วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS“คนกันเอง”เปิดโปง!!!“ทักษิณ ชินวัตร” “ตีแสกหน้า”ต้อง“ไม่โกง-ไม่ลุอำนาจ”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“คนกันเอง”เปิดโปง!!!“ทักษิณ ชินวัตร” “ตีแสกหน้า”ต้อง“ไม่โกง-ไม่ลุอำนาจ”

ไม่ว่าจะเป็น “โทนี่ วู้ดซัม” หรือ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) คงนึกไม่ถึง ไม่เชื่อว่า “จตุพร พรหมพันธ์” อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งปัจจุบันผันกายมาเป็นวิทยากร คณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ ประเทศไทยต้องมาก่อน และเลือกใช้วันที่ 21 ม.ค. เปิดโปงนายเก่าที่ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ในตอน “ต้องไม่ลืม อำนาจเป็นของประชาชน”

อย่าลืมว่า วันเดียวกัน “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรค และผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค พท. “กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ-ภัทร ภมรมนตรี-ศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร” เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เนื่องใน วันตรุษจีนที่ย่านเยาวราช

แต่ที่สำคัญมากกว่านั้น “เศรษฐา ทวีสิน” ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บุคคลซึ่งมีกระแสข่าวเป็นหนึ่งใน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรค พท. ได้มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วย ซึ่งถือเป็นการปรากฏตัวการทำกิจกรรมทางการเมืองร่วมกับ “แพทองธาร” เป็นครั้งแรก ดังนั้นในแง่มุมบวกและภาพเป็นข่าว แกนนำพรรคฝ่ายค้าน ก็คงต้องการให้สื่อนำเสนอนำเรื่องนี้เป็นบวก ท่ามการการปั่นกระแสแลนด์สไลด์

เศรษฐา ทวีสิน-แพทองธาร ชินวัตร

แม้ผู้บริหารแสนศิริรายนี้ จะไม่ได้ออกมายอมรับ ว่าได้รับมอบหมายให้เป็น หนึ่งในบัญชีนายกฯ แต่ก็ยืนยันว่า “อย่างที่เรียน ตอนนี้เข้ามาช่วยพรรคอยู่แล้ว พรรคได้มอบหมายให้ทำตำแหน่งอะไรก็พร้อม

เมื่อถามว่า จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พรรค พท. แลนด์สไลด์ได้หรือไม่ “เศรษฐา” กล่าวว่า “ตอนนี้เป็นสมาชิกพรรค พท. สิ่งที่ทำก็มีความปรารถนาอยากให้พรรค ได้คะแนนเยอะที่สุด ไม่เช่นนั้นคงไม่มาช่วย”

ขณะที่ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เลขาธิการพรรค พท. ให้สัมภาษณ์ถึงการปรากฎตัวร่วมกันของ “แพทองธาร-เศรษฐา” ว่า การปรากฎตัวของนายเศรษฐา เป็นการไปในฐานะสมาชิกพรรคพท. เข้ามาทำงานกับพรรคเต็มตัว และตอกย้ำ ความเชื่อมั่นของพรรค พท.ให้มีมากขึ้นในความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งว่า เรามีทั้งนโยบายที่แข็งแรงสามารถทำได้จริง และตัวบุคคลกรของเรา ปรากฎการแลนด์สไลด์ จะเกิดขึ้นได้ไม่ยาก อีกทั้งนายเศรษฐาเอง ก็เป็นนักธุรกิจประสบความสำเร็จ มีความรู้ความสามารถ เมื่อเข้ามาการเมืองก็เชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่ง ที่จะมาร่วมผลักดันนโยบายของพรรค พท.ไปสู่ความสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม โลกของความฝัน และเรื่องราวที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง มักสวนทางกัน ดังนั้นในห้วงเวลาที่แกนนำพรรคฝ่ายค้านกำลังหลงใหลได้ปลื้ม กับบุคคลที่ช่วยสร้างความฝัน ให้กลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง แต่อีกด้านหนึ่งความรู้สึกของ คนที่เคยรวมงานกับพรรค ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ จนมีคดีความติดตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่บรรดาสมาชิก จะไม่รับรู้ ไม่รับฟัง ไม่ได้ ก็ถูกเปิดเผยออกมา

“จตุพร” สื่อสารผ่านเฟซบุ๊คไลฟตอนหนึ่งระบุว่า “พรรค พท.หาเสียงชูพา ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้าน จะเป็นการ ซ้ำเติมหายนะให้ประเทศ และแม้จะได้คะแนนเสียงมากเป็นอันดับหนึ่ง แต่จะเป็นแค่ชนะระยะสั้น แต่แพ้ยาว เพราะจะได้รถถังแถมมา ทำแอ่นแอ๊นอีก ตามเดิม”

