วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSลุ้น“ก.ตร.”เลือก“ผบช.น.” คำตอบหนีไม่พ้น “สำราญ นวลมา”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ลุ้น“ก.ตร.”เลือก“ผบช.น.” คำตอบหนีไม่พ้น “สำราญ นวลมา”

ในช่วงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เผชิญหน้ากับแรงกดดัน อันเนื่องมาจากการเคลื่อนไหวม็อบกลุ่มต่างๆ ซึ่งใช้สัญญลักษณ์ชูสามนิ้ว หวังให้ข้อเรียกร้องประกอบด้วย 1.พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2.ต้องมีกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญ (รธน.) ใหม่ 3.ต้องมีการปฏิรูปสถาบัน เป็นไปตามเป้าหมาย

ดังนั้นบทบาทหน่วยงานด้านความมั่นคง จึงย่อมมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” (ตร.) ซึ่งมีภารกิจหลักในการดูแลความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง บังคับใช้กฎหมายให้เกิดความเท่าเทียมกันในสังคม 

รวมทั้งที่กลายเป็นงานหลัก คงหนีไม่พ้นการรับมือการชุมนุม ซึ่งมีเป้าหมายทางการเมือง ส่งผลให้องค์กรสีกากีต้องแบกรับภาระหนัก โดยเฉพาะ “พื้นที่นครบาล” จะเห็นว่าตลอดเดือนสิงหาคม บรรดาเครือข่ายสามนิ้วจัดกิจกรรมไม่เว้นแต่ละวัน ผลักดันให้ สามเหลี่ยมดินแดน” กลายเป็นสมรภูมิเดือด แต่ละวันจะได้ยินเสียงประทัดยักษ์ พลุหลากหลายชนิด ความดังของแก๊สน้ำตา จนได้ยินเสียงเตือนจากคนเมืองหลวง ปรารถทำนองว่า ในช่วงค่ำๆ ถ้าไม่มีความจำเป็น ก็ไม่สมควรผ่านพื้นที่ที่กลายเป็นจุดปะทะ ระหว่าง เจ้าหน้ารัฐ กับ พวกป่วนเมือง 

เมื่อมีปัญหาใหญ่ มีภารกิจร้อน เกี่ยวข้องกับการทำงานของตร. หลายคนเลยจับตามองว่า ช่วงเดือนสิงหาคมที่จะมีการจัดทำบัญชี แต่งตั้ง โยกย้ายนายตำรวจระดับสูง ทำหน้าที่บริหารจัดการในพื้นที่ต่างๆ องค์กรสีกากีจะได้ผู้รักษากฎหมายที่มีศักยภาพ เป็นที่ยอมรับของฝ่ายบริหารและประชาชน เพื่อนำความสงบสุขกลับมาสู่ประเทศไทยได้หรือไม่  

ยิ่งมีรายงานข่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลตอนหนึ่งว่า การชุมนุมทางการเมือง เป็นสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ เป็นเรื่องของกฎหมาย โดย กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) จะต้องดำเนินการให้โปร่งใส เป็นไปตามหลักการสากล ในฐานะที่กำกับดูแล ตร. และเป็นรมว.กลาโหม ไม่เคยบอกให้ทำร้ายใคร ถ้าผู้ชุมนุมไม่ทำผิดกฎหมาย หรือทำให้เกิดผลกระทบการจราจรให้คนเดือดร้อน

www.thaigov.go.th

นายกฯ กล่าวอีกว่า “วันนี้ได้เห็นพฤติกรรมมีเบื้องหลัง เบื้องหน้าเยอะพอควร ดังนั้นต้องฝากในเรื่องอาชีวะที่ออกมาเคลื่อนไหวใช้ความรุนแรง แบบนักเลง…มันใช้ได้หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นพวกศิษย์เก่า ศิษย์ใหม่ จะอยู่กันอย่างไร คนพวกนี้พอถูกดำเนินคดีก็มีปัญหา ใครทำผิดต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกคน แล้วไปสู้คดีเอา โดยขอให้ระมัดระวังเรื่องการชุมนุม”

