วันพุธ, มีนาคม 19, 2025
หน้าแรกCOLUMNISTS“นายกฯแพทองธาร”ผวาปมศึกซักฟอก 2พรรค“ปชน.-พปชร.”จัดหนักสางแค้น
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“นายกฯแพทองธาร”ผวาปมศึกซักฟอก 2พรรค“ปชน.-พปชร.”จัดหนักสางแค้น

จับอาการ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ที่ต้องเผชิญบทตรวจสอบครั้งสำคัญ หลังตัดสินใจเข้ามาทำงานการเมือง ดูเหมือน “วิตกกังวลไม่ใช่น้อย” เพราะการ “ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียงคนเดียว” ต้องถือว่า ไม่ใช่เรื่องน่าสนุก จึงไม่แปลกเมื่อต้องปรับท่าทีตนเอง หลังในช่วงแรกระบุว่า จะให้เวลาฝ่ายค้านอย่างเต็มที่

จากนั้นเปลี่ยนมาเป็นไม่ควรเกิน 2 วัน โดย “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” ประธานสส.พรรคเพื่อไทย (พท.) และ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ยืนยันพรรคมีมีมติให้เวลาอภิปราย 2 วัน โดยฝ่ายค้านได้ 23 ชั่วโมง และรัฐบาล 7 ชั่วโมง

นั่นหมายความว่า การอภิปรายจะเริ่มในวันที่ 24 มี.ค. และจบลงในวันที่ 25 มี.ค. จากนั้นจะลงมติในวันที่ 26 มี.ค. แม้ทางพรรคประชาชน (ปชน.) แกนนำพรรคฝ่ายค้าน ต้องการเวลา 30 ชั่วโมงก็ตาม แต่เชื่อว่า ในที่สุดก็คงต้องเป็นไปตามข้อเสนอของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย โดยให้เหตุผลว่า เป็นการอภิปรายหัวหน้ารัฐบาลเพียงคนเดียว

ขณะที่ “แพทองธาร” กล่าวในระหว่าง การประชุมพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ว่า ประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแต่ละกระทรวง ตนอยากให้พูดเอง และตนจะพูดหัวข้อ แต่ในรายละเอียดอยากให้แต่ละกระทรวงเป็นผู้พูด พร้อมยกตัวอย่าง กระทรวงการคลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ที่ลงปฏิบัติหน้างานเอง ก็อยากให้พูดผลงานของตัวเองที่ได้ทำมา ซึ่งจะเน้นตรงนี้เป็นหลัก

“ส่วนของดิฉันไม่ต้องห่วง ได้กำลังใจจากสส.พรรคเพื่อไทยทุกคน อันนี้ทราบดีอยู่แล้ว ถ้าใครเฝ้าไลน์กรุ๊ปกันสักนิด เผื่อจะขอความช่วยเหลือและจะส่งเข้าไปในไลน์กรุ๊ปว่า เช่น ขอความช่วยเหลือหน่อย เป็นต้น”

แพทองธาร ชินวัตร

นอกจากนี้ หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน บรรดารัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยได้ทยอยขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า นำโดย “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง “มนพร เจริญศรี” รมช.คมนาคม “ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์” รมช.มหาดไทย “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” รมช.คลัง ซึ่งเป็นการประชุมรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยประจำเดือนกับ “นายกฯแพทองธาร” ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ทั้งนี้คาดว่า เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ โดยนายกฯมอบหมายให้รัฐมนตรีแต่ละคน เตรียมข้อมูลในส่วนที่รับผิดชอบให้พร้อมสำหรับการชี้แจง

อีกทั้งในวันที่ 21 มี.ค. นายกฯยังนัดดินเนอร์กับพรรคร่วมรัฐบาล ก่อนที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเกิดขึ้น โดยระบุว่า จะมีการพูดคุยกันว่าจะช่วยเหลือกันอย่างไร เพราะในการอภิปรายคนเดียวหรือวงเล็กสองคน ต้องมีเรื่องเกี่ยวกับกระทรวงอื่นๆ อยู่แล้ว ทุกกระทรวงต้องช่วยกัน 

จับท่าที “หัวหน้ารัฐบาล” สะท้อนใหเห็นว่า มีความวิตกกังวล พยายามหา “ตัวช่วย” ทั้ง “ในพรรค” และ “นอกพรรค” เพราะถือเป็นการถูกอภิปรายไม้ไว้วางใจเป็นครั้งแรก

เชื่อว่ารูปแบบในการชี้แจง ในระหว่างถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “แพทองธาร” คงพูดในประเด็นกว้างๆ จากนั้นจะให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงที่ถูกพาดพิง ได้ลุกขึ้นมาตอบข้อสงสัย ถ้าเป็นอย่างนั้นเชื่อว่า พรรคฝ่ายค้านต้องประท้วง และไม่ยอมแน่ เพราะเป้าหมายคือ พุ่งเป้าไปที่หัวหน้ารัฐบาล และ ต้องการทำลายความชอบธรรม หวังดิสเครดิตให้มากที่สุด ดังนั้นจึงไม่ใช้เรื่องแปลกที่ หัวหน้ารัฐบาลจะแสดงท่าทีวิตกกังวล

