วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS“เปิดประเทศ-ฉีดวัคซีน”เงื่อนตายบิ๊กตู่ หรือถึงเวลา..นับถอยหลัง“เรือแป๊ะ”ล่ม
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“เปิดประเทศ-ฉีดวัคซีน”เงื่อนตายบิ๊กตู่ หรือถึงเวลา..นับถอยหลัง“เรือแป๊ะ”ล่ม

ถ้ามีใครถาม “พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา” นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ระหว่าง ม็อบสามนิ้ว การเคลื่อนไหวกลุ่มอำนาจเก่า กับ โควิด-19 กลัวอะไรมากกว่ากัน เชื่อว่าคำตอบที่ได้ น่าจะเป็นปมปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสร้ายมากกว่า ยิ่งระยะหลังตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงเกิน 5,000 คน ยิ่งสร้างผลกระทบให้เกิดขึ้นกับความความเชื่อมั่น และภาพลักษณ์ฝ่ายบริหารอย่างต่อเนื่อง

แต่ก็คงประมาทการเคลื่อนไหวของสารพัดม็อบ ภายใต้ยุทธศาสตร์ “แม่น้ำร้อยสาย” แต่มีเป้าหมายเดียวกันไม่ได้ คือ การขับไล่หัวหน้ารัฐบาลให้พ้นไปจากศูนย์กลางอำนาจโดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็น “ม็อบราษฎร” ที่ใช้สัญลักษณ์ชูสามนิ้ว, กลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย นำโดย “จตุพร พรหมพันธุ์” ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), กลุ่มประชาชนคนไทย นำโดย “นิติธร ล้ำเหลือ” และอาจมีอีกหลายกลุ่ม ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจรัฐบาล   

FB/ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

อีกทั้งยังมีข่าว “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” อดีตเลขาธิการ นปช. ซึ่งเพิ่งได้รับอิสรภาพ จากการถูกจองจำ อันเนื่องมาจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองในอดีต ก็เตรียมจะเข้ารับบท “แกนนำกลุ่มราษฎร” หลังนักเคลื่อนไหวหลายคน ติดชนักเรื่องคดีความ และเงื่อนไขของศาลอาญา หลังได้รับการประกันตัวจากข้อหากระทำความผิดตามมาตรา 112  ไม่ว่าจะเป็น “เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์” “อานนท์ นำภา” “รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล” “ไผ่-จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา” และ “ไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอก”

ถ้ายังจำได้ อดีตเลขาธิการนปช. ได้แสดงจุดยืนให้สังคมรับรู้ทำนองว่า ขอยืนเคียงข้างขบวนการนักเรียน นักศึกษา และ ประชาชน ที่เรียกตัวเองว่า “ราษฎร” พร้อมเรียกร้องให้เอาเยาวชนออกจากกรงขัง

“ผมขอแสดงตัวเคียงข้างนิสิต นักศึกษา และ ประชาชน ที่กำลังต่อสู้อยู่ พร้อมกันนั้นผมขอปฏิเสธข้อกล่าวหาบิดเบือนให้ร้ายป้ายสีว่าการแสดงท่าทีเช่นนี้หมายถึงการมุ่งร้าย หมายถึงการโค่นล้มทำลายสถาบันฯ” นายณัฐวุฒิกล่าว

จตุพร พรหมพันธุ์

ขณะที่ “จตุพร” กล่าวในระหว่างเคลื่อนไหวในนามกลุ่มไทยไม่ทนว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา คนไทยเดือดร้อนจนเคยชิน ไม่ได้คิดว่าจะลุกขึ้นมาจัดการพล.อ.ประยุทธ์อย่างไร ที่สำคัญคือคนไทยไม่พร้อมที่จะลุกขึ้นมาจัดการ ตอนนี้มีโอกาสแล้ว ขอให้ศรัทธาและเชื่อมั่น จะชุมนุมวันเสาร์ไปเรื่อยๆ ไม่เกิน 3 เดือน เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องออกไป