คำพูดของหัวหน้ารัฐบาล เหมือนเป็น การส่งสัญญาณ ไปยังหน่วยงานต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องการดูแลการชุมนุมกลุ่มต่างๆ ให้ยึดกฎหมายอย่างเคร่งครัด ใครทำผิดต้องถูกดำเนินคดี นั่นหมายว่า หน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลโดยตรงอย่าง ตร. ต้องแบกรับภาระที่มีความสำคัญ อีกทั้งหัวหน้ารัฐบาลยังทำหน้าที่กำกับดูแลองค์กรสีกากี ซึ่งการทำงานที่จะบรรลุไปสู้เป้าหมายได้ นั่นหมายความว่า บุคคลที่เขามาผลักดันภารกิจ ต้องมีความรู้ความสามารถ ยึดมั่นในหลักการทำงาน ไม่กังวลกับแรงกดดันที่เกิดขึ้น ถ้าทำในสิ่งถูกต้อง ยึดหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัด 

ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมให้ข้อมูลประกอบการคัดเลือกผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ถึง ผู้บัญชาการ (ผบช.) เพื่อใช้ประกอบการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับผู้บังคับการ (ผบก.)-รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) วาระประจำปี 2564 ใช้เวลาในการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า การประชุมวันนี้เป็นการชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้บัญชาการทุกหน่วย ว่าในการแต่งตั้งผบก.-รอง ผบ.ตร. วาระ 2564 มีขั้นตอนดำเนินการอย่างไรบ้าง รวมถึงถามความเห็นของผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ได้ข้อสรุปว่าให้ทางหน่วยระดับกองบัญชาการ ยืนยันบัญชีผู้ที่เหมาะสม ซึ่งเป็นไปตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้ง

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข

แต่ส่วนที่นอกเหนือจากระเบียบคือ ให้ผู้บังคับบัญชาส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการพิจารณาตัวบุคคล เพื่อให้ทราบว่าการที่จะแต่งตั้งใคร บุคคลนั้นมีคุณสมบัติครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้เชื่อว่าการแต่งตั้ง ผบก.-รอง ผบ.ตร. วาระ 2564 จะเสร็จสิ้นตามกรอบเดือนสิงหาคม 

สำหรับการแต่งครั้งนี้ มีตำแหน่งว่างระดับ รอง ผบ.ตร. 2 ตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ว่าง 9 ตำแหน่งผบช. ว่าง 20 ตำแหน่ง ระดับ รองผู้บัญชาการ (รอง ผบช.) ว่าง 42 ตำแหน่ง และ ผบก.ว่าง 84 ตำแหน่ง ดังนั้น ในการแต่งตั้งนายพลวาระประจำปีนี้จะมีตำแหน่งว่างทั้งสิ้น 157 ตำแหน่ง รวมการแต่งตั้งโยกสลับระนาบเดียวกัน จะมีการแต่งตั้งโยกย้ายกว่า 200 ตำแหน่ง

อย่างไรก็ตามเริ่มมีคาดหมายถึง รายชื่อนายตำรวจที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญ ไล่ตั้งแต่ระดับรอง ผบ.ตร. คาดว่า จะ มีการเสนอชื่อ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 1 พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 2

ระดับผู้ช่วย ผบ.ตร. คาดว่า มีการเสนอชื่อ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภ.7 อดีตนายเวรพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร., พล.ต.ท.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผบช.สงป., พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 

พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ จตร.(สบ 8) พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบช.ภ.8 นายตำรวจคนสนิทผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3 นักเรียนเตรียมทหาร (ตท.) รุ่น 25 เพื่อนร่วมรุ่น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์, พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก.

