แม้ยังไม่มีสัญญาณยุบสภาฯในระยะอันใกล้ มีเพียงแต่การคาดเดาของคนบางกลุ่ม แต่ก็มีการเคลื่อนไหวเปิดตัวของ พรรคการเมืองน้องใหม่ อย่างต่อเนื่อง เป้าหมายเพื่อหวังเป็นทางเลือกประชาชน มีโอกาสเข้ามาใช้อำนาจรัฐ เพื่อผลักดันนโยบายต่างๆ
ส่วนที่สร้างความฮือฮาไปไม่กี่วันที่ผ่านมา คงหนีไม่พ้น “รวมไทยสร้างชาติ” ซึ่งประกาศชัด ขอเป็นฐานการเมืองสนับสนุน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี หวังให้หวนคืนตึกไทยคู้ฟ้าอีกครั้ง
ต้อยอมรับการเมืองบ้านเราในช่วงที่ผ่านมา มีความเข้มข้นและร้อนแรงมากกว่าอดีตที่ผ่านมา หลังจากการอุบัติขึ้นของ “พรรคอนาคตใหม่” (อนค.) ก่อนจะแปรสภาพมาเป็น “ก้าวไกล” (กก.) เมื่อพรรคต้นสังกัดต้องถูกยุบไป
ซึ่งพรรคการเมืองนี้ใครติดตามบทบาท การทำกิจกรรมต่างๆ ก็มักสื่อสารให้สังคมเห็นอย่างชัดเจนว่า สนับสนุนแนวทาง การปฏิรูปสถาบัน ตามข้อร้องของ “ม็อบราษฎร” ซึ่งใช้สัญลักษณ์ชูสามนิ้วในการแสดงออก และนักเคลื่อนไหวหลายคนในกลุ่มนี้ ก็เป็นสมาชิกพรรค กก. รวมอยู่ด้วย
การเคลื่อนไหวหลายครั้งหลาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับทำกิจกรรมของม็อบสามนิ้ว ก่อให้เกิด ผลกระทบกับภาพลักษณ์สถาบัน อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดงานที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค.63 ครั้งนั้นมีข้อเสนอให้ปฏิรูปสถาบัน 10 ข้อ จนกลายเป็นเงื่อนไข ทำให้แกนนำราษฎรบางคน ถูกศาลรัฐธรรมนูญ (รธน.) วินิจฉัยว่า มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แม้กระทั่งนายทหารระดับสูงในกองทัพบางคน ยังแชร์ข้อความปฏิรูปสถาบันเท่ากับล้มล้าง
นอกจากนี้เวลามีการอภิปรายใน ญัตติที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ส.ส.พรรค กก. มักจะนำเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันมาอภิปราย รวมทั้งแกนนำกลุ่มก้าวหน้า ซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกับพรรค กก. ก็จะวิจารณ์เบื้องสูงเป็นระยะๆ เรียกร้องให้มีการ ยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งมีไว้ปกป้องและคุ้มครองสถาบัน
ดังนั้นจากจุดยืนกลุ่มราษฎร และท่าทีบางพรรคการเมืองที่มีต่อสถาบัน ช่วยปลุกให้บุคคลชั้นสูง นักการเมือง นักวิชาการ หลายภาคส่วนในสังคม ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน กลุ่มที่มีแนวทางเคลื่อนไหวขัดแย้งกับจารีตประเพณีของสังคมไทย อย่างเข้มข้น ทั้งการแสดง ความคิดเห็นต่อสาธารณะ การใช้กฎหมายเข้าตรวจสอบ แม้กระทั้งการตั้งพรรคการเมือง เพื่อพิทักษ์ปกป้องสถาบัน
ที่ชัดเจนมากสุด คงหนีไม่พ้น “พรรคไทยภักดี” (ทภด.) ที่มี “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” อดีตแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ซึ่งมีบทบาทโดดเด่น จากการตรวจสอบการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคน้องใหม่ มี “บิ๊กหยม” พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช อดีต ผบช.น. เข้ามารับตำแหน่งเลขาธิการพรรค ในช่วงต้นเดือนม.ค.64
หัวหน้พรรค ทภด. ได้แถลงถึงแนวทาง ในการขับเคลื่อนพรรคเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย ระบุว่า กลุ่มไทยภักดีต้องต่อสู้ เพื่อปกป้องสถาบันฯ อันเป็นที่รักของคนไทย โดยมีเครือข่ายในการต่อสู้เพื่อสถาบันทั่วประเทศ แต่ขณะนี้ถึงเวลาแล้วต้องประกาศจัดตั้งพรรคไทยภักดี เพื่อต่อสู้กับพรรคก้าวไกล-คณะก้าวหน้า-ม็อบสามนิ้ว บนพื้นฐานความเชื่อว่า สังคมไทยจะสงบสุขได้ ต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์ กับนักการเมืองที่มีคุณธรรม ทั้งนี้ พรรคไทยภักดี ไม่มีกลุ่มทุน นายทุน และเจ้าของพรรค โดยทุกอย่างอยู่ที่ประชาชนจะให้โอกาสในการทำหน้าที่