ถ้าหากไล่เรียงดูเงื่อนเวลา นั่นหมายความว่า ภายในเดือนตุลาคม รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จะต้องมีอันเป็นไป  ซึ่งการเลือกเดือนดังกล่าว ม็อบต่อต้านฝ่ายบริหารคงต้องการสื่อสังคม เห็นถึงนัยยะสำคัญบางประการ เพราะถ้าย้อนไปไล่เรียงดูจะพบว่า เดือนตุลาคมมักมี เหตุการณ์สำคัญทางการเมือง โดยเฉพาะ ช่วงตุลาฯ16  ซึ่งรัฐบายภายใต้การนำของ “จอมพลถนอม กิตติขจร” ต้องล้มไป หลังยึดครองอำนาจมาอย่างยาวนาน  ด้วยพลังอันบริสุทธิ์ของนิสิต นักศึกษาและประชาชน  

เช่นเดียวกับ “เพนกวิน” ซึ่งกล่าวระหว่างการจัดงานรำลึกวันครบรอบการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 ของกลุ่มราษฎรว่า ปีนี้เราตั้งเป้าหมายภายใน 2-3 เดือน จะต้องไล่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ให้ได้ ถ้าวันนี้ทุกท่านลงความเห็นตรงกันว่าราษฎรยังยืนยันเดินหน้าขับไล่พล.อ.ประยุทธ์

“ปีนี้จะต้องเป็นปีแห่งประชาชน การเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝัน จังหวะนี้ถือว่าดีที่สุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา เพราะพล.อ.ประยุทธ์ล้มเหลวการบริหารราชการแผ่นดิน เราต้องช่วยกันขับไล่ นี่เป็นการปฏิญาณครั้งแรก หลังออกจากเรือนจำ จะให้ตนอดอาหารนานกว่านี้ก็ยังได้ แต่ขอให้พล.อ.ประยุทธ์และองคาพยพต้องออกไป”

อย่างไรก็ตามใครตามข่าวการเมืองไทย คงรู้ว่า การสร้างแรงกดดันให้เกิดขึ้นนอกสภาฯ มักขึ้นอยู่กับ การทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นปัญหามากสุดเวลานี้ คงหนีไม่พ้นการแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบทั้ง เศรษฐกิจ สังคม และ ระบบสาธารณสุข ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายบริหารก็ถูกวิจารณ์เรื่องความล่าช้าในการจัดหาวัคซีน การแทงม้าตัวเดียว การสื่อสารที่มีความไม่ชัดเจน การให้ข้อมูลที่หลากหลายจากบุคคลกรทางการแพทย์ ส่งผลทำให้ สังคมเกิดความสับสน จนทำให้รัฐบาลถูกวิจารณ์ในแง่ลบ

อีกทั้งการที่รัฐบาลประกาศเปิดประเทศภายใน 120 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 เดือนมิถุนายน และจะฉีดวัคซินให้กับประชาชน 50 ล้านคนภายในปีนี้ ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าไม่มีทางเป็นไปได้  ถ้าเข้าไปตรวจสอบข้อมูลจะพบว่า แต่ละวัน บุคลากรทางการแพทย์ฉีดวัคซินให้ประชาชน ยังไม่ถึง 400,000 เข็มด้วยซ้ำ อีกทั้งตัวยาสำคัญก็มาแบบกระปริบกระปรอย

นอกจากนี้ คำสั่งศบค. ตามประกาศฉบับที่ 25 ตามความในมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ 6 จังหวัด กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ นครปฐม สมุทรสาคร ปทุมธานี ซึ่งหลังประกาศออกมา ได้สร้างผลกระทบให้เกิดขึ้น ทั้ง กลุ่มแรงงาน และผู้ประกอบกิจการก่อสร้าง ผู้ประกอบการร้านอาหารและพนักงานลูกจ้าง ก็เกิดเสียงเสียงวิจารณ์ในด้านลบกับรัฐบาลอย่าง หนักมีการใช้โซเชียลโจมตีฝ่ายบริหาร ติดแฮชแทก #ประยุทธ์ออกไป เพื่อขับไล่พล.อ.ประยุทธ์

ขณะที่กลุ่ม รี-โซลูชั่น ซึ่งมี ปิยบุตร แสงกนกกุล, “ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ์” เป็นแกนนำ ซึ่งขับเคลื่อนโดยรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ ใน 4 ประเด็นใหญ่ ประกอบด้วย 

