ในเมื่อมีข้อมูลใหม่ จึงไม่ใช้เรื่องแปลกถ้า การประชุมพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) วันที่ 18 มิ.ย. ที่คอการเมืองต่างลุ้นกันว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง “เลขาธิการพรรค” หรือไม่ อาจไม่มีอะไรในกอไผ่ ต้องทอดเวลาออกไป รอจังหวะที่เหมาะสม เพื่อนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงในอนาคต
จริงใครๆ ก็รู้ ไม่ช้าหรือเร็ว ตำแหน่งแม่ทัพคนสำคัญพรรคแกนนำรัฐบาล เพื่อนำพาพรรคไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ ต้องตกเป็นของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ แน่ๆ ยิ่งย้อนดูเส้นทางการเมือง “อดีตผู้กองคนดัง” ก่อนตัดสินเข้าร่วมงานกับพรรคแกนนำรัฐบาล รวมทั้งผลงานภายหลังเข้าร่วมงานกับ “พปชร.” มีตำแหน่งสำคัญในฝ่ายบริหาร
ก่อนการเลือกตั้ง 24 มี.ค. 62 “ร.อ.ธรรมนัส” ได้รับมอบหมายทำหน้าที่ “ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคเหนือ” ทั้งที่เคยมีข่าวทำนองว่า ตำแหน่งนี้น่าจะตกเป็นของ “นายสมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม แกนนำกลุ่มสามมิตร
แต่ด้วยภูมิหลัง และย้อนไปดูผลงานแกนนำกลุ่มสามมิตรใชื่อ “พรรคมัชฌิมาธิปไตย” เลยทำให้คนใกล้ชิด “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า พปชร. ต้องไปทาบทามผู้กองคนดัง ซึ่งเคยร่วมงานกับ “นายทักษิณ ชินวัตร” สมัยยังดำรงตำแหน่ง หัวหน้าพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ให้มาร่วมงานเมืองกับ พปชร.
จากภายหลัง “พปชร.” ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล รมช.เกษตรฯจากค่ายแกนนำรัฐบาล ก็นำพาชัยชัยชนะมาให้ “บิ๊กป้อม” ได้ภูมิใจทุกครั้ง เวลามีการเลือกตั้งซ่อม แม้กระทั่งใน พื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) “ร.อ.ธรรมนัส” แม่ทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ก็นำพาชัยชนะการเลือกตั้งซ่อม สร้างชื่อให้พรรคต้นสังกัดได้
นอกจากนี้เวลามีเรื่องร้อนๆ ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบฝ่ายบริหาร อย่างเช่น ปัญหาภาคีบ้านบางกลอย การพัฒนา พื้นที่เศรษฐกิจอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ซึ่งเกิดปัญหาความขัดแย้ง มีความเห็นต่างๆ ของประชาชนในพื้นที่ และอีกหลายเรื่อง ทั้ง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม และ “พล.อ.ประวิตร” มักมอบหมาย “รมช.เกษตรฯ” ให้เข้าไปแก้ไข และแทบทุกเรื่องก็หาทางออกได้ ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับรัฐบาล สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความสามารถ “ร.อ.ธรรมนัส”

แม้กระทั่งในช่วงรัฐบาลต้องต่อสู้กับสงครามโรคโควิด-19 “ร.อ.ธรรมนัส” ยังได้รับความไว้วางใจจาก “บิ๊กป้อม” ให้ทำหน้าที่ “หัวหน้าศูนย์โควิด พปชร.” มีอำนาจเต็มในการสั่งการ 10 แกนนำหัวหน้าภาค ได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ความช่วยเหลือในช่วงเผชิญกับวิกฤติครั้งสำคัญ ซึ่งส่งผลถึงคะแนนนิยมตนเองและพรรคในอนาคต