“พรรคไทยภักดีเป็นของคนทุกกลุ่ม เมื่อก่อตั้งแล้วต้องมีการเลือกตั้ง จะส่งลงทุกเขต เพราะหัวใจของผมเป็นนักการเมือง หลังจากนี้จะดำเนินการตามรูปแบบพรรคการเมืองที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนด และประกาศเชิญชวนผู้ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน”
นอกจากนี้จากการทำกิจกรรมแต่ละครั้ง แม้กระทั่ง การเลือกตั้งซ่อมที่เขต 9 (หลักสี่-จตุจักร) ซึ่งพรรคทภด. ส่งผู้สมัครลงชิงชัยในครั้งนี้ แม้จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่ช่วงหาเสียงจะพบว่า บรรดาคนที่เคลื่อนต่อต้านพวกทำลายสถาบัน จะออกมาให้กำลังใจอย่างหนาแน่น ไม่ว่าจะเป็น “นพ.เหรียญทอง แน่นหนา” ผู้ก่อตั้งองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน “ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์” อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA)
แม้กระทั่งพรรคน้องใหม่ “รวมไทยสร้างชาติ” ที่กำลังตกอยู่ในกระแสข่าว ก็ประกาศจุดยืนปกป้องสถาบันเช่นเดียวกัน ซึ่งคงมีเป้าหมายประกาศให้สังคมรู้ เพื่อให้เกิดความชัดเจน จะได้ไม่มีการคาดเดา ถูกบิดเบือนจากคนบางกลุ่ม มีเป้าหมายแอบแฝง เพราะการเมืองต่อจากนี้ต้องมีความชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น มี “แกนนำพรรคการเมือง” ที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน เดินทางเข้าพบ บุคคลที่มีบทบาทในสังคม โดยยืนยันว่า จะขอเป็นทัพหน้าในการขุดรากถอนโคน “ระบอบทักษิณ” เหมือนต้องการสื่อความหมายไปถึง “บุคคลชั้นสูง” แต่ก็ยังไม่มีกระแสตอบรับว่า จะให้การสนับสนุนหรือไม่
เนื่องจากมีการตั้งคำถามถึงบางพรรคการเมือง ที่แสดงตัวตน ต้องการปกป้องสถาบัน จากบุคคลชั้นสูง ด้วยประโยค “เราจะเชื่อเขาได้หรือ” เพราะนักการเมืองคนนี้ ที่ผ่านมาได้รับความไว้วางจาก “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ในระดับต้นๆ ในช่วงมีอำนาจทางการเมือง หรือสิ่งที่สื่อสารออกมา จะเป็นแค่ ลับลวงพราง จะได้ไม่ต้องตกเป็นเป้าถูกจับตามอง
แต่ที่แน่อีกๆ ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่เกิดเดือนพ.ค. จะมีกลุ่มบุคคลที่เป็นที่รู้จักของสังคม ออกมาเคลื่อนไหวประกาศจัดตั้งพรรคการเมืองชื่อ “แทนคุณแผ่นดินไทย” โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อปกป้องสถาบัน ไม่ให้ถูกคุกคามจากคนบางกลุ่ม รวมทั้ง รักษาผลประโยชน์ของชาติ ทั้งเรื่องพลังงาน ความห่วงใยในเรื่องสัมปทานดาวเทียม
คงต้องบอกว่าถ้าเปิดเผยชื่อ จะส่งผลทำให้สังคม จับต้องมองด้วยความสนใจ และถือเป็นการส่งสัญญาณที่หลายคนต้องไปตีความกันมากทีเดียว ในขณะที่ก่อนหน้านี้นักการเมืองบางพรรค พยายามแยกว่า การเลิกตั้งที่จะเกิดขึ้นถือเป็นการต่อสู้ ระหว่าง “ฝ่ายประชาธิปไตย” กับ “พวกเผด็จการ”
แต่อาจมีใครจุดประเด็นอ่อนไหวเพิ่มขึ้นมา ถึงการต่อสู้ในทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นการเดิมพันครั้งสำคัญ โดยมี “กองหนุน” ที่ใครได้รับรู้ ต้องยอมให้จริงๆ
……………………………
คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก
โดย..“แมวสีขาว”
