ช่วงเปิดตัวแรกๆ ใครก็ปรามาส “พรรคไทยภักดี” (ทภ.) ที่มี “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” เป็นหัวหน้าพรรค มองว่าเป็นเพียงไม้ประดับ ไม่มีราคา ไม่สามารถชี้นำทางการเมืองได้ แม้จะชูสโลแกน ปกป้องสถาบันและ ต่อต้านทุจริตคอรัปชั่น
แต่ยิ่งนานวันเข้า มีการเปิดตัวบุคคลที่เข้ามาร่วมงานกับพรรค หลายคนก็เริ่มหันมามอง พรรคการเมืองน้องใหม่ ด้วยความสนใจ และตั้งคำถามขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นใครอยู่เบื้องหลัง จะมีบุคคลที่มีชื่อเสียงจะเข้าร่วมงานกับ “ทภ.” อีก หลังต้นเดือนม.ค. 65 หัวหน้าพรรคการเมืองน้องใหม่ ก็เริ่มแพลมรายชื่อ “บิ๊กเนม” ให้สังคมได้รับรู้
“นพ.วรงค์” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เมื่อวันที่ 2 ม.ค.2565 พรรคทภ. ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 1/2565 เพื่อแก้ไขข้อบังคับการประชุม เลือกคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
โดยที่ประชุมใหญ่มีมติเลือก “พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช” อดีตผบช.น. และอดีตนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ และหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตของการบินไทย มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคทภ.
สำหรับโปรไฟล์ “พล.ต.ท.ชาญเทพ” ในแวดวงตำรวจเรียก “บิ๊กหยม” เป็นอดีตผบช.น. อดีตนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จบโรงเรียนนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 36 (นรต.36) เป็นนักกีฬารักบี้ เป็นเพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. ซึ่งทำงานทางการเมืองให้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
สมัย “นายถาวร เสนเนียม” ดำรงตำแหน่ง รมช.คมนาคม ยังดึง “บิ๊กหยม” ให้เข้ามางานช่วยตรวจสอบปัญหาการทุจริตในบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ก่อนหน้านั้น “พล.ต.ท.ชาญเทพ” ยังได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 13 ต.ค.2559
นพ.วรงค์ ระบุอีกว่า การประชุมใหญ่ครั้งนี้ จึงถือว่าพรรคทภ. ได้เปิดตัวเลขาธิการพรรคฯอย่างเป็นทางการ สำหรับตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ที่มีส่วนในการขับเคลื่อนพรรค จะประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการอย่างยิ่งใหญ่เร็วๆ นี้ พร้อมกับได้แนะนำให้ที่ประชุมรู้จัก ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 9 (หลักสี่-จตุจักร) คือ “นายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์” และผู้ที่จะทำหน้าที่ผอ.การเลือกตั้งซ๋อมครั้งนี้คือ “นายทินกร ปลอดภัย” ซึ่งเคยเป็นทีมงานของนายถาวร สมัยยังดำรงตำแหน่ง รมช.คมนาคม
ขณะที่ “พล.ต.ท.ชาญเทพ” ในฐานะเลขาธิการพรรคไทยภักดี กล่าวถึงการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 9 กทม.ว่า เราเป็นพรรคพรรคขนาดกลาง และจะลงสู้สนามเลือกตั้งใหญ่ โดยจะลองชิมลางในสนามการเลือกตั้งซ่อมส.ส.กทม.เขตหลักสี่-จตุจักร ก่อนว่า ผลตอบรับต่อพรรคทภ.จะออกอย่างไร ทั้งนี้ทีมงานของพรรคจะเริ่มลงพื้นที่ รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ในวันที่ 5 ม.ค.นี้ และ จะมีการเปิดตัวคณะใหญ่จริงๆ อีกครั้งในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค.นี้ เพราะจะมีผู้ใหญ่อีกจำนวนมากมาเข้าร่วมงานด้วย
หลายคนเลยรอดู ในวันเปิดตัวคณะใหญ่ จะมีบุคคลสำคัญมาสร้างเซอร์ไพรส์อีกหรือไม่ เพราะไล่ดูสายสัมพันธ์เลขาธิการพรรคทภ.กับ “พล.ต.อ.จักรทิพย์” ต้องถือว่าไม่ธรรมดา นอกจากนี้ “บิ๊กหยม” ยังเคยดำรงตำแหน่งนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ ขณะที่ “บิ๊กแป๊ะ” ในช่วงดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ก็ถือว่า มีศักยภาพ มากไปด้วยคอนเนคชั่น ดำรงตำแหน่งแม่ทัพสีกากีจนครบวาระ (5 ปี) ซึ่งยากที่จะมีใครทำได้
นอกจากนี้ยังมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ สมัยดำรงตำแหน่งเป็น ผบ.ทบ. อันเนื่องมาจากเรียนจบจากโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นเดียวกัน (ตท.20) ปัจจุบันได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็น เป็น รองเลขาพระราชวังระดับ 11
เคยมีข่าว “พล.ต.อ.จักรทิพย์” จะลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แบบไม่สังกัดพรรค โดย “พปชร.” จะให้การสนับสนุน แต่เกิดปัญหาไม่ลงตัวบางประการ จนถอยออกมาเป็นมือการเมืองให้ “บิ๊กป้อม” บางทีเราอาจได้เห็นชื่อ “บิ๊กแป๊ะ” ตัดสินใจร่วมงานทางการเมืองกับพรรคน้องใหม่
เช่นเดียวกับ “นายถาวร เสนเนียม” ซึ่งหลังจากศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 6 ต่อ 3 ให้พ้นสมาชิกภาพการเป็นส.ส. อันเนื่องมากจาก บุคคลทั้ง 5 ต้องคำพิพากษาให้จำคุก และ ถูกคุมขังอยู่ โดยหมายของศาล ในช่วงเคลื่อนไหวทางการเมืองในนาม “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” (กปปส.)
