ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มมากขึ้น  

แม้กระทั่ง “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพปชร. ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เข้าร่วมสัมมนากับพรรคต้นสังกัด ยังมีท่าทีลังเล เมื่อถูกสื่อตั้งคำถามในฐานะเลขาธิการพรรคฯ ยังยืนยันหรือไม่ว่าจะอยู่ช่วยพล.อ.ประวิตรต่อไป ไม่คิดไปไหนว่า โดย “สันติ” กล่าวว่า ในฐานะเลขาธิการพรรคฯยืนยัน  เมื่อถามอีกว่า แล้วในนามส่วนตัว ยืนยันเหมือนกันหรือไม่ “สันติ” ยิ้ม แต่ไม่ตอบคำถาม ก่อนเดินเข้าห้องประชุมครม.

ต้องไม่ลืมว่า “สันติ” เคยมีปัญหาขัดแย้ง “ร.อ.ธรรมนัส” ช่วงมีการเคลื่อนไหวล้มพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อมีข่าวอดีตเลขาธิการพรรคพปชร. ขอกลับมาช่วยงาน “บิ๊กป้อม” อาจทำให้ “สันติ” รู้สึกอึดอัด อยากย้ายออกจากพรรคต้นสังกัด และ “รทสช.” ก็อาจเป็นทางเลือกหนึ่ง

อีกทั้งในวันที่ 24 พ.ย. “พล.อ.ประยุทธ์” มีกำหนดการเดินทางไปยังสนามหน้าศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อเป็นประธานคิกออฟ มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 โดยมี “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง และตัวแทนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมส่วนราชการให้การต้อนรับ ซึ่งจ.เพชรบูรณ์ถือเป็นฐานที่มั่นทางการเมืองของ “สันติ”

โดยการลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ครั้งนี้ จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เท่านั้น และมีกำหนดการปราศรัยและพบปะกับกลุ่มเกษตรกรและประชาชนประมาณ 10 นาที ก่อนเดินทางกลับในเวลา 12.45 น.ของวันเดียวกัน ซึ่งหลังที่มีกระแสข่าว “พล.อ.ประยุทธ์” เตรียมที่จะประกาศความชัดเจนทางการเมือง ทำให้มี ส.ส.พรรค พปชร. แสดงความจำนงเดินทางมาต้อนรับ เพื่อเป็นการแสดงพลังในซีกของพล.อ.ประยุทธ์จำนวนมาก

สายัณห์  ยุติธรรม

ส่วน “สายัณห์ ยุติธรรม” ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค พปชร. ออกมายอมรับว่า ขณะนี้ ส.ส.ภายในพรรคกำลังอยู่บนทางสองแพ่ง ที่จะตัดสินใจทางการเมืองว่าจะอยู่กับ “พล.อ.ประวิตร” หรือจะไปร่วมงานการเมืองกับ “พล.อ.ประยุทธ์” สำหรับตนภายหลังจากได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ส.เขต มาแล้ว 4 ปี ได้รับการดูแลจากพล.อ.ประวิตร เป็นอย่างดี

และในฐานะ ส.ส.ภาคใต้ ยอมรับว่ากระแสที่ทำให้ได้รับเลือกตั้ง มาจากความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งหากท้ายที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจไปร่วมงานกับ พรรค รทสช.  ก็พร้อมที่จะติดตามไปร่วมงานด้วย “ขอตอบแบบไม่อ้อมค้อม และ น้องชายก็จะไปด้วยกัน นอกจากนี้ ยังได้รับคำยืนยันจากกลุ่ม ส.ส.สงขลา 3 คน ก็พร้อมที่จะไปทำงานกับพล.อ.ประยุทธ์ ที่พรรค รทสช. ซึ่งผมได้แจ้งเจตจำนงของตัวเองไปแล้วว่า หากพล.อประยุทธ์อยู่พรรค พปชร. ก็จะขออยู่พรรค พปชร.ด้วย แต่หากพล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจไป ก็จะขอติดตามไปด้วย จึงได้เรียนกับพล.อ.ประวิตรโดยตรง ซึ่งท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร จากนี้เพียงรอความชัดเจนทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์”

