วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS“ก้าวไกล-รทสช.”ชิงธงร่างนิรโทษกรรม เชื่อประเด็น“ม.112”คือจุดชี้ขาดปมร้อน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ก้าวไกล-รทสช.”ชิงธงร่างนิรโทษกรรม เชื่อประเด็น“ม.112”คือจุดชี้ขาดปมร้อน

สัปดาห์หน้า…การเมืองไทยคงกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลังวันที่ 12 ธ.ค. สภาฯจะเปิดสมัยประชุม ซึ่งจะมีกฎหมายที่มีความสำคัญเข้าพิจารณา ทั้ง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567-ร่างพ.ร.บ.เงินกู้  500,000 แสนล้านบาท เพื่อนำมาใช้กับโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่าน “ดิจิทัล วอลเล็ต”

ถ้า คณะกรรมกฤษฎีกา ชี้ว่า การผลักดันร่างดังกล่าว ไม่มีปัญหาทางด้านกฎหมาย หลังจากมีหลายฝ่ายออกท้วงติง มีประเด็นขัดทั้ง รัฐธรรมนูญ (รธน.) และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง และคงมีกฎหมายอีกหลายฉบับ ที่รัฐบาลต้องเร่งผลักดันออกมา เพื่อนำมาเป็นผลงานของฝ่ายบริหาร หลังจากที่ผ่านมา นับตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศ รัฐบาลยังไม่เคยทำคลอดกฎหมายออกมาได้เลยซักฉบับเดียว

ส่วนที่บรรดาคอการเมือง ต่างจับตามองแบบไม่กระพริบตา คงหนีไม่พ้นข้อเสนอ “พรรคก้าวไกล” (ก.ก.) ที่ต้องการผลักดัน ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดอันเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง แม้จะล้างผิดให้บรรดาผู้เคลื่อนไหวทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ.2549 จนถึงวันที่ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯบังคับใช้ แต่ร่างดังกล่าวครอบคลุมถึงการกระทำความผิด ตามกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วย ซึ่งเนื้อหาในมาตรานี้ระบุว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี”

จึงกลายเป็นอุปสรรคสำคัญ ที่ยากที่จะทำให้พรรคการเมืองต่างๆ ร่วมสนับสนุน แม้กระทั่ง “พรรคเพื่อไทย” (พท.) ซึ่งเคยเป็นพันธมิตรกับพรรคก้าวไกล ยังไม่แสดงท่าที ว่าจะสนับสนุน แม้จะมีเสียงเรียกร้องให้เสนอกฎหมายในรูปแบบเดียวกัน เพื่อประกบกับร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรมฯของพรรคสีส้ม แต่พรรคแกนนำรัฐบาลยังเมินเฉย เพราะไม่อยากให้ใครไปสะกิดแผลเก่า เนื่องจากช่วงสมัยรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เคยผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ แบบสุดซอย จนทำให้พรรคเพื่อไทย ต้องหลุดจากวงโคจรอำนาจไปเกือบ 10  ปีเต็ม

ขณะที่ “สรวงศ์ เทียนทอง” สส.สระแก้ว ในฐานะ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรมฯ ว่าพรรคมีการคุยกันเป็นการภายในว่า จะมีการเสนอร่างประกบร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯของพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว แต่รูปแบบการเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ส่วนร่าง พ.ร.บ.ของพรรคจะเน้นในเรื่องใดนั้น ยังไม่ได้ถกกันในรายละเอียด

เมื่อถามว่า พร้อมสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯของพรรคก้าวไกลหรือไม่ “สรวงศ์” กล่าวว่า อะไรที่เห็นตรงกัน ก็พร้อมอยู่แล้ว แต่ในรายละเอียดยังไม่เห็นว่า อะไรที่เห็นตรงกันหรือไม่เห็นตรงกันอยู่

แต่ท่าที “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย ซึ่งใครก็รู้เป็น “ตัวจริงเสียงจริง” มีความใกล้ชิดกับ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้นำตัวจริงในพรรคเพื่อไทย ออกมาให้ความเห็นถึงกรณีเลขาธิการพรรคเพื่อไทยจะเสนอร่างกฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯประกบร่างของพรรคก้าวไกลว่า เรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม ขณะนี้เป็นฉันทามติของหลายส่วนงานแล้วว่า อยากเห็นการนิรโทษกรรมและการแก้ปัญหา แต่ที่ยังติดค้างอยู่คือ ประเด็นมาตรา 112 ซึ่งหลายพรรคการเมือง ยังไม่เห็นด้วย กับข้อเสนอของพรรคก้าวไกล ในสังคมก็ยังไม่มีข้อยุติ ส่วนประเด็นอื่นๆ ไม่มีใครขัดข้อง แต่พอมีเรื่องมาตรา 112 ยังเป็นข้อขัดแย้ง ที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ ฉะนั้นแนวคิดของเรา จึงต้องหาข้อยุติให้ได้ก่อน ส่วนจะเสนอร่างประกบกันอย่างไรก็ต้องดูอีกที

