วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSพปชร.ขยับจัดทัพใหญ่ ดัน“ธรรมนัส”ลุยรับ 3 ภารกิจ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

พปชร.ขยับจัดทัพใหญ่ ดัน“ธรรมนัส”ลุยรับ 3 ภารกิจ

ไม่รู้ว่า “คลัสเตอร์ทองหล่อ” จนนำมาสู่การระบาดรอบ 3 ของเชื้อไวรัสร้าย “โควิด -19” จะหยุดแรงกระเพื่อมทางการเมือง และความปั่นป่วนที่จะเกิดขึ้นกับ “พลังประชารัฐ (พปชร.)” ได้หรือไม่ ถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารพรรค ซึ่งเป็นไปตามต้องการของใครบางคน

ก่อนหน้านั้นมีข่าวว่าวันที่ 18 เม.ย.พรรคแกนนำรัฐบาลจะจัดประชุมใหญ่ เพื่อเลือกกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคชุดใหม่ และปรับโครงสร้างพรรค แทนที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต กก.บห.พปชร. นอกจากนี้ยังมีข่าว อาจมีการกำหนดแนวทางการพิจารณา คัดเลือกเลขาธิการพปชร.คนใหม่แทนที่ “นายอนุชา นาคาศัย” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี   

cr / www.thaigov.go.th

ยิ่ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า พปชร. ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อ ในลักษณะแบ่งรับแบ่งสู้ ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในพรรค ยิ่งทำให้ถูกตีความไปต่างๆ นานา เมื่อถูกถามถึงการปรับโครงสร้างภายในพปชร. โดยตอบว่า กำลังคิดอยู่ เดี๋ยวถามสมาชิกพรรคก่อนว่าคิดอย่างไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรคและกก.บห.ไม่ใช่ใครจะไปคิดเองเพราะตนก็คิดเองไม่ได้ ต้องมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาดำเนินการ ไม่ใช่อยู่ดีดีจะมาปรับปรุง

อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกนักข่าวถามว่า การปรับโครงสร้างจะปรับตำแหน่งเลขาธิการพรรคด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร หันไปตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ยังไม่ได้ปรับเลย จะถามทำไม” ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับไปว่า กระแสข่าวนี้มาแรงมาก พล.อ.ประวิตร​ กล่าวว่า ยังไม่ได้ทำอะไรเลย จะปรับเลขาฯพรรค หรืออะไรก็แล้วแต่ต้องขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรคว่าจะทำอย่างไร

นอกจากนี้ “พล.อ.ประวิตร” ยังยืนว่า การประชุมพปชร.จะเดินหน้า ไปตามกำหนดการเดิม (18 เม.ย.)  ในขณะที่หลายพรรคต้องขอเลื่อนการประชุมใหญ่พรรค อันเนื่องมาจากปัญหาโควิด-19

ภาพ/ FB กกต.

แม้กระทั่ง “พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา” เลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวถึงปัญหาที่พรรคการเมืองหลายพรรค ไม่สามารถจัดประชุมใหญ่ ได้ทันภายในเดือน เม.ย.ตามที่กฎหมายกำหนด หลังเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ว่า สถานการณ์แบบนี้ เคยเกิดขึ้นแล้ว เมื่อปีที่ผ่านมา กกต.จึงจะใช้วิธีการเดียวกัน โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง จะออกหนังสือเวียน ถึงพรรคการเมืองในวันศุกร์ที่ 16 เม.ย.นี้

เพื่อแจ้งพรรคการเมืองว่า หากไม่สามารถจัดการประชุมได้ ให้ทำหนังสือแจ้งมายังนายทะเบียนพรรคพร้อมเหตุผลก่อนครบกำหนด ที่ต้องจัดการประชุมใหญ่ ตามที่กฎหมายกำหนด โดยมีรายงานว่าหลายพรรคส่งหนังสือแจ้งมาที่นายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว เช่น พรรคชาติไทยพัฒนา (ชพน.), พรรคก้าวไกล (กก.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นต้น โดยให้เหตุผลการไม่สามารถจัดการประชุมใหญ่พรรคได้ เนื่องจาก การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังทวีความรุนแรงอยู่ในขณะนี้

หรือว่า การเร่งรีบ จัดประชุมใหญ่ พปชร. เป็นความต้องการของผู้มีอำนาจพรรค ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นโดยเร็ว เนื่องจากมี 3 ภารกิจเฉพาะหน้า นอกเหนือจากการบริหารราชการแผ่นดิน และการรับมือกับไวรัสร้าย ซึ่งกำลังเป็นปัญหาให๋ของคนทั้งโลกคือ

1.สนับสนุน “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. ให้ประสบความสำเร็จในการชิงเก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.)

