ในเมื่อ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อดีตรมว.คมนาคม สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตัดสินใจเดินหน้า ลงชิงชัยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แบบเกินร้อย ไม่คิดหวนกลับไปสู้ศึกการเมืองสนามใหญ่ เพราะไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ ถึงจะมีโอกาสเข้าคูหากาบัตรเลือกตั้ง
แถมยังเปิดตัว “ดร.ยุ้ย” หรือ ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมทีมนโยบายเพื่อกรุงเทพฯที่ดีกว่า มุ่งเน้นนโยบายการเงิน เศรษฐกิจเมือง และที่อยู่อาศัย เพิ่มทักษะและรายได้ สร้างอนาคตให้ลูกหลานมีความสุขที่ได้เกิดในกทม. นั่นหมายความว่า “เพื่อไทย” (พท.) คงต้องตัดชื่ออดีตรมว.คมนาคม ซึ่งถือว่ามีความสัมพันธ์อันดี ทั้ง “ทักษิณ ชินวัตร” และ “คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์” ออกจากบัญชีชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้แล้ว
บางทีอาจเป็นความพอใจของ “นายใหญ่” และ “นายหญิง” ยิ่งการเลือกตั้งสนามใหญ่ กำหนดให้ให้ใช้บัตร 2 ใบ ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่า เอื้อประโยชน์ “พท.” มากสุด แม้จะมีขั้นตอนทางฎหมาย ต้องรอดูรายละเอียดในกฎหมายลูก แต่ถ้าเป็นไปตามความคาดหมาย เป้าหมาย “ทักษิณ” ซึ่งระยะหลังใครมักเรียกติดปากว่า “โทนี่ วู้ดซัม” คงอยากยึดอำนาจทั้งสนามใหญ่ และสนามกทม. นายกฯเป็นของพท. ส่วนผู้ว่าฯกทม. “ชัชชาติ” ก็เปรียบเสมือนเด็กในคาถา เรียกว่าได้ประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง
เท่ากับชดเชยการสูญเสียอำนาจรัฐไปเกือบ 10 ปี แต่คำถามที่ตามมา ใครจะมีโอกาสเป็นตัวแทน”พท.”ชิงเก้าอี้นายกฯ ได้อยู่ในบัญชีว่าที่ “สร.1” ซึ่งถ้าย้อนไปอดีต นับตั้งแต่ “ทักษิณ” ก่อตั้ง พรรคไทยรักไทย (ทรท.) ใครก็ต่างก็รู้ว่า พรรคการเมืองนี้เปรียบเสมือน เป็นสมบัติของตระกูล “ชินวัตร” อีกทั้งวงศ์วานว่านเครือ ต่างก็เข้ามามีบทบาทและอิทธิพลในพรรค ไล่ตั้งแต่ คุณหญิงอ้อ, นางสาวยิ่งลักษณ์ และ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์
จึงไม่ใช้เรื่องแปลก เมื่อผู้สื่อข่าวตั้งคำถามแกนนำพรรคพท. หลังเกือบทุกพรรคการเมืองประกาศรายชื่อ บุคคลที่จะได้รับการผลักดันให้นายกฯ หากมีโอกาสได้รับเลือกเป็นแกนนำรัฐบาล แต่แกนนำพรรคฝ่ายค้านกลับขาดความพร้อม กับการเปิดเผยรายชื่อผู้นำประเทศ หาก “พท.” ได้ยึดคองอำนาจรัฐ
“นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” รองหัวหน้าพรรคพท. อ้างว่า สำหรับพรรคพท.ยังขอไม่เปิดเผยขอให้รอเซอร์ไพรส์ โดยรับรองประชาชนจะตกใจอย่างแน่นอน เปิดตอนนี้ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์กับพรรคพท.และบุคคลที่จะถูกเปิดชื่อก็อาจจะเป็นเป้าหมายที่ถูกทำลายได้ เพราะการเมืองขณะนี้ไม่ใช่การเมืองในภาวะปกติ ต้องระมัดระวังตัว