เมื่อถามย้ำว่า ประเด็นมาตรา 112 พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยใช่หรือไม่ “ภูมิธรรม” ระบุว่า พรรคเพื่อไทยบอกชัดเจนแล้วว่า เรื่องไหนเป็นความขัดแย้งในสังคม ต้องเคลียร์กันให้ได้ข้อยุติ ไม่ใช่จะเอา หรือไม่เอา ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นข้อสรุปที่มีความชัดเจนว่า ทุกคนเห็นด้วย และเข้าใจก็สนับสนุนอยู่แล้ว เพราะเราไม่อยากเห็นการสร้างความขัดแย้งขึ้นมาใหม่แทนความขัดแย้งเดิม ซึ่งไม่เป็นประโยชน์

นั่นหมายความว่า ถ้าเสียงส่วนใหญ่คัดค้าน ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 พรรคเพื่อไทยคงไม่เกี่ยวข้องด้วย และคงไม่เสนอร่างพ.ร.บ.กฎหมายรูปแบบเดียวกับพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯเข้ามาประกบ ตราบใดที่สังคมยังมีความเห็นต่างกันอยู่ อีกทั้ง “ทักษิณ” ก็ได้อานิสงส์จากการได้รับพระราชทานอภัยโทษไปเรียบร้อย ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง อีกทั้งในวันนี้ยังมีสถานะเป็นฝ่ายบริหารอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น “ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล และคณะ ได้เข้าพบ “อดีตพระพุทธอิสระ” เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย เพื่อขอความเห็น และขอความสนับสนุนในร่างกฎหมายดังกล่าว และเตรียมจะไปหารือฝ่ายต่างๆ เพื่อขอความเห็นและเสียงสนับสนุน ซึ่งแสดงให้ถึงความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ ในการผลักดันกฎหมายดังกล่าว ให้มีผลบังคับใช้อย่างเต็มที่

ความมุ่งมั่นของแกนนำพรรคก้าวไกล อาจเป็นเพราะ แกนนำหลายคน ที่ใช้สัญลักษณ์ “ชูสามนิ้ว” เรียกร้องให้ “ปฏิรูปสถาบัน” และสนับสนุนแนวทางการทำการเมืองตามรูปแบบพรรคก้าวไกล ถูกดำเนินคดีคนละหลายคดี และบางคนศาลอาญาก็ตัดสินจำคุกแล้ว เช่น “พริษฐ์ ชิวารักษ์” 24 คดี “อานนท์ นำภา” 14 คดี “ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล” 10 คดี “ภาณุพงศ์ จาดนอก” 9 คดี “เบนจา อะปัญ” 8 คดี “ชินวัตร จันทร์กระจ่าง” 7 คดี “พรหมศร วีระธรรมจารี” 5 คดี “ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา”, “ชูเกียรติ แสงวงค์”, “วรรณวลี ธรรมสัตยา”, “เกียรติชัย ตั้งภรณ์พรรณ” 4 คดี “ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล” 3 คดี “สมพล” (นามสมมติ) 6 คดี ซึ่งแกนนำพรรคก้าวไกลอาจคิดว่า ถ้าหากมีท่าทีเมินเฉย กับชะตากรรมคนเหล่านี้ อาจถูกตำหนิจากบรรดาผู้สนับสนุน ไม่ยอมช่วยเหลือนักเคลื่อนไหวชูสามนิ้ว จึงต้องแสดงให้เห็นว่า ให้ความช่วยเหลือเครือข่ายเดียวกันอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ สส.พรรคก้าวไกลหลายคน ก็ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 รวมถึง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ในฐานะประธานคณะก้าวหน้าและ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” 

แม้ “ชัยธวัช” จะระบุว่า นายธนาธรอาจจะแสดงจุดยืนไม่รับอานิสงส์จากการได้ประโยชน์จากพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ แต่ก็ไม่ได้ยืนยันว่า สส.พรรคก้าวไกลที่ติดคดีนี้ จะไม่รับประโยชน์จากกฎหมายล้างผิดด้วย

แต่ที่น่าสนใจคือ การออกมาเปิดเผยท่าทีของ “ถาวร เสนเนียม” สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และ อดีต กปปส. (คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าสภาฯว่า พรรคก้าวไกล พรรคฝ่ายค้านเสนอร่างฯ เข้าสภาแล้วเป็นพรรคแรก ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติก็กำลังยกร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวด้วยเช่นกัน ก็เป็นการหวังดีและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล

“กำลังยกร่างฯ คือถ้ารอรัฐบาลไม่ไหว ก็เป็นสิทธิของ สส. 20 คนลงนามร่วมกันเสนอร่างฯ ต่อประธานสภาฯ ก็สามารถทำได้ ซึ่งผมคิดว่าพรรคอื่นก็คิดเหมือนกันทุกพรรค อย่าให้เป็นรถไฟตกขบวน” ถาวร กล่าว

“ถาวร” กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากพรรคร่วมฝ่ายค้านในเวลานี้ จะพบว่าพรรคร่วมรัฐบาลเวลานี้ ก็เสนอนโยบายจะก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างความสมานฉันท์ ที่ก็คือ นิรโทษกรรม และตอนรัฐบาลแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา หนึ่งในนโยบายของรัฐบาลก็คือ การสร้างความสมานฉันท์หรือนิรโทษกรรมนั่นเอง แต่ไม่ได้พูดตรงๆ ซึ่งการสร้างความสมานฉันท์ ลดความขัดแย้งทางการเมือง ขจัดความคิดที่แตกต่างทางการเมือง เพื่อนำไปสู่การจับมือร่วมกัน ในการพัฒนาประเทศ การแก้ปัญหาของประเทศ เป็นความประสงค์ของทุกพรรคและของรัฐบาล

“ประเด็นที่ต้องสอบถามกลับไปยังนายกฯเศรษฐา (ทวีสิน) และพรรคร่วมรัฐบาล ท่านได้แถลงนโยบายไว้แล้ว ว่าจะสร้างความสมานฉันท์ ท่านจะทำตามนโยบายนี้หรือไม่ และถ้าจะทำ จะทำในปีแรกหรือปีสุดท้าย ตอบมาดังๆ นายกฯเศรษฐาตอบมาดังๆ พรรคร่วมรัฐบาลตอบมาอย่างสง่าผ่าเผย จะออกมาก็ได้ หรือจะไม่ออก ก็อยู่ที่ความคิด อำนาจ สิทธิของพวกเขา” อดีตแกนนำกปปส.รายนี้ กล่าว

“ถาวร” ย้ำด้วยว่า การจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม ถ้าจะทำ มีข้อยกเว้นไว้ 3 เรื่อง เรื่องแรกสำคัญมาก คือต้องมีข้อยกเว้นสำหรับผู้กระทำความผิดมาตรา 112 สอง ก็คือการทุจริต สาม คือกลุ่มคนที่ทำผิดกฎหมายอาญารุนแรงต่อชีวิตและร่างกาย เผาบ้านเผาเมืองก็ไม่ได้

อดีตแกนนำ กปปส.

ก่อนหน้านั้น ศาลอาญาได้พิพากษา ให้จำคุก “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อดีตเลขาธิการกปปส. และจำเลยคนอื่นๆ รวม 26 คน รวมถึงรัฐมนตรี 3 คน คือ “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” อดีตรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” อดีตรมว.ศึกษาธิการ และ “ถาวร เสนเนียม” อดีตรมช.คมนาคม เป็นเวลาตั้งแต่ 4 เดือน ถึง 11 ปี ในข้อหาหลักคือ ยุยงปลุกปั่น จากการชุมนุมทางการเมือง เพื่อขับไล่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ.2556-2557

นอกจากนี้ยังมีข่าว ช่วงที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง “องคมนตรี” ทำหน้าที่ผู้นำบริหารประเทศ บรรดาอดีตแกนนำกปปส.คาดหวังว่า หัวหน้ารัฐบาลจะผลักดันกระบวนการนิรโทษกรรม แต่ในที่สุดก็ไม่มีการผลักดัน ทำให้อดีตแกนนำปปส. ผิดหวังในท่าทีและจุดยืนของพล.อ. ประยุทธ์

จากนี้ไปคงต้องจับตาดูว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ฉบับก้าวไกล และ ฉบับรวมไทยสร้างชาติ ของใครจะได้เสียงสนับสนุนในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภามากกว่ากัน 

แต่ถ้าดูท่าทีและจุดยืนของแกนนำทั้งสองพรรค ถึงเนื้อหาในร่างกฎหมายดังกล่าว ต้องบอกว่า ร่างของพรรครวมไทยสร้างชาติมีภาษีมากกว่า เพราะไม่ได้ล้างผิดมาตรา 112 ซึ่งคงอยู่ที่ท่าทีพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งต่างก็เคยแสดงจุดยืน มุ่งหวังให้เกิดความปรองดองและยุติความขัดแย้ง ทางการเมืองนับตั้งแต่ปี 2549  เป็นต้นมา จะร่วมกันสนับสนุนแนวทางดังกล่าว ให้เกิดขึ้นจริงหรือไม่

…………………………….

คอลัมน์: ล้วง-ลับ-ลึก

โดย….“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

ว่าด้วยเรื่อง พัฒนา“พุทธมณฑล”

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img