ได้ออกมายืนยันว่า จะทำหน้าที่เป็นนักการเมืองต่อไป ส่วนจะอยู่ในบทบาทใดขอตั้งหลักก่อน อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ทำให้ท้อใจ แต่กลับทำให้ฮึกเหิมมากกว่าเดิม และมีอิสระในการตัดสินใจว่า จะร่วมงานกับใคร
ดังนั้นเมื่อปรากฎชื่อ “นายทินกร ปลอดภัย” คนสนิทนายถาวร มาเป็น ผอ. การเลือกตั้งซ่อมเขต 9 กทม. หลายคนเลยอดคิดไม่ได้ว่า หรือนายถาวรจะตัดสินใจ มาร่วมงานการเมืองกับ “นพ.วรงค์” เนื่องจากเคยทำงานร่วมกัน ในสมัยเป็น สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ซึ่งทั้งคู่มีความโดดเด่นในเรื่องการตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่น นำข้อมูลมาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยเฉพาะในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคการเมืองที่มี “นายทักษิณ ชินวัตร” มีบทบาทชี้นำ
ถ้ายังจำได้ “หัวหน้าพรรคทภ.” อภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่อง ทุจริตโครงการรับนำข้าว จนนำมาสู่การตัดสินจำคุกนักการเมืองระดับ อดีตนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และ ข้าราชการระดับสูง จนกลายเป็นตำนานของการตรวจสอบ และทำให้ “คุณหมอวรงค์” ได้รับการยกย่องว่า เป็น นักการเมืองคุณภาพคนหนึ่ง แม้ว่าในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา จะสอบตกจากการลงสมัครส.ส. ในจังหวัดพิษณุโลกก็ตาม
เช่นเดียวกับ “นายถาวร” ก็เคยมีบทบาทตรวจสอบเรื่องที่ดินอัลไพน์ นำที่ธรณีสงฆ์มาแปลงเป็นสนามกอล์ฟ จนทำให้นักการเมือง “นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์” อดีตรมว.มหาดไทย และ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ต้องถูกจำคุก ซึ่งกลายเป็นเรื่องเล่าขานมาจนถึงวันนี้
แต่ที่แน่ “พรรคทภ.” ไม่มีทางร่วมงานการเมืองกับ “พรรคพท.” และ “พรรคก้าวไกล” (กก.) แน่นอน ถ้าย้อนไปดูจุดยืน “นพ.วรงค์” ซึ่งแถลงไว้ระหว่างการเปิดตัวพรรคทภ. เมื่อต้นเดือนม.ค. 64 บอกตอนหนึ่งว่า ตลอด 5 เดือนที่ตั้งกลุ่มไทยภักดีขึ้น ทางกลุ่มต้องต่อสู้เพื่อปกป้องสถาบันฯ อันเป็นที่รักของคนไทย และอยากมีเครือข่ายในการต่อสู้เพื่อสถาบันทั่วประเทศ ซึ่งตอนนี้ถึงเวลาต้องประกาศจัดตั้ง พรรคไทยภักดี เพื่อต่อสู้กับพรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า และม็อบสามนิ้ว บนพื้นฐานความเชื่อว่าสังคมไทยจะสงบสุขได้ต้องมี สถาบันพระมหากษัตริย์ กับ นักการเมืองที่มีคุณธรรม
แม้กระทั่งการส่งสมาชิกพรรคทภ. ลงสมัครเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่เมืองหลวง ก็มีเป้าหมายต้องการรนำเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งเชื่อมกับ แกนนำพรรคพท. และ เรื่องปกป้องสถาบัน มาตอกย้ำให้สังคมได้รับรู้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบถึงผลเลือกตั้ง โดยเรื่องความไม่โปร่งใสและพโกงกิน คนไทยส่วนใหญ่รับไม่ได้
แต่การทำการเมือง การส่งสมาชิกพรรคลงสมัครรับเลือกตั้ง ย่อมต้องเงินทุน มีผู้สนับสนุน จึงไม่ใช้เรื่องแปลก เมื่อจะมีคนเริ่มหันมามองด้วยความสนใจ อยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังพรรคการเมือง ให้การสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ ยิ่ง “โทนี่ วู้ดซัม” ประกาศกับคนใกล้ชิดว่า เลือกตั้งครั้งนี้ ต้องชนะให้ขาด เพราะพรรคพท.อยู่ในสภาพพรรคฝ่ายค้านมา 8 ปีเต็มแล้ว
หรือคำพูดดังกล่าว ช่วยเรียกแขก และกระตุ้นให้ศัตรู ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ออกมาช่วยต่อต้านแผนยึดครองประเทศของกลุ่มอำนาจเก่า แม้กระทั่งการเปิดไฟเขียวให้แก้บัตรเลือกตั้งเป็นสองใบ เป้าหมายเพื่อตัดตอน พรรคการเมืองที่หนุนแนวทาง “ปฏิรูปสถาบัน” ไม่ให้เติบโต จนควบคุมไม่ได้
บางทีก่อนการเลือกตั้ง อาจมีพรรคการเมืองน้องใหม่เกิดขึ้นมาอีก โดยเฉพาะได้แรงหนุนจาก “บุคคลสำคัญ” เรียกว่า ถ้ารู้ชื่อก็อาจจะทำให้นักการเมืองหลายคน หนาวจนถึงขั้วหัวใจ เพื่อปิดทางไม่ให้ใครได้ไปถึงฝัน
………………………….
คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก
โดย…“แมวสีขาว”