จริงๆใครก็คาดหมายได้ กับจุดยืนแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ทุกอย่างต้องเป็นไปตามสโลแกน “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ไม่มีใครกล้าคิดนอกกรอบ ไม่มีใครกล้าทำสวนทาง แม้ที่ผ่านมามักมีข่าวท่อน้ำเลี้ยง ที่ไหลมาจากเมืองดูไบ เป็นไปอย่างกระปริบกระปรอย แต่ด้วยอานิสงส์และผลงานในอดีต ยังทำให้คาดหมายกันว่า พท.ยังมีโอกาสเป็นแกนนำรัฐบาลสูงกว่าพรรคอื่น ถ้าการเลือกตั้งระดับชาติเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามแม้แกนนำพรรคฝ่ายค้าน จะยังไม่ยอมเปิดตัว “แคนดิเดทว่าที่นายกฯ” ด้วยข้ออ้างเกรงจะตกเป็นเป้าหมายถูกทำลาย แต่สื่อหลายสำนักก็เริ่มไปขุดคุ้ย บุคคลที่มีแนวโน้ม ได้รับการคาดหมาย ได้รับการผลักดันให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนมีความใกล้ชิดกับเครือญาติ “ชินวัตร” แทบทั้งสิ้น ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากอดีตที่ผ่านมา
อีกทั้ง “ทักษิณ” เคยเกิดอาการเข็ดหลาบ หลังไปดึง “สมัคร สุนทรเวช” อดีตหัวหน้าพรรคประชากรไทย (ปชท.) มารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.) จนได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง นายสมัครมีโอกาสนั่งเก้าอี้นายกฯเป็นครั้งแรกในชีวิต แต่ภายหลังก็เกิดอาการขบเหลี่ยมกับอดีตนายกฯ ซึ่งมีสถานะเป็นนักโทษหนีคดี “ทักษิณ” เกิดความรู้สึกไม่พอใจ คิดว่าคุมไม่ได้ ออกมาวางเดินเกม จนทำให้นักการเมืองอาวุโส ต้องตัดสินใจยุติบทบาทการเมืองไปในที่สุด
ขณะที่ชื่อของบุคคล ที่ถูกระบุจะอยู่ในบัญชีแคนดิเดทนายกฯของพรรคพท. คงต้องเริ่มด้วย “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปชช.) ในช่วงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ถือว่า “พ.ต.อ.ทวี” มีบทบาทมาก ได้รับการผลักดันให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เมื่อปี 2554 ให้ช่วยขับเคลื่อนการแก้ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งขณะนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ยังดำรงตำแหน่งผบ.ทบ.
บุคคลที่เคยทำงานร่วมกับ “อดีตเลขาธิการศอบต.” มักพูดว่า พ.ต.อ.ทวีเป็นคนปากหวาน เอาใจเก่ง เลยมักเป็นที่โปรดปรานของผู้บังคับบัญชา ซึ่งก็คงหมายถึงนายกฯหญิงคนแรกของประเทศไทยด้วย จึงไม่ใช้เรื่องแปลก เมื่อมีข่าวสรรหาผู้นำพรรคพท.คนใหม่ หรือบุคคลที่จะก้าวเข้ามาดำรงตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาล ภายหลังการเลือกตั้ง ชื่อ “พ.ต.อ.ทวี” จึงติดโผ
ที่สำคัญ “ทักษิณ” จะให้น้ำหนักกับข้อเสนอ “นางสาวยิ่งลักษณ์” หรือที่ใครเรียกกันติดปากว่า “น้องปู” ซึ่งอาจเป็นเพราะตนเองมีส่วน ทำให้น้องสาวต้องตกอยู่ในฐานะนักโทษหนีคดี และหลายคนเชื่อว่า ถ้าเลขาธิการพรรคปชช. ได้รับการทาบทาม คงไม่ปฏิเสธ เนื่องจากมีลุ้นเก้าอี้นายกฯ
อีกทั้งการอุบัติขึ้นของ “พรรคปชช.” ซึ่งมี “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” เป็นคนก่อตั้ง ก็ถูกมองว่า เป็นแผนแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อยของ “ทักษิณ” หวังใช้พรรคการเมืองนี้ กวาดที่นั่งส.ส.จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อช่วยเพิ่มเสียง ส.ส. เพิ่มโอกาสให้ “พท.” ได้เป็นแกนนำรัฐบาล แต่เมื่อรูปแบบการเลือกตั้ง พรรคขนาดเล็กอยู่ลำบาก ทางแกนนำพรรคฝ่ายค้านจึงอาจต้องปรับยุทธศาสตร์ เพื่อหวังเข้ามายึดอำนาจรัฐคืน “ปชช.” อาจจำเป็นต้องยุบรวมกับ “พท.”
