วันพุธ, มีนาคม 12, 2025
หน้าแรกCOLUMNISTSจับตา“ปชน.”ยอมถอย-ถอดชื่อ“ทักษิณ” หวังเปิด“ใบเสร็จ”เชือด“นายกฯหุ่นเชิด”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

จับตา“ปชน.”ยอมถอย-ถอดชื่อ“ทักษิณ” หวังเปิด“ใบเสร็จ”เชือด“นายกฯหุ่นเชิด”

หลายคนที่อยากรอดูฝีปาก และกระบวนการตรวจสอบฝ่ายบริหาร ผ่านทางญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่มี “พรรคเพื่อไทย” (พท.) เป็นแกนนำ คงต้องรอลุ้นกันมากพอสมควร

เพราะนับตั้งแต่ “เศรษฐา ทวีสิน” เข้ามาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ต่อเนื่องมาจนถึง “แพทองธาร ชินวัตร” ที่เข้าเล่นบท “ผู้นำฝ่ายบริหาร” ยังไม่เคยได้รับชม-รับฟังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเลยซักครั้งเดียว จึงต้องรอดูญัตติซักฟอกที่ยื่นโดย “พรรคประชาชน” (ปชน.) จะถูกบรรจุเข้าสู่วาระที่ประชุมเมื่อไหร่??

ข้อมูลการซักฟอก และเนื้อหาในการอภิปราย จะมีความเข้มข้นและดุเดือดหรือไม่ ยิ่งตามดูผลงานตั้งแต่ยังเป็น พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ต่อเนื่องมาจากถึง พรรคก้าวไกล (ก.ก.) สมัยทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”

แต่ที่เป็นปัญหาคือในญัตติซักฟอก มีการใส่ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ซึ่งเป็นบุพการีของหัวหน้ารัฐบาลไว้ด้วย จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้น ซึ่งเนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า “โดยสมัครใจยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีบิดาเป็นนายกฯตัวจริงที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ”

โดยก่อนหน้านั้น “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกมาให้สัมภาษณ์ถึง 2 ครั้ง โดยยืนยันว่า พรรคฝ่ายค้านต้องแก้ไขเนื้อหาในญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจน.ส.แพทองธาร ด้วยการตัดชื่อบุคคลภายนอก  “นายทักษิณ” ออกจากญัตติ โดยยืนกรานว่า หากไม่มีการตัดชื่อออก ก็จะไม่บรรจุญัตติเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภา

พร้อมกันนี้ ประธานสภาฯ ยังยืนยันว่า สิ่งที่ให้ดำเนินการ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ไม่ได้มีอคติกับใครหรือรับงานใครมา  ซึ่งที่ผ่านมาก็รู้อยู่แล้วว่า บางครั้งฝ่ายค้านก็หาว่าเข้ากับฝ่ายรัฐบาล และบ่อยครั้งที่ฝ่ายรัฐบาลบอกว่า ตนเข้ากับฝ่ายค้าน ยืนยันว่าแค่รักษากติกาข้อบังคับการอภิปรายถึงบุคคลภายนอกที่ไม่สามารถเข้ามาชี้แจงในสภาฯได้ เขาห้ามไว้ การเขียนในญัตติเลยนั้น ถือว่าหนักกว่าการพูด เป็นสส.มา 40 กว่าปี ไม่เคยมีญัตติที่เขียนชื่อ “คนนอก” ไว้ ไม่เช่นนั้นสภาฯ จะไม่เป็นสภาฯ

แม้จะมีคำชี้แจงออกมาอย่างไร แต่หลายคนก็อดคิดไม่ได้ “ประธานสภาฯ” ต้องการปกป้อง “ทักษิณ” เพราะก่อนหน้านี้ในระหว่าง “อดีตนายกฯ” ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ “วันมูฮะหมัดนอร์” ก็เดินทางไปต้อนรับ ซึ่งในทางการเมืองใครก็รู้ แม้ประธานสภาฯจะสังกัด “พรรคประชาชาติ” (ปช.) แต่ในทางการเมืองรับรู้ว่า พรรคการเมืองนี้เปรียบเสมือนเป็น “นอมินี” ให้กับพรรคเพื่อไทย เพราะในพื้นที่ภาคใต้ พรรคเพื่อไทยไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง จึงต้องสนับสนุนบางพรรคการเมืองให้เข้าไปสู้ศึกแทน จึงไม่แปลกกับการตัดสินใจของ “วันมูฮะหมัดนอร์” จะถูกมองว่า มีวาระซ่อนเร้น

นอกจากนี้ “คัมภีร์ ดิษฐากรณ์” โฆษกประธานสภาฯ ยังออกมาชี้แจงกรณีหนังสือโต้แย้งของ “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะ “ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร” กรณีที่ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาฯ วินิจฉัยให้แก้ไขข้อบกพร่องในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลว่า เมื่อพิจารณาจากข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อ 178 และข้อ 69 แล้วจะเห็นว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ห้ามผู้อภิปรายออกชื่อบุคคลใดโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ จากการตรวจสอบในญัตติพบว่ามีสส.ของพรรคฝ่ายค้านจำนวน 10 ราย ที่ลายมือชื่อไม่ตรงกับที่เคยให้ไว้กับสภาฯ จึงให้ไปแก้ไข

