วันจันทร์, กันยายน 16, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS“แพทองธาร”ฝ่ากับดักคำร้อง ลุ้น”ทักษิณ”ตัวช่วยหรือตัวฉุด..?
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“แพทองธาร”ฝ่ากับดักคำร้อง ลุ้น”ทักษิณ”ตัวช่วยหรือตัวฉุด..?

จับสุ้มเสียง”อุ๊งอิ๊ง”น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ภายในสัปดาห์นี้ น่าจะได้เห็นโฉมหน้าคณะรัฐมนตรี(ครม.) ภายหลังออกมายืนยันโผครม.นิ่งแล้ว  คาดว่าจะนำขึ้นทูลเกล้าฯได้ภายในสัปดาห์นี้ โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งกำชับว่าที่รัฐมนตรีใหม่ให้สัปดาห์นี้  ให้สแตนบายอยู่ในกรุงเทพมหานคร (กทม.)  อย่าเพิ่งเดินทางออกไปต่างจังหวัด

หลังจากที่ครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ นายกฯจะเรียกประชุมครม.นัดพิเศษ ในวันที่ 10 ก.ย.67 เพื่อหารือเตรียมการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันที่ 16 ก.ย. 67 จากนั้นในวันที่ 17 ก.ย. 67 นายกฯ นำครม.ชุดใหม่ ประชุมอย่างเป็นทางการนัดแรก ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเร่งผลักดันนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตให้ทันการใช้งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 67 วงเงิน 122,000 ล้านบาท ที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.นี้ 

แพทองธาร ชินวัตร

สำหรับการแถลงนโยบายรัฐบาล “น.ส.แพทองธาร“ นำแถลงนโยบายรัฐบาล โดยมีเนื้อหาประมาณ 55-60 หน้า ซึ่งจะมีนโยบายหลักเร่งด่วน 5-6 ประเด็น ที่จะปรับปรุงมาจากนโยบายในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ มาปรับแก้ไข เช่น นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.) ยังคงมีอยู่ แต่จะมีการนำมาปรับแก้ไข ต่อยอดในรัฐบาลน.ส.แพทองธารด้วย.

แต่ก่อนหน้านั้นก็เกิดดรามาขึ้นกับโผครม.พรรคภูมิใจไทย(ภท.) หลังช่วงแรกมีข่าว เป็นพรรคการเมืองที่นิ่งมากที่สุด โดยเสนอรายชื่อรัฐมนตรี ให้น.ส.แพทองธาร เป็นตำแหน่งรัฐมนตรีและบุคคลเดิม จำนวน 8 ตำแหน่ง ในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน 1 ประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการ 4 ตำแหน่งและ รัฐมนตรีช่วยว่าการ 4 ตำแหน่ง ได้แก่ 1.นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภท. เป็นรองนายกฯและรมว.มหาดไทย  2.พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ เป็น รมว.ศึกษาธิการ 3.นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็น รมว.แรงงาน  4.น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี  เป็นรมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) 5.นายทรงศักดิ์ ทองศรี เป็นรมช.มหาดไทย   6.นายชาดา ไทยเศรษฐ เป็นรมช.มหาดไทย 7.นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล เป็น รมช.ศึกษาธิการ 8 .นายนภินทร ศรีสรรพางค์ เป็นรมช.พาณิชย์

ซาบีดา ไทยเศรษฐ์

แต่เมื่อวันที่ 3 ก.ย. “นายชาดา” ออกมาระบุว่า ได้ขอถอดรายชื่อออกจากการเป็นรัฐมนตรีเอง โดยส่ง “น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์“ บุตรสาวมานั่งเป็น รมช.มหาดไทย ซึ่ง “นายอนุทิน” ชี้แจงกรณีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวว่า ให้มันลงตัว ให้เกิดการทำงานที่ไหลลื่นที่สุด โดยเราตกลงร่วมกัน เปลี่ยนเพื่อให้เกิดความสบายใจกับทุกฝ่าย เพราะวันนี้เราให้ความสำคัญ กับคําว่าจริยธรรม เราจึงพยายามไม่ให้มีปัญหาอะไรเลย ให้มันแห้งไปเลย ไม่ต้องมาถามอะไรกันอีก