ขณะที่ ระดับ ผบช. คาดว่า จะมีการโยก พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จตร.(สบ 8) นักเรียนตท.รุ่น 22 เพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. เป็น ผบช.ปส., พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. สายตรง ผบ.ตร. เป็น ผบช.ภ.2, พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ จตร.(สบ 8) คนสนิทพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. เป็น ผบช.ภ.9, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบช.ภ.6, พล.ต.ท.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ผบช.กมค. เป็น ผบช.สตม.

พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น. เลื่อนเป็น ผบช.น., พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. เลื่อนเป็น ผบช.ก., พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร รองผบช.ภ.1 อดีตหัวหน้าสำนักงาน พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย อดีตรอง ผบ.ตร. เลื่อนเป็น ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเสรณี รอง ผบช.ภ.5 เลื่อนเป็น ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย รอง ผบช.ภ.7 เลื่อนเป็น ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบช.ภ.8 เลื่อนเป็น ผบช.ภ.8

พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รอง ผบช.น. เลื่อนเป็น ผบช.กมค., พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. เลื่อนเป็น ผบช.ทท., พล.ต.ต.ณัฐ สิงห์อุดม รอง ผบช.ตชด. เลื่อนเป็น ผบช.ตชด., พล.ต.ต.สุรพงษ์ ถนอมจิตร รอง ผบช.ภ.1 เลื่อนเป็น ผบช.ส., พล.ต.ต.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผบช.ภ.2 เลื่อนเป็น ผบช.รร.นรต., พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา รอง ผบช.สทส. เลื่อนเป็น ผบช.สทส., พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันท์ รอง ผบช.สกพ. เลื่อนเป็น ผบช.สกพ.

อย่างไรก็ตาม บัญชีแต่งตั้งโยกย้ายยังไม่ลงตัว โดยเฉพาะหน่วยสำคัญ อย่างกองบัญชาการภาคต่างๆ ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม เบื้องต้นคาดว่า “พล.อ.ประยุทธ์” ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จะนัดประชุม ก.ตร. เพื่อพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายระดับ ผบก.- รอง ผบ.ตร. ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนสิงหาคม

ต้องยอมรับว่า พอปรากฎรายชื่อนายตำรวจที่จะขึ้นดำรงตำแหน่ง “ผบช.” ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักในการนำนโยบาย ตร. ไปขับเคลื่อนนำไปสู่เป้าหมายองค์กร หลายคนให้ความสนใจ ไปที่ตำแหน่ง “ผบช.น.” เจ้าของรหัส “น.1” ซึ่งปรากฎชื่อ “พล.ต.ต.สำราญ นวลมา” รอง ผบช.น. มีโอกาสเข้ามาแบกรับภารกิจสำคัญ ได้ยินแต่เสียงตอบรับ คาดหวังว่าเมื่อขั้นตอนการแต่งตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายตำรวจที่จะเข้ามาทำหน้าที่ ดูแลเมืองหลวงประเทศไทย จะเป็นไปตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้น 

เพราะนับตั้งแต่เข้ารับราชการเป็นนายตำรวจ หลังจบ นักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่น 50 นักเรียนตท.รุ่น 34 “รองฯสำราญ” ก็สร้างผลงานให้องค์กรสีกากีอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่เป็นพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง อยู่ 3 ปี จนได้รับรางวัล “พนักงานสอบสวนดีเด่น” จาก พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ ผบช.น. (ขณะนั้น) จากนั้นก็ย้ายไปอยู่ทะเบียนพล คอยติดตาม “พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์” ผบ.ตร.(ขณะนั้น)

จนกระทั่งมาดำรงตำแหน่ง “สว.กก.สตร.” ซึ่งใครติดตามการทำงาน “ว่าที่ น.1” จะรับรู้ว่า ในช่วงนี้ นายตำรวจน้ำดีขององค์กรสีกากี มีผลงานการจับยาเสพติด อย่างต่อเนื่อง จนได้รับโล่จากอดีตนายกรัฐมนตรี  รวมถึงคลี่คลายคดีอาชญากรรมสำคัญ อย่างคดีปล้นรถแท็กซี่ ในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ พอได้รับแจ้งข่าวให้สกัดจับคนร้าย  “สารวัตรสำราญ” ก็วางแผน “ก้าวสกัด” กับผู้ใต้บังคับบัญชา ปิดช่องทางหนีของคนร้ายชนิดที่เรียกว่า จะดิ้นไปเส้นทางไหนก็ไม่รอด จนกระทั่งได้รับรางวัลสุดยอดตำรวจ