ส่วนพรรคเพื่อไทยก็พยายามปิดกั้นกระบวนการตรวจสอบ ต้องการให้ใช้เวลาในการอภิปรายน้อยที่สุด เพราะเชื่อว่า พรรคประชาชน (ปชน.) และ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) คง “จัดหนัก-จัดเต็ม” แน่ๆ

โดยเฉพาะ “พรรคสีส้ม” สะสมความแค้น มาจากการที่พรรคเพื่อไทยข้ามขั้ว มาจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ทำให้ “พรรคประชาชน” ต้องเป็นฝ่ายค้าน แม้จะได้เสียงสส.มากที่สุดในสภาฯก็ตาม

ขณะที่ก่อนหน้านั้น เฟซบุ๊ก “พรรคประชาชน” โพสต์ภาพพร้อมข้อความเปิดแคมเปญอภิปรายไม่ไว้วางใจในหัวข้อ “ดีลแลกประเทศ” โดยระบุว่า เมื่อช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ เมื่อช้างสารดีลกัน ประชาชนก็แหลกลาญ 18 เดือนภายใต้รัฐบาลที่ดีลกันบนผลประโยชน์ของชนชั้นนำ เหยียบย่ำเสียงของประชาชน คนไทยต้องสูญเสียไปเท่าไร เพื่อให้คนบางคนได้กลับบ้าน ประเทศเสียหายไปแค่ไหน เพื่อให้แพทองธาร ชินวัตร ได้เป็นนายกฯ

“ดิจิทัลวอลเล็ตกลายพันธุ์” จนจำรูปร่างเดิมไม่ได้ แจกจ่ายไม่ทั่วถึง เศรษฐกิจโตต่ำรั้งท้ายอาเซียน คนไทยตกงานนับแสน ค่าครองชีพสูง ค่าแรงไม่ขึ้นตามสัญญา กองทัพกลายเป็น “เขตทหาร ห้ามเข้า” รัฐบาลพลเรือนแตะต้องไม่ได้ ปฏิรูปกองทัพเป็นเพียงลมปาก แก้รัฐธรรมนูญ (รธน.) ไร้ความคืบหน้า นักโทษการเมืองติดคุกไม่ได้ประกัน ประเทศไทยถูกประณามเป็นที่อับอายในเวทีโลก ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ร่วมติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรกของพรรคประชาชน เปิดทุกดีลลับ คิดบัญชีทุกความสูญเสีย เปิดทุกแผลที่ถูกหมกเม็ด ของแพทองธาร ชินวัตร นายกฯ 24 มี.ค.นี้ เป็นต้นไป

โดยมี ภาพวาดการ์ตูนรูปเหมือน “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ ที่อยู่บนกองอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่พังทลาย กำลังทำมือแตะกับมือของพระเจ้า ซึ่งพระเจ้านั้นในมือถือ “ใย” ที่กำลังคอยชักตุ๊กตาไม้ ที่มี “เหรียญทอง” และ “ตาชั่ง” สัญลักษณ์ของความยุติธรรม และ “รถถัง” เป็นพื้นหลังประกอบ

ภาพโปสเตอร์ดังกล่าว จัดทำขึ้นคล้ายกับภาพจิตรกรรมบนเพดานโบสถ์ ของ “ไมเคิล แองเจโล” ในภาพที่มีชื่อว่า “The Creation of Adam” หรือชื่อว่า “พระเจ้าสร้างอดัม”

นอกจากนี้พรรคประชาชน ยังเผยแพร่คลิปวีดีโอสั้น ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียของพรรค @PPLEThai ให้ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.บัญชีรายชื่อ และแกนนำพรรค ซึ่งใครก็รู้เป็น “ตัวตึง” และมีบทบาทในการอภิปรายในประเด็นต่างๆ ตั้งแต่สมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อธิบายถึงสาเหตุการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า เมื่ออยากกลับบ้านมาเป็นใหญ่ โดยไม่อยากติดคุกเลยแม้แต่วันเดียว ถึงกับต้องยอมทำสัญญาปีศาจ ทำดีลแลกผลประโยชน์ประเทศ ผลประโยชน์ประชาชน เพื่อให้ตนเสวยอำนาจได้คืนทรัพย์สินเดิม เพิ่มเติมทรัพย์สินใหม่ มีกินมีใช้ทั้งครอบครัว และบริวาร 

“วิโรจน์” ยังระบุว่า นายกฯที่ดี กับนายกฯที่เรามี แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ขาดวุฒิภาวะ ขาดความสามารถ ขาดเจตจำนงทางการเมือง ไม่สน 4 สน 8 ลอยตัวเหนือปัญหาไปวันๆ นโยบายที่เคยวาดฝันไว้ถึงดวงดาว วันนี้แม้แต่ยอดมะพร้าวก็ไปไม่ถึง เศรษฐกิจไม่กระเตื้อง นิติรัฐล่มสลาย องค์กรอิสระกลายเป็นเครื่องมือกำจัดศัตรูทางการเมือง ปฏิรูปกองทัพถอยหลังลงคลอง จากพรรคประชาธิปไตย กลายเป็นพรรคตระบัดสัตย์ ปวารณาตน คอยเป็นพรรคระวังหลังให้ “ประยุทธ์” (จันทร์โอชา อดีตนายกฯ) เก็บกวาดซากความเสียหายจากยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 