ต้องยอมรับการตรวจคุณสมบัติรัฐมนตรี ที่จะเข้าร่วมงานกับ “รัฐบาลแพทองธาร1” ทำกันอย่างเข้มข้น นอกจากสลค. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาชุดใหญ่ ที่มี ”นายมีชัย ฤชุพันธ์” และ “นายวิษณุ เครืองาม” สองกูรูด้านกฎหมาย ร่วมเป็นคณะกรรมการอยู่ด้วย รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ศาลยุติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อันเนื่องมาจากผลพวงจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ (รธน.) เมื่อวันที่ 14 ส.ค.67 ที่มีมติ 5 ต่อ 4 เสียง ให้ “นายเศรษฐา ทวีสิน” พ้นจากตำแหน่งนายกฯ จากกรณีแต่งตั้ง “นายพิชิต ชื่นบาน” เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ โดยศาลรธน.ระบุพฤติกรรมอดีตนายกฯไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ขาดคุณสมบัติตามรธน. กระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม ซึ่งเป็นการยื่นคำร้องโดยอดีต 40 สมาชิกวุฒิสภา (สว.)

อย่าลืมว่า การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพท. สร้างความไม่พอใจให้หลายพรรค โดยเฉพาะบทบาท ”นายทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ และผู้มากบารมีในพรรคพท. เพราะถูกมองว่า ต้องการเอาคืนพรรคที่เคยมีปัญหากับตนเอง ไล่ตั้งแต่ ”พลังประชารัฐ (พปชร.)” ซึ่งผู้มากบารมีเชื่อว่า “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพปชร. อยู่เบื้องหลัง 40 สว. ยื่นถอดถอนนายเศรษฐา และมองว่ายังเดินเกมหวังเป็นนายกฯ เลยมีปกาศิตไม่ให้ ”วงษ์สุวรรณ“ เข้าร่วมในครม. จนทำให้ พรรคพปชร. แตกออกเป็นสองเสี่ยง เช่นเดียวกับการดึงพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทำให้เกิดความขัดแย้งในพรรคเก่าแก่ เพราะผู้อาวุโสในพรรคอย่าง ”นายชวน หลีกภัย” อดีตหัวหน้าพรรคปชป. คัดค้าน

หลายคนเชื่อว่า เป็นเกมของนายทักษิณ ต้องการให้พรรคเก่าแก่สูญพันธ์ุในการเลือกตั้งครั้งหน้า เช่นเดียวกับ ”พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.)” ซึ่งมี “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์” อดีตแกนนำพรรคพท. เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งในการโหวตให้ความเห็นชอบ “น.ส.แพทองธาร” สส.ทั้ง 6 คนของพรรคทสท. แหกมติพรรคฝ่ายค้าน ไปโหวตสนับสนุนนายกฯ จากพรรคพท. ซึ่งในที่สุดหลายคนเชื่อ สส.ภายใต้การดูแลของ “คุณหญิงสุดารัตน์” ต้องย้ายไปร่วมงานกับพรรคพท. แน่ๆ ซึ่งบรรดาผู้ถูกกระทำต้องไม่พอใจ “นายทักษิณ” และต้องหาทางเอาคืน ยังไม่นับรวมบรรดาผู้ที่ไม่ชอบ ”ระบอบทักษิณ” ที่พยายามจับผิด และหาช่องทางร้ององค์กรอิสระ เพื่อตรวจสอบในประเด็นต่างๆ แม้ ”นายทักษิณ” จะท้าท้ายว่า ให้ร้องดังๆ ส่วน “น.ส.แพทองธาร” ก็บอกว่า “ไม่ซี(เรียส)”

เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ

แต่ก่อนหน้านี้ทั้ง “นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” น้องร้องขาประจำและนักร้องนิรนาม ไปยื่นเรื่องให้ตรวจสอบนายกฯคนที่ 31 และพรรคพท. ใน 9 ประเด็นประกอบด้วยประเด็นที่ 1. กรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นคำร้องต่อป.ป.ช. ให้ตรวจสอบว่า น.ส.แพทองธาร ในฐานะรองประธานยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ฯ ถือเป็นเจ้าพนักงานของรัฐตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 4 หรือไม่ เพราะในคำสั่งแต่งตั้งระบุให้เบิกจ่ายเบี้ยประชุมจากงบประมาณสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์

ประเด็นที่ 2 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นคำร้องต่อป.ป.ช.ให้ตรวจสอบว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2567 น.ส.แพทองธารกับครอบครัวไปกินข้าว ร้องเพลง ที่โรงแรมแรนโชชาญวีร์ เขาใหญ่ ใครจ่ายเงินให้ หากมิได้จ่ายเงินเอง เข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 128 วรรคหนึ่ง ที่ห้ามเจ้าพนักงานของรัฐรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้หรือไม่ เพราะ น.ส.แพทองธาร เป็นรองประธานประธานยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ฯ รองประธานพัฒนาระบบสุขภาพฯ และประธานพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ฯ ถือเป็นเจ้าพนักงานของรัฐตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 4

ประเด็นที่ 3 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบว่า น.ส.แพทองธาร ลาออกจากกรรมการ 21 บริษัทในเครือชินวัตร ตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.2567 จริงหรือไม่ เพราะพบว่ามีการไปจดทะเบียนแจ้งการลาออกต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 19 ส.ค.2567 หลังจากได้รับโปรดเกล้าฯเป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 18 ส.ค.2567 หากลาออกหลังจากวันที่ 18 ส.ค.2567 ความเป็นนายกฯจะสิ้นสุดลงหรือไม่ เพราะตามรธน.มาตรา 187 ห้ามรัฐมนตรีเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นหรือลูกจ้างของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท

ประเด็นที่ 4 บุคคลนิรนาม ยื่นคำร้องต่อกกต. ให้ยื่นยุบพรรคพท. ต่อศาลรธน. โดยอ้างข้อเท็จจริงที่ปรากฎอยู่ในคำวินิจฉัยกรณีถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน ของศาลรธน. ซึ่งระบุว่านายทักษิณชี้นำนายเศรษฐาให้เสนอแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี เท่ากับพรรคพท.ยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ครอบงำพรรค ประเด็นที่ 5 บุคคลนิรนาม ยื่นคำร้องต่อกกต.ให้สั่งให้กรรมการบริหาร(กก.บห. )พรรคพท. พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ (น.ส.แพทองธาร ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ในกก.บห.พรรคชุดดังกล่าว) เพราะยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ครอบงำพรรค

ประเด็นที่ 6 บุคคลนิรนาม ยื่นคำร้องต่อกกต. ให้ยื่นถอดถอน น.ส.แพทองธาร ต่อศาลรธน.เพราะเป็นหนึ่งในกก.บห.พรรคพท. ที่ยอมให้นายเศรษฐา ทวีสิน นำชื่อนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ซึ่งถือว่า น.ส.แพทองธาร ขาดจริยธรรมร้ายแรง ประเด็นที่7 บุคคลนิรนาม เตรียมยื่นคำร้องต่อกกต. เพื่อให้ยุบพรรคร่วมรัฐบาลต่อศาลรธน.เนื่องจากไปประชุมจัดตั้งรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ 14 ส.ค.67 เท่ากับยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกครอบงำ

ประเด็นที่ 8 บุคคลนิรนาม เตรียมยื่นคำร้องต่อกกต. เพื่อให้ยืนถอดถอน น.ส.แพทองธาร ต่อศาลรธน.เพราะขาดจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีทุจริตในการสอบเข้าเรียนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ประเด็นที่ 9 บุคคลนิรนาม เตรียมยื่นคำร้องต่อกกต.เพื่อให้ยืนถอดถอน น.ส.แพทองธาร ต่อศาลรธน. เพราะขาดจริยธรรมอย่างร้ายแรงจากกรณีถือหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์ ที่มีปัญหาเรื่องที่ดินธรณีสงฆ์

