คงสร้างหวั่นไหวให้คนแดนไกล และ บรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) มากพอสมควร สำหรับท่าที สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) บางคน ที่แสดงจุดยืน ไม่สนับสนุน “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย กับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่เช่นนั้นคงไม่ดันหลัง “นักรบอาวุโส” ที่เรื้อเวทีไปนาน อย่าง “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคพท. ออกมาปะฉะดะกับสมาชิกสภาสูง
“ร.ต.อ.เฉลิม” ออกมากล่าวถึงกรณีส.ว.ขู่จะไม่โหวตให้บุตรสาวคนเล็กของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งระยะหลังใช้ชื่อ “โทนี่ วู้ดซัม” ซึ่งกระโดดลงมาสู่เวทีการเมืองให้เป็นนายกฯว่า การเป็น ส.ว.เขาเรียกว่า “สภาสูง” โดยหลัก ต้องเป็นคนมีความรู้ความสามารถ ถึงจะได้รับแต่งตั้ง แต่นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. และนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. โดยเฉพาะ นายเสรี ตนรู้จักกัน และเรียนมาด้วยกันที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง กรณีส.ว.มีการพูดว่า หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยยังมีอายุน้อยและไม่มีความเหมาะสมเป็นนายกฯ
“ฟังดูคำให้สัมภาษณ์แน่นอนคือนายวันชัย ที่บอกว่าหัวหน้าครอบครัวยังอายุน้อย แสดงถึงปัญญาทึบ ไม่ได้มองโลก โดยนายกฯประเทศนิวซีแลนด์ก็อายุ 30 ปีนิดๆ ขณะที่นายกฯฝรั่งเศสก็ 30 ปีหน่อยๆ ส่วนผู้นำครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งไม่ทราบว่าในอนาคตจะเป็นนายกฯหรือไม่นั้น ก็อายุ 37 ปี เรียนจบคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เรียน ป.โท จบเมืองนอก เหมาะสม ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง การที่ส.ว.มาพูดว่ายังละอ่อน คนที่ละอ่อนคือนายวันชัยต่างหาก”ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ก่อนหน้านั้น “วันชัย สอนศิริ” ส.ว. ให้ความเห็นกรณีการโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ ส.ว. พร้อมแลนด์สไลด์ไม่โหวตเลือกน.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี ให้ไปรวบรวมเสียงให้เกิน 376 เสียงเองว่า ส่วนตัวแล้วถ้าพรรคใดได้เสียงข้างมากก็พร้อมโหวตให้คนนั้นเป็นนายกฯ แม้จะเป็น “อุ๊งอิ๊ง” ก็โหวตให้
แต่เท่าที่ฟังเสียงเพื่อนส.ว.หลายคน ทุกคนบอกว่า ถ้าเป็น “อุ๊งอิ๊ง” ไม่เอา เพราะ มองเรื่องวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ และประสบการณ์ยังไม่มี ดูแล้วเป็นยากมาก โดยเฉพาะการเป็น สายตรงของนายทักษิณ อดีตนายกฯ เป็นลูกนายทักษิณ ที่เป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง
“หากเอา ‘อุ๊งอิ๊ง’ เป็นนายกฯ อาจทำให้บ้านเมืองไม่สงบ ถึงจะรวมเสียงข้างมากได้ ส.ว.อาจไม่เอา ถ้ายังดึงดันเอา ‘อุ๊งอิ๊ง’ เป็นให้ได้ พรรคพท.อาจไม่ได้เป็นรัฐบาลเลย อาจมีบุคคลที่สามมาเป็นนายกฯ ชื่อ “ส.ตัวใหญ่” อาจไม่ได้มาตอนนี้ อาจมาตอนก๊อกสอง หากโหวตเลือกนายกฯกันไม่ได้จริงๆ สิ่งที่ได้ยินมาจึงไม่ใช่เรื่องโคมลอย เพราะไม่ใช่เรื่องพรรค พท.ฝ่ายเดียว ถ้าจะให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ เป็นนายกฯ ต้องไปรวมเสียงให้ได้ 376 เสียง ถ้าทำไม่ได้ และคนอื่นไม่เอา ‘อุ๊งอิ๊ง’ จะดันต่อไปอย่างไร จึงต้องประนีประนอมถอยไป เอาคนอื่นมาเป็นแทน ‘อุ๊งอิ๊ง’ เอามาเป็นตัวขายได้ แต่ไม่ใช่ตัวจริง” นายวันชัยกล่าว