ด้าน “ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์” เลขาธิการสภาฯ กล่าวเสริมว่า ในฐานะประธานสภาฯ ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย ถ้าชื่อของบุคคลภายนอกไปปรากฏอยู่ในญัตติ และมีการปรากฏอยู่ในสาธารณชน เพราะเป็นคนใช้อำนาจในการอนุญาตให้บรรจุญัตติ จึงเห็นว่าควรให้ตัดการที่มีบุคคลภายนอกออกไป

เมื่อถามย้ำว่า หากไม่แก้ญัตติก็คือไม่บรรจุวาระการประชุม เลขาธิการสภาฯ กล่าวว่า “ครับๆ ตอนนี้ท่านประธานสภาฯ ก็มีดำริให้นโยบายมา ในส่วนของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ภายในวันที่ 11-12 มี.ค.นี้ ผมก็จะทำหนังสือชี้แจงในข้อที่ผู้นำฝ่ายค้านโต้แย้งมา ยืนยันหนังสืออย่างเป็นทางการไปอีกครั้งหนึ่ง”

นั่นหมายความว่า ถ้าหากพรรคฝ่ายค้านไม่ตัดชื่อ “ทักษิณ” โอกาสที่จะไม่ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ มีความเป็นไปได้สูง

อีกทั้งสภาฯจะปิดสมัยประชุมในวันที่ 11 เม.ย. ดังนั้นถ้าหากฝ่ายค้านไม่สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยประชุมนี้ต้องรอไปถึงปีหน้า ซึ่งในทางการเมืองต้องถือว่า เสียหายมาก ดังนั้นจึงไม่เรื่องแปลก เมื่อท่าทีของพรรคฝ่ายค้านดูจะผ่อนปรนลง เพราะคงไม่อยากให้เสียงานใหญ่

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ

ด้าน “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะ “ผู้นำฝ่ายค้านฯ” ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาฯ ยืนยันให้ฝ่ายค้านแก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถอดชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯออกจากญัตติซักฟอกว่า พวกเรา พรรคฝ่ายค้านไม่ได้ดื้อดึง ไม่ได้พยายามสู้ชนฝา ในสิ่งที่พวกเราคิดว่าสู้ไม่ได้ พวกเราพยายามที่จะยืนยันในหลักการขั้นตอนในตอนนี้ ก็คือการส่งหลักฐานต่างๆ ให้ประธานสภาฯพิจารณา เชื่อว่าประธานสภายังมีเวลาตัดสินใจ อย่างไรเรายังมีกรอบระยะเวลาภายในสัปดาห์นี้ที่จะเดินหน้ากับการอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อไป ซึ่งภายในวันศุกร์ที่ 14 มี.ค.นี้ จะได้รับความชัดเจนแน่นอน

“ไม่ได้มีความลังเล  กระบวนการในส่วนนี้มองในมุมหนึ่ง ผมเองต้องถามกลับไปทางฝั่งรัฐบาลมากกว่า ว่าจริงๆ แล้วที่ออกมาบอกว่า ฝ่ายค้านไม่ควรจะระบุชื่อคุณทักษิณ และพยายามบอกว่าพวกเราถอยไม่ได้ ไม่ยอมถอย พยายามไม่อยากเดินหน้าเข้าสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ ผมอยากจะตอบชัดๆ ว่าไม่ใช่ เราพร้อมที่จะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกวัน เพียงแต่ต้องการยืนยันในหลักการของเราว่าการทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร ซึ่งควรจะพูดได้อย่างเปิดกว้างและเต็มที่” ณัฐพงษ์ กล่าว

ก่อนหน้านั้น “หัวหน้าพรรคประชาชน” ระบุว่า พรรคต้องการใช้เวทีซักฟอก “นายกฯหุ่นเชิด” ครั้งนี้ เพื่อต้องการให้ประชาชนได้รับรู้ว่า “ผู้มีอำนาจตัวจริง” เป็น “คนกำหนดเกม” กำหนดบทบาทในการบริหารประเทศ ไม่ใช่ “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” โดยอาศัยเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ สะท้อนภาพนี้ให้ชัดที่สุด

“ให้ประชาชนเห็นชัดที่สุดว่า ทุกปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขาดประสิทธิภาพภาครัฐ การทุจริตคอร์รัปชัน หรือการเอื้อประโยชน์โดยใช้กลไกอำนาจรัฐให้พวกพ้องตัวเอง สุดท้ายยึดโยงไปที่การจัดตั้งรัฐบาลแบบนี้ ที่ตัวนายกฯ เองไม่ใช่นายกฯตัวจริง ไม่สามารถควบคุมเสียงภายในรัฐบาลได้” ผู้นำฝ่ายค้านฯ ย้ำชัด