สำหรับกรณีที่มีข้อสงสัยว่า มีปัญหากับนายทักษิณ และพรรคพท.หรือไม่นั้น “จตุพร” ย้ำว่า สิ่งที่วิพากษ์วิจารณ์หากไม่ตรงข้อเท็จจริงแล้ว สามารถตอบโต้ ชี้แจงได้ทุกกรณี เพราะสถานการณ์การเมืองข้างหน้าเป็นสิ่งที่น่ากังวล หากตนยังเพิกเฉย ถ้ามัวคิดถึง ประโยชน์ส่วนตน ไม่คิดถึงบ้านเมือง ย่อมเป็นการทำร้ายประเทศเช่นกัน แต่ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่า พท.จะชนะเลือกตั้งเป็นพรรคสียงอันดับหนึ่ง จึงต้องกระตุกเตือน ให้ทบทวนตัวเอง

จตุพร ประกาศท้ารบ ทักษิณ คนไร้สัจจะ

ก่อนหน้านั้นหลายคนคงรับรู้ เวลา “อุ๊งอิ๊ง” เดินสายไปหาเสียงที่ไหน มักจะเรียกร้องให้บรรดากองเชียร์เลือกพรรคพท. ตั้งเป้าให้แลนด์สไลด์ เพื่อช่วยให้ “โทนี่” (ผู้พ่อ) เดินทางกลับบ้าน มาเลี้ยงหลานได้ เช่นเดียวกับคำให้สัมภาษณ์ “คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์” ก่อนหน้านั้น ก็เคยให้สัมภาษณ์ว่า “อยากให้อดีตสามีกลับมาเมืองไทย เพื่อมีโอกาส กลับมาเลี้ยงหลาน

ขณะที่ “จตุพร” กล่าวอีกว่า แม้ปัจจัยการยึดอำนาจเป็นสิ่งภายนอก ควบคุมไม่ได้ แต่สามารถป้องกันได้โดย ผู้มีอำนาจต้องไม่โกง ไม่ลุแก่อำนาจ และต้องไม่คิดว่าประเทศนี้เป็นเจ้าของจะทำอะไรก็ได้ ยิ่งได้รับคะแนนมากเท่าไรก็หลงใหลว่า ตนเองมีอำนาจมากเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า อำนาจมากก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น แม้วันนี้ประชาชนสิ้นหวัง แต่ยังคาดหวังว่า เมื่อมีเลือกตั้งจะยังไปเลือกตั้ง จึงขอให้สงสารประชาชนบ้างกับ การพาประชาชนไปแพ้ทุกครั้ง แล้วโทษแต่การยึดอำนาจอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม หากเป็นรัฐบาลไม่โกง และซื่อสัตย์ต่อประชาชน ทหารหน้าไหนจะกล้ามายึดอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ยึดอำนาจปี 2557) และพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน (ยึดอำนาจปี 2549) ก็ไม่มีวันมายึดอำนาจได้เลย

นอกจากนี้ “จตุพร” ยังกล่าวว่า “ทักษิณจะพูดอะไรก็ได้ พูดถึงเสียงปืนนัดแรก พูดพายเรือมาส่ง ความจริงก็ถีบหัวเรือเลย แต่เราจะปล่อยให้ความผิดพลาดเดินต่อไปไม่ได้ เราจึงวิจารณ์ เมื่อเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง ย่อมมีถูกมีผิด ไม่ใช่ถูกทุกเรื่อง กำลังสถาปนาตัวเองเป็นเทพเจ้าหรืออย่างไร คือหมายความว่าพูดอะไรก็ถูกหมด ทั้งที่พูดผิดหลายเรื่อง ทำไม่ถูกหลายเรื่อง และทำถูกก็มีหลายเรื่อง นี่เป็นหลักมนุษย์ธรรมดา ถ้าไม่วิพากษ์วิจารณ์กันในวันที่เรากำลังวิจารณ์กันได้ เรากำลังเดินเข้าไปในวงจรเดิม ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น”

การต่อสู้ของประชาชนเมื่อปี 2553 ไม่ได้อะไรที่คุ้มค่าตามเจตนารมณ์เลย รัฐบาลในยุคนั้น (ชุดยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ยังไม่กล้าลงนามกับ ศาลอาญาระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ (ICC : International Criminal Court) แค่กลัว “พล.อ.ประยุทธ์” จะยึดอำนาจ แต่สุดท้าย ก็ถูกยึดอำนาจจนได้ ซึ่งนอกจากไม่สร้างขบวนการต่อสู้ของประชาชนแล้ว ยังไปแบ่งแยกและทำลายขบวนการของประชาชนในแต่ละที่อีกด้วย

คนเสื้อแดง : FB / PEACE TV

จะสังเกตว่าหลังปี 2554 มา ไม่ได้ใช้ขบวนการเสื้อแดง ในการหาเสียงเลย ไม่ว่าจะพรรค พท.หรือพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ที่ถูกยุบ แต่มาครั้งนี้ พท.ต้องการเสียงแลนด์สไลด์ ก็ปลุกคนเสื้อแดงขึ้นมาใหม่ เหมือน “ปลุกผี” ที่เคยถูกทอดทิ้ง และคงเพิ่งนึกได้ เวลาอยากก็ต้องการ เมื่อไม่อยากก็ทิ้งขวางไป ทั้งๆ ที่ที่ผ่านมาไม่เคยเรียกร้อง หาความยุติธรรมให้คนเสื้อในเหตุการณ์ชุมนุมปี 2553 เลย