ใครตามข่าวการเมือง ก็คงเห็นว่า ระยะนี้ “วันชัย” มักจะออกมาสื่อสาร ในประเด็นการเมืองบ่อยครั้ง ก่อนหน้านี้ก็ออกมาชื่นชม และยกย่อง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า มีบารมีและมีศักยภาพ ในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ภายหลังการเลือกตั้ง ซึ่งการออกมาให้ความเห็นดังกล่าว อาจต้องการดิสเครดิตหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เพราะเห็นว่า ยังอ่อนอาวุโส ไม่มีประสบการณ์ในการบริหารหน่วยงานภาครัฐมาก่อน ซึ่งประสบการณ์ที่มี ก็ดูแลธุรกิจของตระกูลชินวัตรเท่านั้น
หรือต้องการเพิ่มอำนาจต่อรองให้พรรคพปชร. เพราะการโหวตเลือกนายกฯ ต้องใช้เสียงสมาชิกรัฐสภา (ส.ส. 500 คน + ส.ว. 250 คน) ซึ่งหมายความว่า ใครจะเป็นนายกฯได้ ต้องได้เสียงสนับสนุน 376 เสียง ซึ่งหลายคนเชื่อว่า พรรคพท.คงได้ส.ส. เต็มที่ไม่เกิน 200 เสียง ต่อให้บวกรวมกับพรรคฝ่ายค้าน ก็ไม่มีทางที่จะได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องพึ่งพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมา พปชร. ก็ประกาศมาตลอดยึดนโยบาย ก้าวข้ามความขัดแย้ง
แม้พรรคแกนนำรัฐบาลปัจจุบัน จะได้เสียงส.ส.ไม่ถึง 100 คน แต่อย่าลืมว่า “พล.อ.ประวิตร” มีบารมีอยู่ในสภาสูง สามารถรวบรวมเสียงได้เกิน 100 คน ซึ่งถ้าพรรคพท. ดึงไปรวมจัดตั้งรัฐบาลด้วย ก็อาจมีสถานะเป็นฝ่ายบริหารได้ เพราะใครก็รู้ว่า “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายพล.อ.ประวิตร มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ “คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์” อดีตภริยานายทักษิณ ดังนั้นการพูดคุยต่อรอง เพื่อประโยชน์ในทางการเมือง ก็คงไม่มีปัญหา เมื่อถึงเวลาจำเป็นจริงๆ
อย่างไรก็ตาม สมาชิกสภาสูงก็มีจำนวนไม่น้อยที่เป็นสายตรง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะลงนามแต่งตั้งส.ว. ทั้ง 250 คน และตัดสินใจสวมเสื้อ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” (รทสช.) ลงสนามสู้ศึกเลือกตั้ง พร้อมทั้งประกาศกับมาเป็น นายกฯรอบที่สาม แม้จะเหลืออายุการทำงานเพียงแค่ 2 ปี ซึ่งเมื่อถึงเวลาถ้า “2 ป.” ไม่เล่นบท ลับลวงพราง บางทีเสียงในสภาสูงอาจจะแตก หาก “บิ๊กป้อม” และ “บิ๊กตู่” ยืนคนละฝั่ง อยู่คนละขั้ว เพราะนอกจาก “วันชัย” ยังมีส.ว.ที่ถูกมองว่าเป็นสาย “นายกฯลงตู่” ออกมาให้ความเห็น ในประเด็นหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกัน
“เสรี สุวรรณภานนท์” ส.ว. ให้สัมภาษณ์กรณีนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. โพสต์ข้อความระบุว่า หากพรรคพท.เลือกน.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ จะต้องรวบรวมเสียง ให้ได้ถึง 376 เสียง หากได้ไม่ถึง ส.ว. 250 เสียงก็อาจไม่โหวตให้ เรื่องนี้เห็นด้วยกับนายวันชัยหรือไม่ว่า ตนมองว่า ส.ว.ก็ไม่น่าโหวตให้ การที่พรรค พท.ตั้งข้อรังเกียจและผลักส.ว.ออก จะให้แก้รัฐธรรมนูญ (รธน.) ตัดอำนาจ ส.ว. กล่าวหาว่าเป็นเผด็จการ การกระทำดังกล่าวทำให้ ส.ว.ถึงไม่เลือก
