วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSดูถูกคนใต้-ไม่ชูผลงาน“นายกฯลุงตู่” พปชร.แพ้ยับ-“ธรรมนัส”สิ้นมนต์ขลัง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ดูถูกคนใต้-ไม่ชูผลงาน“นายกฯลุงตู่” พปชร.แพ้ยับ-“ธรรมนัส”สิ้นมนต์ขลัง

นอกเหนือความคาดหมายคอการเมืองพอสมควร ไม่มีใครคิดว่า “พลังประชารัฐ” (พปชร.) แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล จะพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งซ่อมแบบไม่มีลุ้น ทั้งจังหวัดสงขลาและชุมพรทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้คว้าชัยมาตลอด แม้จะเป็นพื้นที่ยึดครองของ “พรรคเพื่อไทย” (พท.) ก็ตาม 

ก่อนวันหย่อนบัตรลงคะแนน หลายคนเชื่อว่าอย่างน้อยในพื้นที่จังหวัดสงขลา พรรคแกนนำรัฐบาลน่าจะได้ที่นั่ง 1 เก้าอี้ หลังมีข่าว “ถาวร เสนเนียม” อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เทคะแนนให้ “อนุกูล พฤกษานุศักดิ์” จากพปชร. เนื่องจากตระกูลนี้ ให้การสนับสนุนนายถาวรมาอย่างต่อเนื่อง 

อีกทั้ง นักวิเคราะห์การเมือง ยังระบุอีกว่า ผู้สมัครจากพรรคพปชร. เป็นต่อคู่แข่งถึง 3 ต่อ 1 แต่การเมืองบ้านเราไม่มีอะไรแน่นอน ยิ่งในพื้นที่ภาคใต้ ใครก็ทราบ…“เงินและอำนาจรัฐ” ไม่ใช้ปัจจัยชี้ขาด

ลองย้อนไปดูผลคะแนนทั้ง 2 จังหวัด หลังปิดหับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 16 ม.ค 65 กันอีกครั้ง เริ่มที่จังหวัดสงขลาเขต ุ6 “น้องน้ำหอม-น.ส.สุภาพร กำเนิดผล” จากพรรคปชป. ซึ่งมีคะแนนมาอันดับ 1 ได้ 45,576 คะแนน ตามมาด้วย “อนุกูล พฤกษานุศักดิ์” จากพรรคพปชร.ได้ 40,531 คะแนน โดยมีคะนนทิ้งห่างกันประมาณ 5 พันคะแนน

เมื่อเปรียบเทียบกับผลการเลือกตั้งเมื่อปี 62 ซึ่งตรั้งนั้น “ถาวร เสนเนียม” สังกัดพรรคปชป. ได้เป็น ส.ส.ได้ 28,465 คะแนน ขณะที่ “สมปอง บริสุทธิ์” จากพปชร.ได้ 19,317 คะแนน ได้คะแนนมากกว่าเกือบหมื่นคะแนน

ส่วนการเลือกตั้งเขต 1 จังหวัดชุมพร “อิสรพงษ์ มากอำไพ” จากพรรคปชป.ได้ 49,014 คะแนน ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 1 ทิ้งห่างอันดับ 2 คือ หมายเลข 4 “ทนายแดง-ชวลิต อาจหาญ” จากพรรคแกนนำรัฐบาล ซึ่งทั้งก่อนหน้านั้น ก็มีข่าว “พปชร. จะไม่ส่งคนลงสมัคร เพราะมีข้อตกลงกับ “อดีต ส.ส.ลูกหมี-ชุมพล จุลใส” แกนนำคนสำคัญของ กปปส. ที่ถูกคดีชุมนุมทางการเมือง อันเนื่องมาจากเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังผลักดัน “พรบ.นิรโทษกรรม” ฉบับสุดซอย