ส่วนบุคคลที่สอง ที่มีข่าวจะเข้ามา ลุ้นเก้าอี้นายกฯในนาม “พท.” คงจะเป็น “เศรษฐา ทวีสิน” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเคยมีข่าวที่สร้างความฮือฮาในสมัย “นางสาวยิ่งลักษณ์” เป็นนายกฯ หลังๆ ถ้าใครตามความเคลื่อนไหวนักธุรกิจนี้ จะออกมาให้ความเห็นผ่านสื่อ ทั้งเรื่องการเมือง และแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ยิ่งก่อนหน้านี้ “เศรษฐา” เดินสายให้สัมภาษณ์สื่ออย่างถี่ยิบ จนหลายคนวิเคราะห์กันไปต่างนานา เชื่อว่าน่าจะมีนัยยะบางอย่าง ยิ่งภาพการเป็นนักธุรกิจ ในทางการเมืองอาจขายได้ เพราะนับตั้งแต่โลกต้องเผชิญโควิด-19 การวางยุทธศาสตร์ในการเดินหน้าประเทศ ต้องปรับตัวตลอด ถ้านักธุรกิจรายนี้ตัดสินใจกระโดดเข้ามาทำงานการเมือง คงหนีไม่พ้นเข้ารวม กับเครือข่ายเดียว “ชินวัตร” ยิ่งมีสัมพันธ์ที่ดีกับ “นางสาวยิ่งลักษณ์” การทำงานการเมืองก็น่าจะราบรื่น ไม่มีข้อขัดแย้ง ไม่มีเรื่องแย่งซีน
ส่วนบุคคลสุดท้ายที่มีชื่ออยู่ในโผ ซึ่งถือว่ามีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ “ทักษิณ” มากที่สุด อันเนื่องมาจากสถานะความเป็นพ่อตาและลูกเขย “ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” สามีของ “เอม” พินทองทา ชินวัตร อาจเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคพท. ซึ่งถ้ายอมเข้ามาทำงานการเมืองจริง อดีตนายกฯคงไม่ต้องกลัว จะเล่นนอกสคริปต์ คิดคดหักหลังทีหลัง ด้วยสถานะเป็นคนครอบครัวเดียวกัน เพียงแต่ว่าต้องเผชิญแรงเสียดทานสูง ตกเป็นเป้าจับตามองจากฝ่ายตรงข้าม วันหนึ่งอาจพลาดพลั้งถูกโจมตี ถูกขุดคุ้ยจน สูญเสียความเป็นส่วนตัว อีกทั้งธุรกิจที่ดูแลอยู่ ในฐานะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ก็มีความมั่นคง
เชื่อว่า “เอม” ในฐานะภรรยา คงไม่ยอมให้สามีต้องมาเผชิญขอร้อน ยิ่งได้เห็นวิบากกรรมบิดาบังเกิดเกล้า น้าสาวสุดที่รัก เว้นแต่ “ณัฐพงศ์” อยากสัมผัสเส้นทางการเมือง หวังได้ตำแหน่งสำคัญในอนาคต ก็อาจตัดสินใจก้าวเข้ามาทำงานการเมือง เพื่อเกียรติประวัติตนเอง
แต่ไม่ว่าใครก็ตาม จะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพท. อยู่ในบัญชีนายกฯของแกนนำพรรคฝ่ายค้าน หลักการสำคัญที่สุด ต้องทำตาม “ทักษิณ” สั่ง ไม่แหกโผ ไม่เล่นบทนอกบท เพราะชะตากรรม”สมัคร สุนทรเวช “และนักการเมืองอีกหลายคน ก็เป็นบทพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี เมื่อ “ปั้นได้ ก็ฆ่าได้” จนกลายเป็นหลักการ “นายใหญ่” ยึดถือมาตลอด แม้วันที่ไร้อำนาจรัฐ
……………
คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก
โดย…“แมวสีขาว”