“ผมทนเยอะ ความจริงคดีก่อการร้ายที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องนั้น จำเลยที่หนึ่งคือนายทักษิณ ผมเป็นจำเลยที่สาม แต่อัยการไม่สั่งฟ้องทักษิณ ต่อมาอัยการคนนี้ ก็เคยเป็นแคนดิเดตนายกฯ และเป็นรัฐมนตรี หมายความว่าอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องไม่อดทนไปตลอดชีวิต เราต้องอธิบายถูกเป็นถูก ผิดก็เป็นผิด…จนมาถึงจุดนี้ วันนี้ผมไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ไปต่อ และขณะเดียวกัน ผมก็ไม่ต้องการให้ผู้มาใหม่มาทำแบบเดิม เพราะเราจะเจอคนแบบพล.อ.ประยุทธ์ ต่ออีก 8-9-10 ปี อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นจึงต้องพูดความจริงกับประชาชน”

“จตุพร” กล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้ใครวางแผนมาตอบโต้ตนนั้น ให้ลองนึกว่า มีตรงไหนไม่เป็นความจริงบ้าง ส่วนตนขอสงวนสิทธิ์ตอบโต้ทุกกรณี และจะหนักกว่านี้อีก ตนไม่ได้ขัดขวางชัยชนะของพท. แต่ไม่เห็นด้วยกับการชนะด้วยการสถาปนา ตนเองเป็นนักประชาธิปไตย นอกจากนี้ การย้ายพรรคสลับขั้ว คุณไม่เห็นด้วย แต่ทำเอง แล้วหนักกว่าใครเขา โดยประกาศว่าพรรคเป็นคนดี แล้วแตกต่างอะไรจากหน้ากากคนดีที่พล.อ.ประยุทธ์ได้รับ คุณหน้ากากประชาธิปไตย มันก็ปลอมทั้งคู่

ทักษิณ ชินวัตร

ต้องยอมรับ การออกมาเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้ของอดีตประธานนปช. เท่ากับเป็นการ เปลือยตัวตน ของ “ทักษิณ” ให้สังคมเห็นอย่างล่อนจ้อน ทั้งเรื่อง การทอดทิ้งคนเสื้อแดง แต่เวลาต้องการใช้ประโยชน์ ในช่วงการเลือกตั้งก็ปลุกคนเสื้อแดงขึ้นมาอีก หรือ คดีก่อการการร้าย ที่ศาลอุทธรณ์เพิ่งยกฟ้องไปเมื่อต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอัยการไม่สั่งฟ้อง “ทักษิ“” ต่อมาอัยการคนนี้ก็เคยเป็น แคนดิเดตนายกฯ และเป็น รมต. คำถามคือ มีการต่อรองแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันหรือไม่

ก่อนหน้านั้น บรรดาคนที่ทำงานรับใช้ใกล้ชิดอดีตนายกฯ หลายคนก็ถูกศาลสั่งจำคุก อย่างเช่น “นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี” อดีตรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (เอ็มดีเอส) ซึ่งถูกศาลฎีกาได้ตัดสินจำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีอนุมัติให้มีการแก้ไขสัมปทานดาวเทียม บริษัท ชินแซทเทลไลท์ (ปัจจุบันคือ บริษัทไทยคม) โดยอนุมัติให้บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ไทยคม จากเดิมไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 เป็นไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์ให้ บริษัท ชินคอร์ปฯ 

หรือ “วัฒนา เมืองสุข” อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลฎีกาฯชั้นต้น ที่สั่งจำคุกนายวัฒนา เป็นเวลา 99 ปี ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา ตามประมวล กฎหมายอาญามาตรา 148 และตาม พร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6 และ มาตรา 11 โดยตามหลักของคดีแล้ว สามารถจำคุกได้เพียง 50 ปี จึงให้คงโทษจำคุกอยู่ที่ 50 ปี

รวมถึงชะตากรรม “สมัคร สุนทรเวช” ซึ่งถูกทาบทาม ให้เข้ามารับตำแหน่ง หัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.)  จนได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พอ “ทักษิณ” มองว่าคุมไม่ได้ ก็เดินเกมกดดั ไม่ให้กลับเข้ามารับตำแหน่งนายกฯอีก

เชื่อว่าคนเสื้อแดงหรือใครก็ตาม ที่คิดว่าจะเข้าไปช่วยเหลือพรรค พท. ก็คงคิดหนัก เมื่อย้อนไปอ่านในสิ่งที่ “จตุพร” ถ่ายทอดออกมา แม้จะเป็นการให้ความเห็น เพราะยืนคนละมุม-คนละฝ่าย แต่ไล่ไปดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ก็คงยากที่จะปฏิเสธข้อมูลที่ของอดีตประธาน นปช. นำออกมาแฉ 

เท่ากับว่าพฤติกรรมและการกระทำของ “ทักษิณ” ก็ยังตามมาหลอกหลอนอยู่ตลอดเวลา และยังถูกเปลือยตัวตนให้สังคมได้เห็นธาตุแท้อีกครั้งหนึ่ง

………………………………………

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย…“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img