อีกกระทั่งการเข้ามารับตำแหน่งสำคัญในครม. มักมีข่าวว่า “ร.อ.ธรรมนัส” ได้รับการสนับสนุนจาก “บุคคลสำคัญ” ทั้งที่เคยต้องโทษในต่างแดน ถูกฝ่ายตรงข้ามหยิบยกมาโจมตีบ่อยครั้ง รวมทั้ง แกนนำบางคนในพปชร. ก็ไม่พอใจบทบาท รมช.เกษตรฯ ด้วยเห็นว่าเป็นคู่แข่งทางการเมือง จะเข้าไปยึดกุมอำนาจบริหารงาน พปชร.ในอนาคต
หลายคนยังตั้งข้อสังเกตว่า การเลือกศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น มีนัยยะสำคัญทางการเมือง เนื่องจากะ จังหวัดขอนแก่น ถือเป็นฐานที่มั่นทางการเมือง “พรรคเพื่อไทย” (พท.) แกนนำพรรคฝ่ายค้าน แต่ “ร.อ.ธรรมนัส” ก็ยังตีฝ่าวงล้อม นำทัพคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งซ่อมได้ ซึ่งถ้าหากไม่มีอุปสรรคเกิดขึ้น หลังการประชุมใหญ่ พปชร. ต้องปรากฎภาพ สมาชิกรุมล้อมแสดงความยินดี รมช.เกษตรฯ ในฐานะ เลขาธิการพรรคคนใหม่ แน่นอน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ “นายสมศักดิ์” ในฐานะ รองหัวหน้าพปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมพรรค ซึ่งมีกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคว่า ตอนประชุมกรรมการบริหารเพื่อกำหนดวันประชุมใหญ่ ตนไม่ได้ร่วมประชุม เรื่องการปรับคณะกรรมการบริหารพรรคมีข่าวออกมาเรื่อยๆ ก็คิดในทางที่ดีมันอาจจะดีก็ได้ ทั้งนี้เรื่องการปรับโครงสร้างนั้นยังไม่ทราบรายละเอียดจึงไม่กล้าคิดอะไร ส่วนจะไปร่วมประชุมด้วยหรือไม่นั้น ขอดูก่อน
“ถ้าเรามายุ่งเรื่องส่วนตัวมาก เช่นเรื่องในพรรคมากไป อยากเป็นโน่นเป็นนี่ อาจเสียงานในภาพรวม ผมจึงอยากให้นักการเมืองสังวรไว้ว่าประชาชนมองเราอยู่ อย่าคิดว่าวันนี้เราเดินได้สบายอยู่กับสิ่งที่เป็นอำนาจ แล้วทำให้ท่านสบาย แต่เวลาเลือกตั้งขอเรียนว่าสิ่งที่ทำไว้ในวันนี้มันจะสะท้อนในวันเลือกตั้ง ฝ่ายที่เป็นคู่แข่งเรา เขาจะเอามาโจมตีเราไม่ยั้ง แค่ภาพเดียว หรือ สองภาพ ก็แทบตายแล้วในการเลือกตั้ง จึงอยากบอกว่าให้พึงสังวรตัวเองไว้ วันนี้อาจอยู่สบาย แต่วันเลือกตั้งมันยาก ผมก็เตือนตัวเองตลอดต้องสร้างงาน”

อย่าลืมว่า แม้ ศาลรัฐธรรมนูญ (รธน.) จะมีคำวินิจฉัยว่า สถานะความเป็น ส.ส.-รัฐมนตรี ของ “ร.อ.ธรรมนัส” ไม่พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ (รธน.) มาตรา 98 (10) และ มาตรา 170 กรณีถูกศาลออสเตรเลียพิพากษาจำคุกในข้อหา “พัวพันคดีค้ายาเสพติด” เนื่องจากเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร แต่คำพูดแกนนำ พปชร. ในระหว่างถูกฝ่ายค้าน อภิปรายไม่ไว้วางใจ กับประโยคที่ว่า “สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดรัฐนิวเซาท์เวลส์ อ้างว่าเป็นเฮโรอีนหนัก 3.2 กิโลกรัม มันคือแป้ง…” ก็ถูกนำมาโจมตี หลายคนชอบล้อเลียนจนกลายเป็นสัญลักษณ์ติดตัว “ผู้กองคนดัง”
บางทีคำพูด “นายสมศักดิ์” ในฐานะนักการเมืองมากประสบการณ์ เคยรวมงานกับ “นายมนตรี พงษ์พานิช” อดีตหัวหน้าพรรคกิจสังคม (กส.) และ นายทักษิณ อาจต้องการส่งสัญญาณเตือน “แกนนำพปชร.” และ “ร.อ.ธรรมนัส” หากมีถูกขุดคุ้ยบางเรื่องที่เป็นจุดอ่อน ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง จนกระทบกับภาพลักษณ์พรรค และคะแนนนิยมได้
