วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS“บิ๊กต่อ”มีลุ้นชิง“ผบ.ตร.” คุณสมบัติครบ-ติดยศ“พล.ต.อ.”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“บิ๊กต่อ”มีลุ้นชิง“ผบ.ตร.” คุณสมบัติครบ-ติดยศ“พล.ต.อ.”

การเมืองกำลังเข้มข้น เรื่องของแวดวงสีกากี ก็อยู่ในความสนใจ เพราะใครก็รู้บทบาท สำนักงานตำรวจแห่ง (ตร.)  มีความสำคัญ ทั้งเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน และมีส่วนสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจฝ่ายบริหาร

ที่ผ่านมาหลายครั้งหลายหน ไม่ว่า ใครมีอำนาจทางการเมือง มักมีข่าวไปแทรกแซงองค์กรสีกากี เนื่องจากมีภารกิจทั้ง บังคับใช้กฎหมายให้เกิดความเท่าเทียมกันในสังคม และดูแลความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง ยิ่งในวันที่ 30 กันยายน 2565  ได้เวลา “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข จะเกษียณอายุราชการในฐานะ “ผบ.ตร.”  หลายคนเลยจับตามอง การเคลื่อนไหว ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในตร.

แม้กระทั่งแรงกระเพื่อม ที่เกิดขึ้นกับ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลัง “ผู้กองคนดัง” ร.อ.ธรรมนัส  พรหมเผ่า อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะนำ 21 ส.ส. ย้ายไปสังกัด “พรรคเศรษฐกิจไทย” นักวิเคราะห์การเมืองก็ยังเชื่อว่า จะไม่ส่งผลกระทบให้รัฐบาลให้มีอันเป็นไป ด้วยระยะเวลาอันใกล้

เนื่องจาก “นายกฯลุงตู่” ก็ต้องหวังสร้างความได้เปรียบทางการเมือง แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ และจัดวางบุคคลที่ไว้วางใจในตำแหน่งสำคัญให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการแต่งตั้ง “แม่ทัพสีกากีคนที่ 13”

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าว “บิ๊กต้อย” พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.ฝ่ายกิจการพิเศษ (กศ) ถูกศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา ให้เพิกถอนคำสั่งศาลปกครองกลางกรณี “บิ๊กต้อย” ที่ถูกสั่งสำรองราชการโดย “พล.อ.ประยุทธ์” ในฐานะ ประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) และ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ในขณะนั้น

ส่วนสาเหตุที่มา เกิดจากมีการปล่อยคลิปเสียงบทสนทนา ระหว่าง “บิ๊กแป๊ะ” กับ “บิ๊กต้อย” จนเป็นเรื่องเป็นราว  กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา นำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัย และมีคำสั่งให้ออกจากราชการ ต่อจากนั้นก็การเรื่องไปร้องตามกระบวนการยุติธรรม ไปสู่ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งคุ้มครองจนทำให้ “บิ๊กต้อย” กลับมารับราชการอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อ คำสั่งศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งแตกต่างจากศาลปกครองกลาง นั่นหมายความว่า  “บิ๊กต้อย” ต้องยอมรับสภาพ จะถือเป็นการสิ้นสุดชีวิตทางราชการตำรวจ หรือยังมีช่องทางในการทำงานต่อไป ในฐานะผู้บริหารของตร.

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของตร.นั้น มีรายงานข่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มอบอำนาจให้ข้าราชการตำรวจสังกัด สำนักงานกฎหมายและคดี (กมค.) เป็นตัวแทนไปฟังคำสั่งศาลปกครองสูงสุด และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับมอบอำนาจไปฟังคำสั่งดังกล่าว ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น รวมถึง “ผบ.ตร.” ทราบตามที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งแล้ว

ทั้งนี้กรณีดังกล่าวนี้ ทำให้ “พล.ต.อ.วิระชัย” ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง “รอง ผบ.ตร.(กศ.)” กลับไปมีสถานะเดิมอัตราสำรองราชการ ซึ่งก่อนหน้านี้ ผบ.ตร.ได้เคยมอบหมายให้ไปปฏิบัติหน้าที่ตาม หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (หน.ศปก.ตร.) มอบหมายเช่นเดิม แต่ด้วยคำสั่งเดิมได้หมดอายุลง จึงต้องรอคำสั่ง ผบ.ตร.ใหม่อีกครั้ง เพื่อให้ไปปฏิบัติหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งที่เห็นควรต่อไป

ในส่วนส่วนตำแหน่งรองผบ.ตร.(กศ.) ซึ่งเป็นตำแหน่งเฉพาะตัวนั้น ต้องว่างลง ผบ.ตร.อาจจะต้องมีคำสั่งมอบหมายหน้าที่ให้ รอง ผบ.ตร.ท่านอื่นไปปฏิบัติพลางก่อนอีกหน้าที่หนึ่ง หรืออาจจะรอให้เจ้าหน้าที่ฝ่าย กมค.พิจารณาในข้อกฎหมายเพื่อเสนอต่อ ตร.ให้พิจารณาดำเนินการต่อไป

นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา “พล.ต.อ.สุวัฒน์” ได้เข้าหารือกับ “พล.อ.ประยุทธ์” ถึงประเด็นสถานะของ “พล.ต.อ.วิระชัย” ว่าจะสำรองราชการ หรือพ้นราชการ หรือไม่อย่างไร

ดังนั้นจึงมีคำถาม หัวหน้ารัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร กับตำแหน่ง รองผบ.ตร.(กศ ) จะโยกรองผบ.ตร.คนใด มาทำหน้าที่แทน หรือแต่งตั้งนายตำรวจระดับ “พล.ต.ท.” ให้เข้ามารับตำแหน่ง หรือปล่อยให้ว่างไป เนื่องจากเป็นตำแหน่งเฉพาะตัว

และเมื่อตำแหน่งรองผบ.ตร.(กศ.) ว่างลง ก็เริ่มมีการพูดถึงชื่อ “บิ๊กต่อ” พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่มีข่าวเป็นระยะๆ ว่า อาจมีลุ้นติดยศ “พล.ต.อ.” เพื่อก้าวเข้าไปชิงเก้าอี้ “แม่ทัพสีกากี” ในช่วงเดือนส.ค. ที่จะมีการจัดทำโผโยกย้าย ระดับผู้บัญชาการ (ผบช.) เพราะถ้า “บิ๊กต่อ” ได้ติดยศ “พล.ต.อ.” นั่นหมายความว่า ก็จะมีคุณสมบัติ  พร้อมชิงเก้าอี้ “ผู้นำองค์กรสีกากี” ทันที

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่จะมีปมปัญหาเกิดขึ้นกับ “บิ๊กต้อย” ก็เคยมีข่าวว่า ช่วงเดือนเม.ย.นี้ “พล.ต.อ.สุทิน พ่วงทรัพย์” รองผบ.ตร. อาจได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญ และต้องพ้นการทำหน้าที่ใน ตร. และเป็นช่องทางให้ “พล.ต.ท.ต่อศักดิ์” มีลุ้นเข้ามาทำหน้าที่แทนตำแหน่ง “พล.ต.อ.สุทิน” ที่ว่างลงและมีคุณสมบัติ พร้อมที่จะรับตำแหน่ง “ผบ.ตร.”

สำหรับประวัติการรับราชการ “บิ๊กต่อ” เริ่มต้นติดยศ “ร.ต.ต.” เป็นรองสารวัตรกองบังคับการสายตรวจและหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (191) ก่อนโยกมาเป็น “รอง สว.ผ.กก.2 ป.” เป็น “สว.ท่องเที่ยว บางกอกน้อย” เป็น “สว.หน่วยปฏิบัติการพิเศษกองปราบปราม” เป็น “รอง ผกก.หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองปราบปราม” ได้เป็น “ผกก.หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองปราบปราม” เป็น “รอง ผบก.ป.” เป็น “ผบก.ปฏิบัติการพิเศษกองปราบปราม” เป็น “รอง ผบช.ก.”  และได้รับการแต่งตั้งเป็น “ผบช.ก.” 

ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง “ผู้ช่วย ผบ.ตร.” และมีข่าวว่าจะมีลุ้น “รองผบ.ตร.” ช่วงเดือน เม.ย.นี้ แต่เนื่องจากเกิดกรณีของ “บิ๊กต้อย” จึงมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะใช้จังหวะนี้ นี้ก้าวขึ้นเป็น “รอง ผบ.ตร.” เพื่อเข้าไปลุ้น เก้าอี้ “แม่ทัพสีกากีคนที่ 13”  ซึ่ง “พล.ต.ท.ต่อศักดิ์” จะเกษียณอายุราชการในปี 2567 ซึ่งหมายความ ถ้า “บิ๊กต่อ” ได้รับโอกาสให้ทำหน้าที่ดูแลองค์กรสีกากีในปี 2565  ก็จะมีเวลาทำหน้าที่สำคัญ 2 ปี

แต่ถ้าเกิดปรากฏการณ์เช่นนั้นจริง ก็หมายความว่า แคนดิเดทที่มีโอกาสลุ้นตำแหน่งตำแหน่ง “ผบ.ตร.” ทั้ง “พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์” รอง ผบ.ตร. ซึ่งมีอาวุโสสูงสุด “พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ” จเรตำรวจแห่งชาติ และ “พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์” รองผบ.ตร. ก็จะหมดลุ้นทันที

ถึงต้องบอกว่า นับจากวันนี้ ความเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตร. ต้องถูกจับตามองแบบๆไม่กระพริบ ยิ่งเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญกับฝ่ายบริหาร และเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของประชาชน

แต่เหนืออื่นใด เก้าอี้ผบ.ตร. นอกจากอำนาจฝ่ายบริหารจะชี้ขาด อาจมีตัวแปรสำคัญมาช่วยหนุนนำ เหมือนดั่งสำนวน “คนคำนวณ มิสู่ฟ้าลิขิต” ที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธได้

……………………..

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย…“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img