2.จัดทัพเพื่อเตรียมความพร้อม สำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่

3.เร่งสร้างผลงานเพื่อให้ประชาชนยอมรับ หลัง “พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ยังประสงค์จะขอชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

โดยเฉพาะการจัดทัพ พปชร. นั้น นอกจากการจัดวางบุคคล ให้พรรคแกนนำรัฐบาลได้เปรียบทางการเมือง ยังเกี่ยวข้องกับ การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงปลายปี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ และการผลักดันกฎกติกา เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมือง ซึ่งต้องยอมรับเครือข่ายที่พร้อมสนับสนุน “นายกฯบิ๊กตู่” ยังมีพรั่งพร้อมกว่าฝ่ายตรงข้าม

cr / www.thaigov.go.th

คำถามคือ การจัดทัพในพปชร.ใครจะรับบทแม่ทัพ ใครจะรับบทขุนพล แม่ทัพคงหนีไม่พ้น “บิ๊กป้อม” พี่ใหญ่แห่ง 3 ป. ส่วนขุนพลคู่ใจจะเป็นใคร ถ้าดูจากผลงานที่ผ่านมา ทั้งจากการดูแลการเลือกตั้ง การรับมือกับม็อบกลุ่มต่างๆ หรือปัญหาถาโถมซัดเข้าใส่ฝ่ายบริหาร บุคคลที่โอกาสมากที่สุด คงหนีไม่พ้น “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจจาก จากแกนนำรัฐบาล และผู้มีอำนาจตัวจริงในพปชร.  

ก่อนหน้านั้นมีรายงานข่าวว่า “ร.อ.ธรรมนัส” มีความประสงค์ที่จะดำรงตำแหน่งเลขาธิการ พปชร. จากที่ก่อนหน้านี้พยายามสนับสนุนให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ขึ้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการ พปชร. แต่ในช่วงโค้งสุดท้าย ร.อ.ธรรมนัส เปลี่ยนใจโดยขอนั่งเก้าอี้เลขาธิการ พปชร.เอง เพราะต้องการทำงานใกล้ชิด “พล.อ.ประวิตร” ยิ่งขึ้น

โดยหวังว่า “กลุ่ม 4 ช.” ซึ่งประกอบด้วย ร.อ.ธรรมนัส นายสันติ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม รวมทั้ง นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล บิดาของนายอธิรัฐ จะเข้ามากุมอำนาจในพรรคอย่างเบ็ดเสร็จ และหวังผลไปถึงการปรับครม. ครั้งต่อไปที่ทั้ง 4 รมช.หวังจะขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัสจะมี ส.ส.อยู่ในความดูแลจำนวนมาก และมีผลงานนำพรรคชนะเลือกตั้งซ่อมในหลายสนาม แต่ยังไม่เป็นที่ยอมรับจากส.ส.กลุ่มอื่นๆ เนื่องจากภาพลักษณ์ในอดีตและสไตล์การทำงานที่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย 

โดยเฉพาะ กลุ่มสามมิตร ซึ่งทั้ง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม รวมถึงนายอนุชา ที่มองว่า ตัวเองมีประสบการณ์ทางการเมือง และเป็นที่ยอมรับของ ส.ส. ทั้งภายในพรรคและนอก พปชร.มากกว่า 

นอกจากนี้ยังมีข่าวว่า “กลุ่มสามมิตร” ได้เปิดรับ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เข้ามาเป็นพันธมิตร เนื่องจากนายสุชาติเองก็มีความไม่ลงรอยกับ “กลุ่ม 4 ช.” หลายกรณี โดยนายสุริยะ นายสมศักดิ์ นายอนุชา และนายสุชาติ จะรวมตัวกันตั้ง “กลุ่ม 4 ว.” โดยตั้งใจใช้สถานะที่ทั้ง 4 คนเป็นรัฐมนตรีว่าการ แสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่า “กลุ่ม 4 ช.” ที่เป็นเพียงรัฐมนตรีช่วยว่าการเท่านั้น 

โดย “กลุ่ม 4 ว.” จะพยายามผลักดันให้ “นายอนุชา” ยังคงเป็นเลขาธิการ พปชร. เช่นเดิมหรือหากมีความจำเป็นก็จะสนับสนุนนายสมศักดิ์ ให้นั่งเก้าอี้เลขาธิการ พปชร.แทน เพื่อป้องกัน “กลุ่ม 4 ช.” รวบอำนาจในพรรคอย่างเบ็ดเสร็จ และรู้ว่าหากปล่อยให้เป็นไปตามแผนของ “กลุ่ม 4 ช.” การปรับ ครม.ครั้งหน้าก็อาจจะได้รับผลกระทบ

เมื่อดูการเดิมเกมของแต่ละฝ่าย ก็สะท้อนให้เห็นถึงการไม่ยอมสูญเสียอำนาจทางการเมือง เพราะรู้ดีว่า จะส่งผลถึงอำนาจต่อรองใพรรค โดยเฉพาะ “กลุ่มสามมิตร” ซึ่งเก็บความไม่พอใจไว้ตลอด นับตั้งแค่ “นายสุริยะ” พลาดหวังเก้าอี้  “รมว.พลังงาน” ส่วน “นายอนุชา” ในฐานะเลขาธิการ พปชร. ก็มีสถานะเพียง “รมต.ประจำสำนักนายกฯ”

งานนี้ต้องจับตาดูว่า ท่ามกลางกระแสรุมเร้ารัฐบาล แกนนำ พปชร.จะสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นหรือไม่ ในฐานะหัวขบวนพรรคร่วมรัฐบาล หรือคิดถึงเวลาต้องเร่งปรับทัพใหม่ และต้องการวัดใจว่า ใครเป็น เลือดแท้ ใครเป็น เลือดเทียม โดยมี “ปัจจัยพิเศษ” เป็นส่วนสำคัญในการชี้ขาด

……………………………..

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย…..“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img