“สายันต์” กล่าวด้วยว่า มีความมั่นใจว่า หากไปทำงานการเมืองกับพรรค รทสช. จะยังสามารถ รักษาเก้าอี้ ส.ส.นครศรีธรรมราช ไว้ได้ เพราะเมื่อประเมินจากผลสำรวจความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ ในพื้นที่ภาคใต้ยังอยู่ที่ร้อยละ 25 และเชื่อว่า หากแยกกันทำงานการเมือง จะไม่เกิดปัญหาแข่งกันเอง ระหว่างพรรค พปชร.และพรรค รทสช. พร้อมกล่าวความในใจถึงพล.อ.ประวิตรว่า “ยังรักและเคารพเหมือนเดิม รักเหมือนพ่อคนหนึ่งที่ได้ดูแลตัวเอง และได้ดูแล ส.ส.ภาคใต้ทุกคน”

สำหรับ ส.ส.สงขลา 3 คน ที่คาดว่าจะย้ายไปกับพล.อ.ประยุทธ์ ได้แก่ “ศาสตรา ศรีปาน-พยม พรหมเพชร-ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี” 

ต้องยอมรับ ไม่ว่าโพลสำนักไหน สำรวจคะแนนนิยม “นายกฯลงตู่” ครั้งใด จะพบว่า พื้นที่ภาคใต้จะได้รับความนิยมสูงสุด ทำให้ส.ส.หลายคน-หลายพรรค พร้อมไปร่วมงานการเมืองกับ “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่ว่าจะสังกัดพรรคการเมืองไหนก็ตาม 

ส่วนกรณีที่ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (รธน.) ออกนั่งบัลลังก์เมื่อ 30 ก.ย. เพื่ออ่านคำวินิจฉัยกรณีการถือครองตำแหน่งนายกฯ 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งสรุปว่า ความเป็นรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ ตามมาตรา 158 วรรคสี่ ต้องเริ่ม นับตั้งแต่ 6 เม.ย.2560 อันเป็นวันประกาศใช้รธน.2560  ถ้าหากมีการเลือกตั้งในปี 2566 ก็เท่ากับ “นายกฯลุงตู่” เหลือเวลาในการทำงานอีก 2 ปี จะหมดวาระในปี 2568

และถ้าไล่ดูสัญญาณของ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ประกาศสนับสนุนให้มีการแก้ไขกฎหมายแม่บทในการปกครองประเทศ อาจถูกตั้งคำถามและตีความไปได้ว่า หรือเป็นเรื่องที่รับรู้กันแล้วว่า “พล.อ.ประยุทธ์” จะเป็น “ผู้นำการแก้ไขรธน.” เพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับ หลังเคยถูกกล่าวหาเป็น “ผู้ฉีกรธน.” เพื่อหวังเข้ามามีอำนาจ เท่ากับ ลบล้างข้อครหาในอดีตคนบางกลุ่ม ซึ่งถือเป็นภารกิจสุดท้าย ก่อนล้างมือทางการเมือง

หรือจะมี “แผนซ่อนเงื่อน” อีกครั้ง สำหรับการแก้ไขรธน. เพื่อที่ “ล้มกระดาน” เรื่องวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปีและจะทำให้ตัว “พล.อ.ประยุทธ์” เมื่อมีการแก้ไขรธน.เสร็จสิ้น อาจนับหนึ่งใหม่ของการดำรงตำหน่งนายกฯอีกก็เป็นได้

อย่าลืมว่า…รูปแบบและวิธีการ “ศรีธนญชัยทางกฎหมาย” ของประเทศนี้…มีเยอะมาก

…………

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย….“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img