เมื่อถามว่า การแยกพรรคของพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตร จะทําให้เสียงฝั่ง ส.ว.แตกหรือไม่ นายเสรีกล่าวว่า คิดว่าไม่แตก เพราะเชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้น พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร จะคุยกัน ทุกวันนี้ ทั้ง 2 ก็ยังคบกันอยู่ ไม่ได้ทะเลาะกันเอาเป็นเอาตาย จะไปแยกว่า คนเชียร์พล.อ.ประวิตรเท่านี้ เชียร์พล.อ.ประยุทธ์เท่านี้ ตนก็มองว่าไม่น่าจะใช่ แต่ถ้าจะมีแตกไปบ้างก็มีอยู่ไม่กี่คน
เมื่อถามว่า โอกาสที่พล.อ.ประยุทธ์จะกลับมาเป็นนายกฯมีเยอะหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า เยอะ เพราะอย่างน้อยกระแสยังมีอยู่ คนไม่ชอบก็ไม่ชอบ แต่คนชอบก็ยังมี และมีเยอะ
ขณะที่ “กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ” ส.ว.อีกคนหนึ่ง กล่าวถึงกรณีที่นายวันชัย สอนศิริ สว. ระบุ ส.ว.พร้อมแลนด์สไลด์ ไม่โหวตเลือกน.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ ให้ไปรวบรวมเสียงให้เกิน 376 เองว่า เป็นความคิดเห็นส่วนตัว แต่เชื่อว่า สว.ส่วนใหญ่จะเคารพเสียงของประชาชน และ ทำเพื่อบ้านเมือง ส.ว.จะดูว่าผู้ที่จะมาทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง ต้องเป็น คนมีความรู้ความสามารถ ไม่มีเบื้องหลังทุจริต นำพาบ้านเมืองไปสู่ความสงบเรียบร้อย
ส.ว.ผู้นี้ ยังกล่าวถึงคุณสมบัติของน.ส.แพทองธาร ว่า “ควรจะเสริมกระดูกทางการเมืองอีกสักหนึ่งสมัย แล้วค่อยมาว่ากัน เพราะเราเคยมีประสบการณ์ แล้วว่า นายกฯที่หน่อมแน้ม สร้างปัญหาให้กับประเทศชาติเพราะฉะนั้น ค่อยกลับมาอีกทีในสถานการณ์โลกแบบนี้ขอ คนที่กระดูกแข็งๆ หน่อย”
แม้ความเห็นของส.ว. ที่ออกมาให้ความเห็น เรื่องการโหวตสนับสนุน ตัวแทนจากพรรคพท. จะไม่ถือว่าเป็นความเห็นของสมาชิกสภาสูงทั้งหมด แต่เกือบทุกครั้งส.ว. ก็จะ โหวตไปในทิศทางเดียวกัน ยิ่งอำนาจในการเลือกนายกฯครั้งนี้ มีความสำคัญมาก เพราะถือเป็นครั้งสุดท้ายที่จะมีสิทธิ์โหวต ดังนั้นการตัดสินใจ จะมีผลต่อทางการเมือง พอสมควร
อย่าลืม รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังสามารถ “รักษาการ” ได้ จนกระทั่งได้ฝ่ายบริหารชุดใหม่ แม้พรรคพท.จะชนะ ได้จำนวนส.ส.มากที่สุด แต่ไม่แลนด์สไลด์ หนทางในการจัดตั้งรัฐบาลยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เพราะ ส.ส. มีเอกสิทธิ์ในการโหวต ยิ่งบางพรรคพรรคใช้วิธีฝากเลี้ยงส.ส. ในพรรคแกนนำฝ่ายค้านจำนวนไม่ใช่น้อย เมื่อถึงเวลาอาจเล่นบทตอบแทน “นายเก่า” ดับฝัน “พรรคพท.” ให้ต้องกลับไป เล่นบทฝ่ายค้านอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริง พรรคพท.ต้องถึงคราวอวสานแน่ เนื่องจากเล่นบทฝ่ายตรวสอบมา 8 ปีแล้ว
อีกทั้งหลายครั้ง “การเมืองไทย” ยังมีตัวแปร ที่มองไม่เห็น จนทำให้ใครต่อใครต้องตื่นตะลึงมาแล้ว
การจุดพลุของส.ว.บางคน ออกมาต่อต้าน “แพทองธาร” จึงถือว่าเป็นเรื่องไม่ธรรมดา อาจมีนัยยะทางการเมืองแฝงอยู่ และส่งสัญญาณให้รู้ว่า หนทางที่ “พรรคพท.” จะมีโอกาสเป็นแกนนำรัฐบาล…ไม่ใช่เรื่องง่าย
…………………
คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก
โดย… “แมวสีขาว”