โดยการเลือกตั้งครั้งหน้า “ชุมพล” จะนำเครือญาติ มาลงสมัครรับเลือกตั้ง ในสังกัดพปชร. แต่หลังปรากฏข่าวพรรคแกนนำรัฐบาล ไม่ส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง “ทนายแดง” ก็ประกาศขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพปชร. อีกทั้งบรรดาผู้สนับสนุน ก็ไปกดดัน “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. จนในที่สุดนำมาสู่การกลับ “มติพรรค” พปชร.ประกาศส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง และนำมาสู่ความพ่ายแพ้ในที่สุด

ซึ่งปัจจัยที่นำมาสู่ความพ่ายแพ้ สื่อส่วนใหญ่ นักวิเคราะห์การเมือง แม้กระทั่งพรรคคู่แข่งยังเห็นตรงกัน หนีไม่พ้น 2 ประเด็นหลักหลัก 1.คำปราศรัย ที่นำมาสู่กระแสถูกโจมตี ถูกตีความดูถูกคนใต้ 2.รูปแบบการหาเสียงที่ไม่ยอมชูผลงาน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่คนในพื้นที่ภาคใต้ ชื่นชอบในผลงาน และสนับสนุนหัวหน้ารัฐบาลมาโดยตลอด

เวทีปราศรัยจ.สงขลา/ พรรคพลังประชารัฐ

ในส่วนคำปราศรัย “ร.อ.ธรรมนัส  พรหมเผ่า” เลขาธิการพปชร. ในช่วงโค้งสุดท้าย ที่นำมาสู่ปัญหา และมีส่วนทำให้พรรคต้นสังกัดพ่ายแพ้ เกิดขึ้นที่วัดเทพชุมนุม บ้านพรุ ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 10 ม.ค. “…น้องโบ๊ต เขามีที่มาที่ไปที่มาสมัครในนาม พปชร. และเขาตั้งใจในฐานะของคนรุ่นใหม่ ไฟแรง บ้านมีตังค์ พี่น้อง เราเลือก ส.ส. เราเลือกตัวแทนของพวกเรา เราต้องเลือกคนที่มีความพร้อม ถูกต้องไหมพี่น้อง หนึ่ง ชาติตระกูลต้องดี นั่นคือศรีตรังใช่เปล่าก็ไม่รู้ สอง…ต้องมีตังค์ ไม่มีตังค์หรือ เวลาไปช่วยชาวบ้าน สวัสดีครับพี่น้องครับ โบ๊ตไม่มีตังค์ครับ แต่สวัสดีครับพี่น้อง อ๋อพี่น้องเดือดร้อนหรือครับ เดี๋ยวโบ๊ตเอาอันนี้ไปใช้ก่อน อย่างนี้ชอบไหม ๆ เอาไหม ๆ ข้างหลังไม่ช่วยกันทำมาหากินเลยเนี่ย…”

โดยในขณะที่เขาเลขาธิการพรรคพปชร. พูดถึงตังค์ เลขาธิการพรรคพปชร. ได้ใช้มือตบกระเป๋ากางเกงตัวเองด้วย

คำปราศรัยดังกล่าว นอกจากผู้สมัครส.ส.สงขลา เขต 6 พรรคก้าวไกล (กก.) จะยื่นคำร้องต่อ กกต.สงขลา เมื่อ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้ตรวจสอบเนื้อหาการปราศรัยของเลขาธิการพปชร.แล้ว ว่าจะเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้ อันเป็นการกระทำฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 (1) หรือไม่

ยังถูกแกนนำพรรคปชป. นำไปไปขยายผล ทำนองว่าดูถูกคนคนใต้ จากพื้นที่จังหวัดสงขลาไล่ไปถึงชุมพร เรียกว่าเป็นไวรัลแบบไฟลามทุ่ง เอาเป็นว่า ถ้าไปจังหวัดไหนหาเสียงด้วยประโยคดังกล่าว ก็น่าจะมีปัญหาเกือบทั้งนั้น