สำหรับการอภิปรายที่พรรคประชาชนเน้นซักฟอก จะครอบคลุมประเด็นใหญ่ อาทิ เขากระโดง การทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนข้อมูลเชิงลึก พรรคฝ่ายค้านจะชี้ให้ประชาชนเห็นว่า รัฐมนตรี และนายกฯ ขาดคุณสมบัติอย่างไรในการตำแหน่งรัฐมนตรี “มีหลายอย่างที่ค่อนข้างมีใบเสร็จ ในเรื่องการขาดคุณสมบัติของตัวรัฐมนตรี ตัวนายกฯด้วย เรื่องนี้ก็น่าจะสร้างแรงกระเพื่อมได้พอสมควร”

ขณะที่ “ช่อ-พรรณิการ์ วานิช” กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้กับพรรคประชาชน ออกมาให้ความเห็นถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะใน ประเด็น “ทักษิณ ชินวัตร” นอนพักที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ว่า เรื่องคุณทักษิณไม่ใช่แต่เรื่องนอนโรงพยาบาล แต่นี่คือความไม่มีบรรทัดฐานของกระบวนการยุติธรรมไทย ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ที่ตอนนี้ทุกคนคิดว่าฝ่ายค้านจะมุ่งเป้าแต่เรื่องคุณทักษิณ จนอาจเกิดการประท้วงวุ่นวายนั้น เป็นเพราะพรรคฝ่ายค้านยังไม่ได้บอกหมดว่า จะอภิปรายเรื่องอะไรบ้าง

“เป็นเรื่องปกติ พรรคประชาชนไม่บอกหรอก จนกว่าจะถึงเวลาอภิปราย โอเคว่า เรื่องที่เป็นหน้าข่าว เช่น อัลไพน์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ชาวอุยกูร์ ชั้น 14 มีแหละ แต่อย่าลืม พรรคก้าวไกล 4 ปีที่ผ่านมา ถ้าย้อนไปดู มีทั้งเรื่องที่ท่านจั่วหัวว่า จะต้องเห็น แต่เรื่องที่เด็ดจริง คือเรื่องที่ไม่เคยปรากฏต่อสื่อ เช่น ไอโอ ตั๋วช้าง มาตู้มในวันอภิปราย ที่จะสื่อคือ ไม่แปลกที่มีการคาดเดา แต่ให้รอดูวันอภิปราย เพราะเรื่องเด็ดจริงอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน” ช่อ-พรรณิการ์ ระบุ

นอกจากนี้ “ช่อ-พรรณิการ์” ยังให้ความเห็นเรื่องประเด็นความเป็นพ่อ-ลูกกับหัวหน้ารัฐบาลว่า ไม่มีใครปฏิเสธว่าความเป็นพ่อ-ลูกเป็นเรื่องส่วนตัว “แต่มันไม่เป็นเรื่องส่วนตัวก็ตอนที่พ่อนายกฯไปพูดนโยบายรัฐบาลก่อน โดยที่รัฐบาลไม่ได้พูด แล้วรัฐบาลดันทำจริง หลายครั้ง นำมาสู่คำถามว่า ตกลงคุยกันพ่อ-ลูกแล้วเอามาพูดก่อน หรือคุณทักษิณเป็นคิด แต่ลูกเอามาทำ”

“ถ้าแต่งตั้งคุณทักษิณเป็นที่ปรึกษาแต่แรก ก็ควรตั้งเลย อย่างน้อยจะได้มีตำแหน่งทางการ ให้อยู่ในระบบ แต่นี่อยู่นอกระบบ แล้วคุณทักษิณก็ไปฟ้องร้องหลายคน ตำรวจไปไล่จับ บอกเป็นบุคคลทั่วไป ซึ่งในการอภิปรายอาจมีคนบอกว่าถ้าพาดพิงคนนอกจะฟ้องนะ แต่นี่เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องพูด เพราะมันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว มันคือการที่บุคคลระดับนายกฯ ถูกตั้งข้อสงสัยว่า รับคำสั่งจากคนนอกระบบ” กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า กล่าว

แพทองธาร ชินวัตร

คงต้องรอดูว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้น พลพรรคสีส้มจะมีข้อมูลที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อนหรือไม่ แม้ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯจะยืนยันไม่มีปัญหา ไม่ว่ากำหนดให้อภิปรายกี่วันก็ตาม ซึ่งอาจเป็นการพูดเพื่อปลอบใจตัวเอง ไม่อยากให้สังคมมองว่า ตนเองกลัวกระบวนการตรวจสอบ ตามกลไกระบอบประชาธิปไตย 

แต่หากพรรคฝ่ายค้าน มีข้อมูลที่เป็นใบเสร็จ มาโชว์ให้ประชาชนเห็น ย่อมกระทบกับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไม่มากก็น้อย อีกทั้งยังประกาศว่า ไม่เป็นพรรคอะไหล่ให้กับพรรคเพื่อไทย เดินหน้าเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว 

ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะบอกว่าเป็นเวที “ถอนแค้น” ของพรรคประชาชนก็ได้ หลังถูก “เพื่อนเคยรัก” เล่นบท “หักเหลี่ยมโหด” นำมาสู่การ “ถูกหักหลัง” ทางการเมือง

……………………….

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย…“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img