หลายคนไม่แปลกใจ เมื่อได้ยิน “ศุภชัย โพธิ์สุ” รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 และ แกนนำพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ออกมาให้ความเห็น ระหว่างร่วมเปิดเวทีเสวนา เรื่องการขับเคลื่อนต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชา ในประเทศไทย ที่จ.นครพนม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
วันนี้ใครตามการเมือง ก็มองออกว่า พรรคการเมืองที่มี “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เป็นหัวหน้าพรรค มีอำนาจต่อรองสูงล้นใน รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้หัวหน้าพรรคภท. จะไม่เคยแสดงออกด้วยท่าทีก้าวร้าว แต่หลายแต่หลายครั้ง ผู้มีอำนาจในในรัฐบาล ก็แสดงออกด้วยความเกรงใจ
“หากรัฐบาลชุดนี้ไม่เห็นชอบกับกฎหมายปลูกกัญชา เพื่อการแพทย์ หรือไม่มีการพิจารณา พ.ร.บ.กัญชงกัญชา ทำให้การขับเคลื่อนไม่เดินหน้า ขอประกาศจุดยืนว่าพรรคภท.รวมถึงผม จะขอถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลทันที เพราะถือว่าไม่เห็นประโยชน์ของประชาชน” นายศุภชัยกล่าวในเวทีสัมมนา ที่พื้นที่อีสานตอนบน
จริงๆ ใครก็รับรู้ การผลักดันให้ “กัญชา” เป็นสิ่งถูกกฎหมาย ถือเป็นนโยบายสำคัญของพรรคภท. เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “เสี่ยหนู” ก็เพิ่งประกาศให้สาธารณชนรับรู้กันแล้วว่า ทุกนโยบายที่พรรค นำไปใช้หาเสียงไว้ ทำสำเร็จได้หมดแล้ว ซึ่งในทางการเมืองถือว่า มีความสำคัญมาก เท่ากับตัวแทนประชาชนทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน นำไปใช้ประโยชน์ทางการเมืองได้
แม้ต่อมา “อนุทิน” จะให้สัมภาษณ์สื่อ หลังถูกนักข่าวตั้งคำถามว่า กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกมาปรามพรรคร่วมรัฐบาล ว่าขอให้เบาๆ เรื่องการเมืองกันหน่อย โดยเฉพาะความเห็นของ “ศุภชัย” ที่ออกมาระบุเรื่องถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
“นายศุภชัยพูดในพื้นที่ ผมและนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ ได้โทรศัพท์ไปบอกแล้ว และผมเห็นว่านายศุภชัยพูดในฐานะส.ส. แต่ถ้าถามหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เรื่องนี้เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรค สมาชิกคนอื่นไม่ต้องมาพูด ฟังหัวหน้าพรรคคนเดียว ว่าจะมีท่าทีอย่างไรในการร่วมรัฐบาล” หัวหน้าพรรคภท.บอกกับสื่อ
ถึงเรื่องนี้จะจบ แบบไม่มีอะไรในก่อไผ่ แต่ก็ต้องจับตามองแบบไม่กระพริบตา ช่วงที่นำเสนอผลักดันให้ “กัญชา” เป็นพืชถูกกฎหมาย เข้าสู่กระบวนการรัฐสภา จะมีปัญหาอะไรหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ กระทรวงยุติธรรม ภายใต้การดูแลโดย “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รัฐมนตรีว่าการฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำพรรคพปชร.ทำเหมือน ต้องการเตะตัดขา ปมนโยบาบที่เกี่ยวข้องกับพืช ที่เคยถูกกำหนดให้เป็นยาเสพติดตลอด เพราะเรื่องพืชที่เคยกำหนดให้เป็นสารต้องห้าม หากใครสามารถผลักดัน ให้เป็นสิ่งถูกกฎหมายได้ ก็น่าจะได้คะแนนเสียงเป็นกอบเป็นกำ มีผลต่อพรรคการเมืองนั้นในอนาคต
จะว่าไป “พรรคภท.” ถือว่ามีความสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ตั้งแต่แรก นอกจากจะเป็นพรรคที่มีจำนวนส.ส. เสียงเป็นลำดับสอง ได้ดูแลกระทรวงเกรดเอ ทั้ง คมนาคม-สาธารณสุข-ท่องเที่ยวและการกีฬา ในช่วงภายหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 62 ก่อนจะมีการจัดตั้งรัฐบาล เคยมีข่าว “คนแดนไกล” ยื่นเงื่อนไขให้หัวหน้าพรรคภท. หากยอมร่วมรัฐบาลกับ “พรรคเพื่อไทย” (พท.) จะให้เปิดทางให้ “อนุทิน” นั่งเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรี” ส่วนพท.ขอเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่หัวหน้าพรรคภท.ไม่รับข้อเสนอ
