วันอังคาร, กันยายน 17, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSตระกูล“ชินวัตร”เช็คบิล“วงษ์สุวรรณ” “ทักษิณ”สางแค้น“คนบ้านป่ารอยต่อ” 
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ตระกูล“ชินวัตร”เช็คบิล“วงษ์สุวรรณ” “ทักษิณ”สางแค้น“คนบ้านป่ารอยต่อ” 

บ่อยครั้งที่ข่าวลือมักไม่เป็นจริง แต่หลายครั้งรายงานข่าว ที่ไม่มีใครพูด ก็กลายเป็นจริง เหมือนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับ “พรรคพลังประชารัฐ” (พปชร.) ภายใต้การนำของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรค ที่วันนี้ “สส.” ที่ยังยืนอยู่ข้างหัวหน้าพรรค คงต้องยอมรับว่า อยู่ในสถานะเป็น “ฝ่ายค้าน” ร้อยเปอร์เซ็นต์ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่าง “บิ๊กป้อม” กับ “ผู้กอง-ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรค ซึ่งวันนี้ใครจะเชื่อว่า ความสัมพันธ์บุคคลทั้งสองเป็น “เส้นขนาน” อาจไม่มีทางบรรจบร่วมกันได้

เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา “สรวงศ์ เทียนทอง” สส.สระแก้ว และ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคเพื่อไทยว่า ได้นำความไม่สบายใจของ สส.เข้าที่ประชุม และเห็นว่า เราไม่สามารถร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐได้ ส่วนการทาบทามพรรคการเมืองไหน หรือกลุ่มการเมืองไหนมาร่วมรัฐบาลในอนาคต ขอให้เป็นขั้นตอนต่อไป โดยจะเดินหน้าให้เร็วที่สุด โดยจะทำหนังสือเทียบเชิญอย่างเป็นทางการ ยืนยันว่าจะทำหนังสือเชิญทุกกลุ่ม ที่เห็นว่าสามารถร่วมงานกันได้ให้มากที่สุด

เมื่อถามถึงกลุ่มของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รักษาการรมว.เกษตรและสหกรณ์ จะได้ร่วมงานกับรัฐบาลหรือไม่ “สรวงศ์” กล่าวว่า น่าจะพูดคุย เพราะที่ผ่านมา กลุ่มของร.อ.ธรรมนัสก็ให้ความร่วมมือกับพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด

นั่นหมายความว่า “สส.พรรคพลังประชารัฐ” ในซีกของ “บิ๊กป้อม” ดูแลอยู่ ต้องอยู่ในสถานะการเป็น “ฝ่ายค้าน” ซึ่งมีสัญญาณมาก่อนหน้านี้แล้ว หากย้อนไปเมื่อวันที่ 17 ส.ค. มีรายงานข่าวว่า ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี และ “ผู้มากบารมี” ในพรรคเพื่อไทย ได้บอกกับ “ร.อ.ธรรมนัส” ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐว่า รัฐมนตรีของพรรคจะต้องไม่มีคนนามสกุล “วงษ์สุวรรณ” รวมถึงต้องไม่มีชื่อของ “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” รักษาการรองนายกฯ และรักษาการรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาร่วมใน “ครม.อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯคนที่ 31

ต้องถือว่า ข่าวไม่เอา “วงษ์สุวรรณ” ร่วมครม. เป็น ปฐมบทของความขัดแย้ง ระหว่าง “พล.อ.ประวิตร” กับ “ร.อ.ธรรมนัส” เพราะ หัวหน้าพรรคอาจคิดว่า เลขาธิการพรรคต้องการจะเขี่ยคนในตระกูล “วงษ์สุวรรณ” ออกจากศูนย์กลางอำนาจทางการเมือง

ทำให้ต่อมา “พล.อ.ประวิตร” ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ยืนยันการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และรายชื่อครม.เที่ยวนี้ ไม่มีชื่อ “ร.อ.ธรรมนัส” โดยอ้างว่าพรรคแกนนำรัฐบาลไม่เอา เพราะเป็นผลจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญ (รธน.) มีคำพิพากษาคดีให้ “เศรษฐา ทวีสิน” พ้นจากตำแหน่งนายกฯ กรณีแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรมต.ประจำสำนักนายกฯ เนื่องจากขาดคุณสมบัติไม่มีความซื่อสุจริตเป็นที่ประจักษ์ด้วยมติ 5:4 เลยทำให้พรรคเพื่อไทยต้องระมัดระวัง ในการแต่งตั้งบุคคลเข้าไปเป็นรัฐมนตรี