ต้องยอมรับ หลายประเด็นกลายเป็นปมร้อนได้ทั้งสิ้น วันหนึ่งถ้าหากรัฐบาลน.ส.แพทองธารเกิดวิกฤติศรัทธา เรื่องร้องเรียนต่างๆจะกลับมาทิ่มแทงรัฐบาลได้ทันที แม้ว่าในครม. แพทองธาร 1 จะมีชื่อ “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้ามาเป็นรมช.กลาโหม โดยเป็นโควตาของพรรคร่วมไทยสร้างชาติ (รสทช.) สำหรับ “บิ๊กเล็ก” มีความใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ เพราะนั่งเลขาฯ สมช.ช่วงปี 2563 รวมทั้งสมัยยังรับราชการอยู่ที่กองทัพบก (ทบ.) ขณะเดียวกัน “บิ๊กเล็ก” ยังเป็นเตรียมทหารรุ่นที่ 20 (ตท.20) รุ่นเดียวกับ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. ที่เติบโตมาคู่กันในกองทัพบก แต่ก็ต้องดูพฤติกรรมของ “นายทักษิณ“ จะทำตัวท้าทายกฎหมาย หรือสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นหรือไม่

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส

เมื่อวันที่ 29 ส.ค. “ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) ออกมาแถลงในประเด็นสำคัญ ประกาศถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และยังเปิดข้อมูลเด็ด ที่อาจสร้างปัญหาให้นายทักษิณ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่มีหน้าที่ดูแลชั้น 14 รพ.ตำรวจ ระหว่างอดีตนายกฯไปพักรักษาตัว

“ที่ผ่านมาผมไปหานายทักษิณ 2 ครั้ง เมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้วและเดือน ก.พ.ปีนี้ ที่รพ.ตำรวจ เพื่อให้ผมช่วยเหลือ โดยการถอนฟ้อง นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯกรณีแต่งตั้งตำรวจมิชอบ แต่มาวันนี้ผมขอตัดสัมพันธ์คุณทักษิณ คบมา 51 ปีแล้ว ทำได้แค่นี้ จะคบต่อไปทำไม หลังจากนี้ให้รอดู ป.ป.ช.จะเชิญผมไปให้ข้อมูลหรือไม่ ขอบอกเลยว่าจะต้องคิดคุกกันทั้งหมด ตั้งแต่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการ รมว.ยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผบ.เรือนจำ และแพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ ซึ่งจะมีภาคสองต่อไปขอให้ติดตาม” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุ

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า ชัดเจนว่านายทักษิณ ครอบงำพรรค และเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่ไม่ถึงปี อายุรัฐบาลสั้นกว่ารัฐบาลเศรษฐาเสียอีก รวมถึง น.ส.แพทองธาร ก็จะมีเรื่องร้องเรียนเยอะ เพราะมีคนเตรียมร้องเรียนมากมาย แต่ส่วนพรรคสร. คงไม่ดำเนินการใดๆเพราะเห็นเป็นลูกหลาน

ต้องไม่ลืมว่า ป.ป.ช. ได้รับคำร้องจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.)  ที่ระบุว่าา นายทักษิณ ใช้สิทธิ์การรักษาพยาบาลเหนือนักโทษรายอื่น และเรือนจำพิเศษ และรพ.ตำรวจเลือกปฏิบัติ ซึ่งในเวลาต่อมาทาง ป.ป.ช.ได้ส่งหนังสือขอภาพวงจรปิดจากรพ.ตำรวจ ในชั้นที่ 14 ระหว่างที่ นายทักษิณนอนพักรักษาอาการ เพียงแต่นี้ยังไม่มีความคืบหน้า เปิดเผยออกมาให้เห็นเท่านั้น

แม้ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา “นายทักษิณ” จะหลีกเลี่ยงให้สัมภาษณ์สื่อ แต่บทบาทก่อนหน้านั้นก็เสี่ยง กับการถูกตรวจสอบจากองค์กรอิสระ บางทีการประกาศครอบครองบุตรสาวสุดที่รัก ท้ายที่สุดอาจพาไปสู่จุดจบที่คาดไม่ถึง

…………..

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย…“แมวสีขาว” 

                                                                                                                                                

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img