ด้วยเห็นว่า “พลังประชารัฐ” (พปชร.) รวบรวมส.ส. ได้เกิน 250 เสียงแล้ว อีกทั้งยังมีเสียงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 เสียง คอยให้การสนับสนุน และมียังมีเงื่อนไขสำคัญบางประการ ส่งผลให้ “ภท.” มีสถานะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล อยู่จนถึงวันนี้ อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญ ช่วยคลี่คลายวิกฤติให้รัฐบาลหลายครั้ง แม้จะมีข้อขัดแย้งในบางประเด็นกับ กระทรวงมหาดไทย ภายใต้การกำกับดูแลของ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในฐานะรัฐมนตรีว่าการฯ เช่นกรณีนการแปลงสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว
เคยมีข่าวเมื่อวันที่ 11 ก.พ. มีการหารือนนอกรอบที่ทำเนียบรัฐบาล ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์, พล.อ.อนุพงษ์, อนุทิน, ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม, ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และแกนนำพปชร. และ สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการพรรคพปชร. ภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาการทำงานของสภาผู้แทนราษฎรนั้น
ช่วงหนึ่ง “พล.อ.ประยุทธ์” เปรยว่า สถานการณ์ที่เป็นอยู่ นายกฯมีทางเลือกไม่มาก โดยนายอนุทิน กล่าวสวนขึ้นมาว่า ท่านนายกฯมีทางเลือกเดียว คือ อยู่ครบเทอม และไม่ต้องห่วงจำนวน ส.ส.ในสภา หากมีการซักฟอก ฝ่ายค้านจะรวมเสียงได้ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง และเสียงสนับสนุนนายกฯมั่นใจว่าจะสามารถหาได้ไม่น้อยกว่า 260 เสียง อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่า “อนุทิน” ได้นำกระดาษที่มีการจดจำนวน ส.ส.ของฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ที่พกติดตัวออกมาแสดงให้นายกฯดูด้วยว่า จำนวน 260 เสียง มาจากส่วนใดบ้าง โดยไม่ได้นับรวมกับเสียงของ พรรคเศรษฐกิจไทย (ศกท.) ที่เพิ่งแยกตัวออกไปจากพรรคพปชร. ทั้งนี้ การบริหารเสียงในสภาของพรรคภท. เคยมีผลงานให้เห็นแล้วในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อเดือนก.ย.64 ที่ผ่านมา ที่สามารถหาเสียงสนับสนุนให้กับ “อนุทิน” และ “ศักดิ์สยาม” มากที่สุดจำนวนถึง 269 เสียงมาแล้ว
คำยืนยัน 260 เสียงของหัวหน้าพรรคภท. เกิดขึ้นหลังจาก “เอกราช ช่างเหลา” ส.ส.บัญชีรายชื่อ “วัฒนา ช่างเหลา” ส.ส.ขอนแก่น และ “สมศักดิ์ พันธ์เกษม” ส.ส.นครราชสีมา แยกตัวออกมาจากพรรคพปชร. ขอสมัครเป็นสมาชิกพรรคภท. ทำให้ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาล มี ส.ส.จำนวนทั้งสิ้น 62 คน หากบวกรวมกับอีก 3 ส.ส. ที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ นั่นหมายความว่า พรรคภท.มีส.ส.รวม 65 คน
ขณะที่บุคคล ที่ออกอาการเดือดเนื้อร้อนใจ กับจำนวนตัวเลขส.ส.260 เสียง ตามที่ “อนุทิน” นำมาโชว์ให้หัวหน้ารัฐบาล คงหนีไม่พ้น “ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งระยะหลังใช้ชื่อ “โทนี่ วู้ดซัม” ซึ่งมักออกมาทำนายว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์จะมีอันเป็นไปในช่วงกลางปี 65 และมีการเลือกตั้งในปีนี้