โดยทางพรรคได้ส่งชื่อ “สันติ พร้อมพัฒน์” ให้ไปนั่งเก้าอี้รมว.เกษตรฯแทน ขณะที่ “ร.อ.ธรรมนัส” เคยมีคดีการครอบครองสารเสพติด อ้างว่าเป็นเฮโรอีน น้ำหนัก 3.2 กิโลกรัม แต่ด้วยความที่เป็น คดีนอกราชอาณาจักร ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 5 พ.ค.2564 ยก “หลักอธิปไตย” ของประเทศมาเป็นหลักในเหตุผลข้อหนึ่งว่า “การต้องคำพิพากษาของศาลในต่างประเทศ ไม่ใช่ศาลไทย จึงไม่ขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี และสส.” แต่ที่ผ่านมา ยังไม่มีใครสอบถาม เรื่องที่เกิดขึ้นมีปัญหาเรื่องจริยธรรมหรือไม่ 

แต่เมื่อมีคำพูดออกจากปาก “พล.อ.ประวิตร” เลยทำให้ “ผู้กองคนดัง”ไม่พอใจ เพราะเหมือนพรรคต้องการเขี่ยตัวเองให้พ้นจากตำแหน่ง แทนที่จะปรึกษาตนเองก่อน ทั้งๆ ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคเพื่อไทย รวมถึงตัว “ทักษิณ” มาตลอด

“ร.อ.ธรรมนัส” จึงออกมาตอบโต้คำให้สัมภาษณ์หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐว่า “ไปปลุกท่านมาสัมภาษณ์ ท่านหลับหรือเปล่า ผมยังไม่รู้สถานการณ์ ว่าเกิดอะไรขึ้นในพรรค อยากจะบอกทุกคนว่า ผมไม่ทะเลาะกับใคร ประสบการณ์ 6 ปีที่ผ่านมา ผมรับใช้คนๆ หนึ่ง มาพอสมควรถึงเวลาที่ต้องเดินออกมา ไม่ขอทะเลาะกับใคร”

พร้อมกับเอ่ยประโยคเด็ดที่ว่า “วันนี้คงถึงเวลาที่ต้องประกาศความเป็นอิสรภาพ” พร้อมกับโชว์ตัวเลขว่า มีสส.ร่วมทีมอยู่ 34 เสียง โดยในจำนวนรวมพรรคเล็กอีก 5 เสียง จากนั้นมีข่าว “บิ๊กป้อม” และ “คนใกล้ชิด” พยายามติดต่อ เพื่อปรับความเข้าใจกับ “ร.อ.ธรรมนัส” แต่ ผู้กองคนดังก็ไม่ยอมรับสาย ไม่ยอมพูดคุยด้วย เหมือนต้องการแตกหัก

ซึ่งก่อนหน้านี้ “อ.แหม่ม-นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” ซึ่งถือเป็นคนใกล้ชิดกับ “ร.อ.ธรรมนัส” เพิ่งประกาศรับตำแหน่ง “หัวหน้าพรรคกล้าธรรม” โดยถูกมองว่าเป็นการ ตั้งพรรคไว้รองรับ “ผู้กองคนดังและพวก” หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง หรือต้องการแยกตัวออกจากพรรคพลังประชารัฐ จะได้มีพรรคไว้รองรับ อีกทั้งยังส่ง “ธวัช สุทธวงค์” หนึ่งในทีมไปลงสมัครชิงเก้านายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พะเยา ในสังกัด ซึ่งคว้าชัยชนะได้อย่างไม่ยากเย็น

ขณะที่ภาพความชัดเจนว่า “คนในตระกูลชินวัตร” ไม่ต้องการให้ “คนนามสกุลวงษ์สุวรรณ” มาร่วม “ครม.อุ๊งอิ๊ง 1” คือเมื่อ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาทวงหนังสือกรอกคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีให้ “บิ๊กป๊อด-พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” โดยได้ลงนามในหนังสือของพรรคพลังประชารัฐ เลขที่ พปชร.138/2567 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2567 ถึงนายกฯ “แพทองธาร ชินวัตร” ว่า สำนักเลขาธิการนายกฯขอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ส่งแบบข้อมูลประกอบการเสนอเรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรีให้กับ “พล.ต.อ.พัชรวาท”

ใจความตอนหนึ่งระบุว่า หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้เสนอรายชื่อบุคคล ซึ่งพรรคเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคไปให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ผ่านนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ จำนวน 4 ท่าน ดังนี้ 1.พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ดำรงตำแหน่ง รองนายกฯและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ 2.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตรฯ 3.นายสันติ พร้อมพัฒน์ ดำรงตำแหน่ง รมช.สาธารณสุข 4.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ

ขณะที่ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ-รักษาการนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าว เพื่อทวงตำแหน่งให้พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ว่า ยังไม่ได้รับหนังสือ ซึ่งมติกก.บห.เป็นเรื่องของแต่ละพรรค ถ้าชัดเจนเมื่อไหร่ ก็ส่งมาให้เกิดความชัดเจน แต่ถ้ายังไม่ชัดเจน ก็เป็นประเด็นที่ค้างคา แต่การจัดตั้งครม. เป็นอำนาจของนายกฯเพียงผู้เดียว นายกฯจะต้องเลือกทีมครม. เข้ามาร่วมงาน เพื่อให้เกิดความเหมาะสม นายกฯต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นนายกฯ จึงมีสิทธิ์ที่จะเสนอหรือเลือกใครก็ได้ ที่คิดว่าเหมาะสม การเจรจาพูดคุยกันหากหลายเรื่องยังไม่ตกลงก็เปลี่ยนแปลงได้

“การที่พรรคใดยกมือสนับสนุน ก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องมีตัวแทนเป็นครม. เช่น พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ที่โหวตสนับสนุนน.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ 6 เสียง หรือครั้งที่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ยกมือสนับสนุนนายเศรษฐา ทวีสิน 19 เสียง ก็ไม่เห็นมีตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งไม่ใช่ประเด็น นายกฯมีสิทธิ์เลือกหากรัฐมนตรีพอแล้ว ในระดับพรรคการเมืองที่มาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ก็เลือกบุคคลที่สำคัญๆ ซึ่งในอดีต มีทั้งนักกฎหมายและผู้ที่เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน นายกฯก็สามารถเลือกคนเหล่านี้เข้ามาได้” ภูมิธรรม ระบุชัด

ถือเป็นการส่งสัญญาณยืนยันการออกเสียงสนับสนุน “แพทองธาร” ไม่ได้หมายความว่า จะได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล

อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้มากบารมีในพรรคเพื่อไทย เคยให้สัมภาษณ์ว่า เหตุผลที่การเมืองเกิดความวุ่นวาย เป็นเพราะ “คนอยู่ในป่า” และออกมาตอบคำถามถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โทรศัพท์เคลียร์ใจว่า “ยังไม่เคยได้ยินเสียงพล.อ.ประวิตรเลย ได้ยินจากที่ลอดจากโทรศัพท์หัวหน้าพรรคอื่น แต่ไม่ได้ยินจากผม”

เมื่อถามเมื่อพรรคพลังประชารัฐแตกออกมาเป็น 2 ฝ่าย ใครจะเข้ามามาร่วม “ทักษิณ” กล่าวว่า ฝ่ายที่ทุ่มเทให้กับรัฐบาลมาตลอด ก็น่าเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง “อยากจะร้องเพลงอัสนีว่า ถ้าจะมาก็มาทั้งตัว” ขณะที่เมื่อถามถึงประเด็นเรื่องโอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์จะเข้ามาร่วมรัฐบาล “ทักษิณ” ตอบว่า “เป็นธรรมชาติว่าต้องมีเสียงให้มีเสถียรภาพ เรามีปัญหามาก ต้องเปลี่ยนเชิงโครงสร้างในเรื่องเศรษฐกิจ ต้องแก้กฎหมาย ต้องได้รับสนับสนุนจากสภา ต้องให้มีเสียงพอได้รับความเชื่อมั่น”

คำพูดของ “ผู้มากบารมี” ชัดเจนว่า “เลือกข้างร.อ.ธรรมนัส” เนื่องจากที่ผ่านมา ทุ่มเทให้กับรัฐบาลตลอด แม้กระทั่งในระหว่างร่วมงานกับ “รัฐบาลเศรษฐา” ผู้กองคนดังในฐานะรมว.เกษตรฯก็ขึ้นตรงกับ “ภูมิธรรม” รองนายกฯจากพรรคเพื่อไทย แทนที่จะขึ้นตรงกับ “พล.ต.อ.พัชรวาท” อีกทั้งยังเชื่อว่า “พล.อ.ประวิตร” อยู่เบื้องหลัง 40 อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ยื่นเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญ เข้าชื่อถอดถอน “เศรษฐา” ออกจากนายกฯ

ก่อนหน้านั้น “พล.อ.ประวิตร” เรียกประชุมกก.บห. เพื่อเสนอรายชื่อบุคคล ที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีในนามของพรรค โดย “พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย” โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงผลประชุมกก.บห.ว่า ที่ประชุมยืนยันการเข้าร่วมรัฐบาลที่มี “แพทองธาร ชินวัตร” เป็นนายกฯ และได้เสนอชื่อบุคคลที่พิจารณาได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี 4 คน ถึงนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้นายกฯพิจารณาแต่งตั้ง ตามข้อตกลงในการร่วมรัฐบาลคือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ

หากรายชื่อคนหนึ่งคนใดขาดคุณสมบัติ หรือไม่เหมาะสม ขอให้แจ้งกลับที่พรรคพลังประชารัฐเพื่อทราบ และที่ประชุมมอบอำนาจให้ “พล.อ.ประวิตร” เป็นผู้พิจารณารายชื่อบุคคลอื่นได้ตามความเหมาะสม โดยไม่ต้องนำเข้าที่ประชุมกก.บห.อีกครั้ง แต่ถ้าหัวหน้าพรรคเห็นว่า ควรนำรายชื่อกลับมาอีกครั้ง ก็คงจะมีการเรียกประชุม กก.บห.อีกครั้ง

โดยมีรายงานข่าว พรรคพลังประชารัฐยืนยันจะเข้าร่วมรัฐบาล และการพิจารณาชื่อสมาชิกพรรคให้ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตามข้อบังคับพรรคพปชร. พ.ศ.2561 ข้อ171 (ฉ)และ ข้อ 92 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) พรรคการเมือง

ขณะที่ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก กรณีพรรคพลังประชารัฐ มีมติกก.บห. ยืนยัน 4 ชื่อเดิม ในการเข้าร่วมรัฐบาลที่มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ โดยระบุว่า เกมเหนือเกม  ที่ถูกกฎหมายและรอบคอบ

โดยพ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 15 (13) ระบุว่า ข้อบังคับของพรรคการเมือง ต้องมีรายละเอียดหลักเกณฑ์การเสนอชื่อบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งต้องให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมในการคัดเลือกอย่างกว้างขวาง จึงเป็นมติที่ชอบธรรมถูกต้องตามกฎหมาย ที่ส่งถึงพรรคเพื่อไทย และหากพรรคเพื่อไทยเห็นว่าใครไม่เหมาะสม ก็ส่งชื่อคืนเพื่อให้กก.บห.ลงมติเสนอคนใหม่ วิธีการที่บอกว่า หากฉันไม่ได้ ให้น้องชายฉันได้แทน จึงไม่อยู่ในกระบวนการที่บัญญัติในกฎหมาย

ผลคือ “คุณธรรมนัส” ให้สัมภาษณ์ใหม่ ว่าไม่เคยแอบส่งชื่อ รมต. ให้เพื่อไทย ไม่รู้ใครไปเขียนกันเอง นึกถึงชื่อ 2 รมต. ของอีกพรรคหนึ่ง ทั้งยังไม่เคยประกาศต่อสมาชิก และไม่เคยมีมติกก.บห. ใครแอบไปส่งชื่อให้เพื่อไทย จะมีปัญหาเรื่องฝ่าฝืนวินัยและขัดจริยธรรมหรือเปล่าไหมนี่”

แต่ในที่สุด พรรคเพื่อไทยก็แก้เกม ไม่เอารายชื่อที่ “พลังประชารัฐ” ส่งมา แต่ยึดตามรายชื่อ “ร.อ.ธรรมนัส” ส่งไป อ้างว่า เป็นอำนาจหัวหน้ารัฐบาลเป็นคนเลือก โดยให้ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” หัวหน้าพรรคกล้าธรรม เป็น รมว.เกษตรฯ และให้ “อัครา พรหมเผ่า” น้องชายร.อ.ธรรมนัส มาเป็นรมช.เกษตรฯในโควตาพรรคเพื่อไทย ส่วน 2 เก้าอี้ที่เหลือ รมว.ทรัพยากรฯและรมช.สาธารณสุข อาจเก็บไว้ให้พรรคประชาธิปัตย์ หากตกลงเข้าร่วมรัฐบาล

ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้  อาจทำให้ “บิ๊กป้อม” ต้องบอบช้ำทางการเมือง ไม่แน่ว่า สส.ที่เหลืออยู่อีก 18-20 คน จะเดินตามไปด้วยกันตลอดไปหรือไม่ เพราะอายุย่างก้าวเข้า 80 ปี ส่วนจะปล่อยไม้ต่อให้ “บิ๊กป๊อด” น้องชายดูแลพรรคต่อ ก็ไม่แน่ใจจะดึงนักการเมืองให้มาร่วมงานอยู่ใน “พลังประชารัฐ” อีกต่อไปหรือไม่ เพราะ “บารมีน้อง” ยังเทียบ “บารมีพี่ชาย” ไม่ได้

แต่ การเดินเกมของ “ทักษิณ” ที่ต้องการ “ปิดบ้านป่ารอยต่อ” ก็ไม่แน่ว่าจะทำให้ “รัฐบาลแพทองธาร” ทำงานไปได้ราบรื่น เพราะ “บารมีบิ๊กป้อม” ก็ยังเปรียบเป็น “ตะเกียงที่ไม่ไร้น้ำมัน”

……………

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย….“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img