1.ล้ม ส.ว. เดินหน้าสภาเดี่ยว
2.โละศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ-ปฏิรูปที่มา อำนาจ การตรวจสอบ
3.เลิกยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูป-ปลดโซ่ตรวนอนาคตประเทศ
4.ล้างมรดกรัฐประหาร-หยุดวงจรอุบาทว์ขวางประชาธิปไตย

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ก็ได้โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊กเพจ “Re-Solution ถึงเวลารัฐธรรมนูญใหม่”

ทะลุ 100,000 รายชื่อ + ยังมีที่เร่งตรวจนับอยู่อีกเพียบ  ตัวเลขล่าสุด ณ 27 มิ.ย. พุ่งขึ้นไปกว่า 100,000 รายชื่อ แล้ว เราจะรีบจัดการรวบรวมเอกสารที่ส่งมาแล้วทั้งหมด และประกาศจำนวนรายชื่อประชาชนทั้งหมดที่มาร่วมแสดงพลัง #รื้อระบอบประยุทธ์ เร็วๆ นี้ 

โดยหลังจากการประกาศปิดรับเอกสารเข้าชื่อ #ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์ ไปเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน เวลา 12.00 น. ปัจจุบันมีจำนวนผู้เข้าชื่อแล้วกว่า 100,000 รายชื่อ กลุ่ม Re-Solution ขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ร่วมแสดงพลังและขออภัยทุกท่านที่ต้องทำการปิดรับเอกสาร เพราะจำเป็นต้องใช้เวลาต่อจากนี้ จัดการเอกสารส่งสภาฯ โดยเร็วที่สุดอะไรที่ไม่เคยเห็นก็จะได้เห็น เมื่อประชาชนแสดงพลัง หยุดสืบทอดอำนาจ พอกันทีกับโครงสร้างทางการเมืองที่ไม่เห็นหัวประชาชน 

ก่อนหน้านั้น การล่ารายชื่อของ กลุ่ม รี-โซลูชั่น ตั้งเป่าจะล่ารายชื่อประชาชนให้ได้ล้านรายชื่อ แต่ก็มีคนเข้าร่วมกิจกรรมไม่มากหนัก แต่หลังจากศบค. ออกประกาศฉบับที่ 25 กระแสความไม่พอใจพล.อ.ประยุทธ์ ก็เกิดขึ้นสูงมาก แม้จะมีคำชี้แจงตามมาว่า เป็นคำแนะนำจากที่ปรึกษา ซึ่งเป็นบุคลากรทางการแพทย์ก็ตาม

นั่นหมายความว่า การเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล หรือ ไล่รื้อระบอบประยุทธ์ ก็มีส่วนสัมพันธ์กับการบริหารจัดการกับปัญหาโควิด-19 ถ้ารัฐบาลเดินไม่ถูกทาง ตัดสินใจไม่ตรงกับความต้องการประชาชน ก็ย่อมเผชิญกับเสียงวิจารณ์ทางลบ โดยเฉพาะในแต่ละวัน มีตัวเลขคนป่วย-คนตาย เป็นตัวบ่งชี้ ที่สำคัญที่สุดคือ ภาคธุรกิจต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการตัดสินของรัฐบาล มีส่วนสำคัญและเกี่ยวข้องกับความอยู่รอดฝ่ายบริหาร

บางทีการกำหนดเงื่อนเวลาเปิดประเทศอีก 120 วัน กับการจัดฉีดวัคซินให้ประชาชน 50 ล้านคน อาจเป็นเงื่อนไขสำคัญ นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพราะหลายคนเชื่อว่า “พล.อ.ประยุทธ์” คงไม่สามารถเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย ซึ่งผลที่ตามมาคงหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้ยากจริง ๆ

เพราะในเมื่อเล่นบท รวบอำนาจ ในการแก้ปัญหาโควิด-19 อีกทั้ง “พลังประชารัฐ” (พปชร.) แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ก็ไม่ปลื้มกับการถูกแบ่งปันอำนาจ และถ้าจำนวนประชาชนที่จะมาเติมม็อบขับไล่รับบาล ถ้ามาตามใบสั่ง ก็คงไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่ถ้ามาตามธรรมชาติ ไม่มีใครว่าจ้าง ทนไม่ได้กับการทำงานรัฐบาล ต่อให้มีแบ็คดีขนาดไหน ก็ยากที่หัวหน้ารัฐบาลจะทนนิ่งเฉยได้

……………….

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย “แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img