อีกทั้งเลขาธิการ พปชร. คนปัจจุบัน “นายอนุชา นาคาศัย” ก็เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของกลุ่มสามมิตร ที่มี “นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม และ “นายสมศักดิ์” เป็นแกนนำ มักออกมาเคลม มีส.ส. อยู๋ในกลุ่มประมาณ 30 คน ซึ่งถือว่ามากพอสมควร ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีข่าว “กลุ่มสามมิตร” ไม่พอใจหัวหน้ารัฐบาล หลังไม่ยอมมอบกระทรวงพลังงาน ให้มาอยู่ภายใต้ความดูแลของ “นายสุริยะ” กลับดึงไปเป็น โควต้ากลาง หัวหน้ารัฐบาลเลือกคนนอกมาดำรงตำแหน่ง จากเหตุการณ์ครั้งนั้น กลุ่มสามมิตรเลยเก็บงำความไม่พอใจลึกๆ ตลอดมา
หลายคนยังเชื่อว่า ถ้าในที่สุดตำแหน่ง “เลขาธิการพรรค” ไม่ได้อยู่ในความครอบครองของกลุ่มสามมิตร วันหนึ่งถ้ารัฐบาลต้องเผชิญ แรงกดดันทางการเมือง นายสุริยะและนายสมศักดิ์ อาจปลุกสมาชิกพรรคตีรวน หวัง ถอนตัวอออกจาก พปชร. ทำให้รัฐบาลมีอันเป็นไปในที่สุด
ยิ่งท่าที่ล่าสุด “พล.อ.ประยุทธ”์ นายกรัฐมนตรี กล่าวในระหว่างการประชมวุฒิสภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.ก. เงินกู้ 5 แสนล้านบาทว่า “ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ ผมต้องทำตัวของผมให้มีเกียรติ ให้คนอื่นยกย่อง เชื่อมั่น ผมทำดีเขาก็ให้เกียรติผม ผมทำไม่ดีก็ไม่ต้องให้เกียรติ และฝากไว้ด้วยถ้ามีการเลือกตั้งในอนาคต ผมยืนยันอยู่จนครบ จะได้เลิกพูดกันเสียที วันหน้าเลือกให้ดีก็แล้วกัน”
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น หัวหน้ารัฐบาล กล่าวภายหลังการประชุมครม.ว่า “ผมได้สั่งการและมอบนโยบายไปแล้วว่าจำเป็นต้องเร่งรัดหลายกิจกรรม ในช่วงระยะเวลา 1 ปี ที่ยังเหลืออยู่ในรัฐบาลปัจจุบัน และเตรียมพร้อมที่จะทำอะไรให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ส่งต่อให้กับรัฐบาลวันข้างหน้าต่อไป ทั้งนี้ เป็นไปตาม ยุทธศาสตร์ชาติ ตามแผนงาน 1 ปี และแผนงานระยะปานกลาง 3 ปี ยุทธศาสตร์ 5 ปี นั่นคือ ความต่อเนื่องและสอดคล้อง สุดแล้วแต่รัฐบาลใดจะเข้ามารับผิดชอบกันต่อไป ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ไม่ต่อเนื่อง แล้วจะทำไม่ได้”
เลยถูกตีความว่า หัวหน้ารัฐบาลอาจตัดสินใจยุบสภาฯ ในเดือนเม.ย. 65 ทั้งๆ ที่รัฐบาลจะครบวาระต้นปี 66 ดังนั้นเมื่อตัดสินใจจะอยู่ในฐานะฝ่ายบริหารรต่อไป บรรดา ผู้กุมอำนาจ 3 ป. (ประยุทธ์-บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก ) อาจไม่ต้องการสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมือง ไม่สนับสนุน ให้มีการปรับโครงสร้าง พปชร. และไม่มีการการเปลี่ยนแปลงเลขาธิการพรรค
ยิ่งแกนนำกลุ่มสามมิตรมีบทบาทสำคัญ กับการ คืนความสุขให้คอบอล ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ความดีความชอบครั้งนี้ จะมองข้ามไม่ได้เลยทีเดียว
……………………………………..
คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก
โดย “แมวสีขาว”