เวทีปราศรัยจ.สงขลา/ พรรคประชาธิปัตย์

ด้าน “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า ปชป. ไล่ขยี้คำพูดเลขาธิการพปชร. อ้างถึงคลิปปราศรัย ชี้ชวนให้เลือกคนรวย ในระหว่างที่ ปชป. เปิดปราศรัยในจังหวัดสงขลา โดยพูดเป็นภาษาใต้ว่า “การที่บอกว่าต้องเลือกคนรวย แปลว่า คนจนก็ไม่มีความหมาย ต่อไประบอบประชาธิปไตย ทำไมต้องมาแข่งขันความดี ไม่ต้องเอาศักยภาพ ไม่ต้องเอาความรู้ความสามารถมาแข่งกันแล้ว เอาเบี้ยในธนาคารมาเปิดแข่งกันว่าใครรวย คนนั้นก็ได้เป็นผู้แทนฯ

ระบอบประชาธิปไตยไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ เราไม่ได้เลือกกันที่เงิน ไม่ได้มาแหลง (พูด) กันว่าใครรวยกว่าใครแล้วควรเลือกคนนั้น ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องเลือกตั้ง ประชาชนก็ไม่มีความหมาย เอาเก้าอี้มาตั้งแล้วก็ประมูลกัน ใครหาเบี้ยมาได้ คนนั้นเป็นผู้แทนฯ

เช่นเดียวกับ “นิพนธ์ บุญญามณี” รมช.มหาดไทย-รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ปราศรัยบนเวทีใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์นัดสุดท้ายที่สงขลา เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 14 ม.ค. ตอนหนึ่งว่า…“ไม่เคยเห็นการเลือกตั้งซ่อมครั้งไหน จะต่อสู้กันดุเดือดถึงขนาดนี้ ครั้งนี้เป็น การสู้กันเพื่อศักดิ์ศรีของคนสงขลา ซึ่งหากใช้ตรรกะเหมือนไอ้บ้านั้น ที่บอกให้เลือกคนรวย ถ้าตรรกะแบบนั้นที่ให้เลือกคนรวย นายชวน หลีกภัย ลูกแม่ค้า ไม่มีทางได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะนายชวนเสียอย่างเดียว ไม่ได้ค้าแป้ง แต่ประชาชนก็เลือกนายชวนมาเป็นนายกรัฐมนตรีสองสมัย อยากบอกว่าอย่ามาทำให้ประชาธิปไตยต้องวิบัติ ที่มาบอกให้เลือกคนรวย พวกเราชาวสงขลายอมไม่ได้ ให้มันรู้กัน พวกมันคนรวยกับพวกเราที่ไม่รวย ให้มันรู้กันสักที

จริงๆ ก่อนหน้านั้น ก็มีข่าว “นิพนธ์” ไม่ค่อยปลื้ม “เดชอิศม์ ขาวทอง” รองหัวหน้าพรรคปชป.ภาคใต้ หลังประกาศจะดูแลพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด เพราะเปรียบเสมือนหักหน้าตนเอง แต่ในเมื่อมีศึกนอกเกิดขึ้น ก็ต้องเก็บความไม่พอใจไว้ข้างห้า ร่วมต้านข้าศึกก่อน

อีกประเด็นหนึ่งที่ถือเป็นความผิดพลาด ของพรรคแกนนำรัฐบาล แม้ ผอ.เลือกตั้งที่สงขลาจะอยู่ในความรับผิดชอบของ “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน และที่ชุมพรคือ “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง แต่คนที่เป็นเสียงจริงตัวจริงคือ “ร.อ.ธรรมนัส” ทั้งโปสเตอร์และป้ายของผู้สมัครสองพื้นที่ใช้หาเสียง จะไม่มีภาพ “พล.อ.ประยุทธ์” มีแต่ภาพ “ผู้สมัคร-พล.อ.ประวิตร-เลขาธิกาพปชร.”