ส่วนผลงานจับกุมที่ผ่านมานั้น ระดมกวาดล้างอาชญากรรม ทุกรูปแบบตามนโยบายของรัฐบาลและ ตร. ไม่ว่าจะเป็นการระดมปิดล้อมชุมชนเพื่อกวาดล้างยาเสพติด การลักลอบจำหน่ายยาเสพติดโดยส่งทางไปรษณีย์และบริษัทขนส่งเอกชน การปราบปราม การปล่อยเงินกู้นอกระบบ, การปราบปรามการค้ามนุษย์ และการจับกุมหมายจับค้างเก่า คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ และคดีที่เป็นที่สนใจของประชาชน ฯลฯ และคดีดังระดับประเทศอีกมากมาย 

ก่อนจะเข้าไปดำรงรองผบช.น.ในปี 2562 นั้น ได้เป็น ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 มาก่อน ซึ่งปฏิบัติงานการถวายอารักขาและถวายความปลอดภัยแด่องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ และเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม โดยจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์ออกตรวจตรา ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดจับ เน้นการควบคุมอาชญากรรม ให้ได้มากที่สุด และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจกับประชาชน 

รวมทั้งเป็นหน่วยสนับสนุน การปฏิบัติงานของตำรวจท้องที่ ในการอำนวยความสะดวก และบริการประชาชนเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมได้รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ เป็นไปตามกรอบของบทบัญญัติทางกฎหมาย

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 64  “พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก”รอง ผบ.ตร.เป็นประธานการประชุมบริหารราชการตร. ครั้งที่ 2/2564 และในโอกาสเดียวกันมีพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ให้กับข้าราชการตำรวจที่มีผลจากการปฏิบัติงานดีเด่นด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ประจำปีงบประมาณ 2563  จำนวน 9 นาย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “พล.ต.ต.สำราญ” รอง ผบช.น.

แต่ที่สำคัญไม่น้อยกว่าผลงานคือ หรือมากว่าด้วยซ้ำคือ การดำรงชีวิตที่ยึดหลักอ่อนน้อมถ่อมตน จนเป็นเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน และผู้บังคับบัญชา ซึ่งอาจเป็นเพราะ “รองฯสำราญ” เคยเป็นเด็กวัด คอยเดินตามพระวัดโตนดหลวง จ.เพชรบุรี แล้วกินข้าวก้นบาตรทุกวัน จึงปลูกฝังนิสัย ที่ทำให้ใครๆได้สัมผัส ต่างชื่นชมและยกย่องมาจนคึงวันนี้ 

จากนี้ไปคงต้องรอบทสรุปของการประชุม ก.ตร. “บิ๊กสีกากี” คนไหน จะถูกมอบหมายให้ไปทำหน้าที่ไหน  แต่ภารกิจดูแลเมืองหลวงประเทศ ซึ่งมีความสำคัญกับรัฐบาล เชื่อว่า “พล.อ.ประยุทธ์” ที่มีผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านตำแหน่งสำคัญมามากมาย คงมองออกจะมอบภารกิจสำคัญ ในฐานะ “ผบช.น.” ให้ใครและพูดตามหลักความจริง

แต่ดูโปร์ไฟล์และผลงานที่ผ่านมา คงมีแต่ “พล.ต.ต.สำราญ” เท่านั้น ที่เหมาะสมกับรหัส “น.1” ช่วยทำ กทม. ให้เป็นเมืองน่าอยู่ ดูแลประชาชนให้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจ

………………………………

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย “แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img