“พอกันทีกับดีลแลกประเทศ เอาความทุกข์ยาก เลือดเนื้อ ชีวิตของคนไทย แลกกับอำนาจของตนเอง และครอบครัว ได้เวลาล้มดีล 24 มี.ค.นี้” วิโรจน์ ระบุ

และถึงแม้ว่า “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ (ฉบับแก้ไข) ต่อประธานสภาฯ ในช่วงเช้าวันที่ 17 มี.ค. โดย “ขีดฆ่า” ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” และคำว่า “ผู้เป็นบิดา” ออก แล้วเปลี่ยนเป็น “บุคคลในครอบครัว” แทน ทั้งนี้ เชื่อว่าประธานจะบรรจุญัตติดังกล่าวเข้าสู่วาระโดยไม่มีปัญหาใดๆ และสามารถเปิดอภิปรายได้ในวันที่ 24 มี.ค.68 ตามข้อเสนอของรัฐบาล  และ “วันมูฮะหมัดนอร์  มะทา” ประธานสภาฯ ก็บรรจุญัตติอภิปรายมาไว้วางใจในวันดังกล่าวทันที ซึ่งบางคนมองว่า การใช้ “บุคคลในครอบครัว” เปิดกว้างให้สามารถอภิปรายพาดพิงบุคคลภายนอก ได้มากกว่า “ทักษิณ” ด้วยซ้ำ

ส่วนความเคลื่อนไหวของ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะพรรคฝ่ายค้านอีกพรรคหนึ่ง ซึ่งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  หัวหน้าพรรค จะลุกขึ้นอภิปรายด้วย ทำให้หลายฝ่ายจับตามองว่า “1 ใน 3 ป.” ที่เคยยิ่งใหญ่ จะหยิบประเด็นอะไรมาตั้งคำถามและตรวจสอบหัวหน้ารัฐบาล

เพราะที่ผ่านมาสมัยทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร เวลาถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “บิ๊กป้อม” จะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการชี้แจง ดังนั้นเมื่อมีข่าว “พล.อ.ประวิตร” จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ โพลบางสำนักจึงไปสอบถามความเห็น พบว่า ประชาชนจำนวนมาก อยากฟังหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอภิปรายในศึกซักฟอก ต้องการรู้ว่า “บิ๊กป้อม” จะสื่อสารด้วยประเด็นอะไร ซึ่งคาดหมายกันว่า อาจเป็นประเด็น คัดค้านการเปิดกาสิโน และ นโยบายให้มีการเล่นพนันออนไลน์อย่างถูกกฎหมาย เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐเกรงว่า จะเป็นการ มอมเมาประชาชน และทำให้ สังคมไทยมีปัญหา

ด้าน “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ ว่า ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค จะเป็นผู้นำการอภิปรายภาพรวม โดยจะมีการกล่าวถึงประเด็นหลักๆ ที่พรรคตรวจสอบ ทั้งเรื่องที่ดินอัลไพน์ ซึ่งเป็นที่ดินธรณีสงฆ์ เรื่องกาสิโน การพนันออนไลน์ และเอ็มโอยู 2544 รวมไปถึงเรื่องชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเป็นเรื่องของครอบครัวนายกฯ ไม่ใช่นายทักษิณ ชินวัตร

เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมี 2 ประเด็นสำคัญที่อุบไว้ก่อน ซึ่งน่าจะเป็นประเด็นใหม่ โดยเป็นเรื่องของนายกฯ ส่วนจะเป็นเรื่องทุจริตหรือเรื่องการบริหารงาน ขอตอบแค่นี้ก็แล้วกัน

ต้องบอกว่า ในส่วนของ “พรรคพลังประชารัฐ” ก็ถือว่า มีปัญหาขัดแย้ง กับ “พรรคเพื่อไทย” โดยตรง เนื่องจากถูกบีบให้ออกจาก “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” ทำให้สส.ของพรรค 20 คน ย้ายออกไปสังกัด “พรรคกล้าธรรม” (กธ.) ขณะที่ “พรรคประชาชน” ก็ถูก “พรรคเพื่อไทย” หักหลังไปตั้ง “รัฐบาลข้ามขั้ว”

เชื่อว่า ศึกซักฟอกครั้งนี้ ทั้ง 2 พรรคคงปล่อยของเต็มที่ เพื่อทำให้ “หัวหน้ารัฐบาล” เผชิญวิกฤติศรัทธา รัฐบาลอยู่ในสภาพ “ระส่ำระสาย” เพราะ “นายกฯอิ๊งค์” เปรียบเป็น “ไพ่ใบสุดท้าย” ของ “ทักษิณ ชินวัตร” ต้องทำให้เกิดปัญหาให้มากที่สุด!!!

ถ้าถึงขั้น “มีใบเสร็จ” ยิ่งอาจทำให้เกิด เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง

……………………….

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย…“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img