“ร.อ.ธรรมนัส” อาจจะลืมไป ในพื้นที่ภาคใต้กระแสความนิยม หัวน้ารัฐบาลยังสูงมาก พรรคปชป.ถึงพยายามหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ได้เลือกรัฐบาล ไม่เกี่ยวข้องกับ การเลือกนายกฯ แต่เป็นการคืนความเป็นธรรมให้ “อดีตส.ส.ลูกหมี” ซึ่งไปเคลื่อนไหวในนาม “กปปส.” เพื่อต่อต้านกระบวนการฟอกผิดให้เป็นถูก และมีส่วนทำให้เป็นส่วนสำคัญ ทำให้ “3 ป.” มีอำนาจทางการเมืองมาจนถึงวันนี้ รวมทั้งสส.พรรคปชป.ยังหยิบประเด็นการเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่ม ออกมาโจมตีแกนนำพปชร.ว่า “ต้องการล้มนายกฯลุงตู่”

ขณะที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) อดีตเลขาธิการ กปปส. จะปล่อยคลิปผ่านเฟซบุ๊กเมื่อ 13 ม.ค. ส่งเสียงเชียร์ทีมเพื่อนร่วมอุดมการณ์เก่า โดยระบุว่า ได้ติดตามสถานการณ์เลือกตั้งซ่อมทั้ง 2 จังหวัด ซึ่งเป็นการต่อสู้ระหว่าง “พปชร.” และ “ปชป.” เช่นเดียวกัน

สถานการณ์เลือกตั้งที่ จ.ชุมพร สำหรับลูกหมี ค่อนข้างหนักหนาสาหัส เพราะปรากฏตามข่าวว่า “หัวหน้า พปชร.” และ “เลขาธิการ พปชร.” ลงไปลุยเอง ระดมกำลังกันอย่างเต็มที่ และประกาศครึกโครมว่าแพ้ไม่ได้

“ผมไม่ทราบว่าที่เขาประกาศว่า แพ้ไม่ได้ เขาจะใช้วิธีการอย่างไรกันบ้าง ผมก็ได้แต่ส่งเสียเชียร์ว่า ‘ลูกหมีสู้ ๆ ๆ ๆ’ เหมือนกับพี่น้องประชาชนผู้ร่วมอุดมการณ์ทั้งหลาย ผมก็คิดว่าพี่น้องในเขต 1 ที่รักและสงสารลูกหมีก็คงต้องออกแรงมากเป็นพิเศษล่ะครับ” ชายที่ถูกเรียกว่า “ลุงกำนัน” กล่าว

ส่วนสถานการณ์ที่ จ.สงขลา “สุเทพ” ออกตัวว่า ไม่รู้ว่านายถาวรตั้งใจสนับสนุนใคร แต่เชื่อว่าพี่น้องประชาชนในพื้นที่คงเข้าใจได้ รู้กันในทีว่า นายถาวรตั้งใจสนับสนุนใครเป็น ส.ส.

ซึ่งหลายคนเชื่อว่า เป็นการส่งสัญญาณครั้งสำคัญ ที่ต้องการช่วยเครือญาติของอดีตส.ส.ลูกหมี ให้ได้รับเลือกตั้ง เพราะ “สุเทพ” ยังได้รับจากชาวบ้านในพื้นที่ภาคใต้ อีกทั้งในระหว่างการเคลื่อนไหวของ กปปส. ชาวชุมพรเดินทางไปชุมนุมในกรุงเทพฯมากที่สุด

บางทีความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้น อาจเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของ “ผู้กองคนดัง” รวมทั้งแกนนำพปชร.บางคนอาจรู้สึก “สะใจอยู่ลึกๆ” เพราะไม่ต้องการให้ “ร.อ.ธรรมนัส” ใหญ่คับพรรค มองไม่เห็นหัวใคร

อีกทั้ง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ก็คงพอใจ เพราะเรทติ้งยังขายได้ และใช้ต่อรองกับพรรคแกนนำรัฐบาล  ในวันที่ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ

……………………………………..

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย..“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img