เมื่อวันที่ 15 ก.พ. “โทนี่” กล่าวในรายการ Care Talk x Care ClubHouse หัวข้อ “จุดสิ้นสุดรัฐบาลตู่ พลิกเกมสู้ของแพงถึงประเด็นทางการเมือง” ตอนหนึ่งระบุว่า ตอนนี้ฝ่ายการเมืองละเลงกันเละ ตนได้ข่าวว่า ส.ส.ฝ่ายค้าน โดนวัคซีนไล่ฉีดกันเป็นแถว 30 ล้าน 20 ล้าน ฉีดกันใหญ่จะเตรียมย้ายพรรค ตนเตือนไว้นะ วันก่อนมี ส.ส.พรรคพท. ไปร่วมประชุมกับพรรคฝ่ายรัฐบาล ตนได้ยินรู้ชื่อด้วย จ่ายคนละ 2 แสนรายเดือน เอาตังที่ไหนมา
“ผมอยู่ดูไบรู้หมด วันนี้ที่บอกว่า เอารายชื่อไปโชว์พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้นเท่านี้ ก็จริงนะ ก็จิ้มไปเยอะ ส.ส. เหมือนไก่ชน ถ้าชนชนะตัวละ 3 แสน ส.ส.กลัวสอบตกอย่างเดียว แต่ก่อนผมยุ ใครแจกตังก็ไปรับ บอกให้รู้ สรุปแล้ววันนี้ ท่านนายกฯ ปล่อยบ้านเมืองมากไปหน่อย ปล่อยนักการเมืองเละ ข้าราชการประจำเละ” นายทักษิณกล่าว
อดีตนายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนจุดจบรัฐบาลอยู่ตรงไหนนั้น ที่ “อนุทิน” พูดว่ามีเสียง 260 เสียง มือในสภาฯ ไม่สำคัญเท่า ศรัทธาประชาชน รัฐบาลกำลังทำให้ศรัทธาประชาชน ตกลงอย่างมาก ทั้งการไร้ประสิทธิภาพการบริหารจัดการ เศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนทำมาหากินไม่ได้ มีคอร์รัปชั่น ถ้าเลือกตั้งต่อจากรัฐบาลที่อ่อนแอ ฝ่ายค้านได้เปรียบมาก
สิ่งจะทำให้จบก็คือ ศรัทธาของประชาชน ตนไม่เชื่อว่า ถ้ารัฐบาลอยากลากไปเรื่อยๆ ถามว่าลากเพื่อใคร อยากเป็นเจ้าภาพเอเปกหรือ หากยุบสภาฯเลือกตั้งใหม่ ก็อาจจะเป็น รัฐบาลที่จัดเอเปก ที่หล่อกว่าเดิม ตนดูแล้วยังไงก็ไปยาก แม้จะเกลี่ยผลประโยชน์ให้พรรคร่วม ตนก็ว่าไปยาก เพราะชาวบ้านไม่เอา
จับอาการ “โทนี่” ซึ่งมีบทบาทชี้นำ “พรรคพท.” ก็อ่านได้ไม่ยาก ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเร็วที่สุด ตั้งความหวังว่า พรรคที่ตนเองสนับสนุนอยู่ จะคว้าชัยชนะอย่างถล่มทลาย หากมีการเลือกตั้งภายปีนี้ แต่เมื่อกระบวนการคืนอำนาจ ต้องทอดเวลาออกไป ความไม่แน่นอนอาจเกิดขึ้นกับแกนนำพรรคฝ่ายค้าน
ยิ่งแต่ละวันมีส.ส.หลายพรรค ไหลเข้า “ภท.” ไม่หยุดหย่อน เนื่องจากมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ความฝันของอดีตนายกฯ ซึ่งตกอยู่ในสภาพนักโทษหนีคดี ที่ต้องการจะ คว้าชัยแบบแลนด์สไลด์ ก็ดูจะเป็นเรื่องยากที่จะเป็นจริงได้ เพราะการเมืองทุกฝ่ายต่าง ก็ต้องสร้างความได้เปรียบ เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองให้เครือข่ายตนเองมากที่สุด
แม้พรรคร่วมรัฐบาลที่มี “หมอหนู” ดูแลอยู่ อาจไม่ได้จำนวนส.ส.มากที่สุด ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในครั้งหน้า แต่ดูความพร้อมและองค์ประกอบสำคัญ สามารถ เข้าร่วมรัฐบาลได้ทุกขั้ว จึงกลายเป็นแรงดึงดูดให้ส.ส.จากพรรคต่างๆ ทยอยเข้าร่วมงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะได้ส.ส. อย่างน้อย ไม่ต่ำกว่า 80 คน และจะมีอำนาจต่อรองมากล้น แม้กระทั่ง “วิรัช รัตนเศรษฐ์” อดีตประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล แกนนำพรรคพปชร. ก็มีข่าวเตรียมนำส.ส. พรรคพปชร.ในพื้นที่นครราชสีมา ย้ายเข้าสังกัดพรรคภท.ด้วย
และถ้าจำนวนส.ส. “พท.” บวกรวมกับ “ภท.” แล้วได้เสียงเกินครึ่ง “อนุทิน” อาจได้รับข้อเสนอที่ยากปฏิเสธได้อีกครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกับสูตรเดิม หากพรรคร่วมรัฐบาล พปชร. บวกรวมจำนวนส.ส. กับ ภท.และพรรคประชาธิปัตน์ (ปชป.) รวมเสียงได้เกิน 250 เสียง หนทางที่จะทำให้ “อนุทิน” ยอมไปร่วมงานกับพรรคพท. คงยากที่จะเป็นไปได้ แม้ “โทนี่” จะยกเก้าอี้สำคัญให้
จึงไม่แปลกกับอาการเกรี้ยวกราด คล้ายสติแตกของ “คนแดนไกล” จากแลนด์สไลด์กลายเป็นรอลุ้น จะมีใครจะยอมมาร่วมงานด้วยหรือไม่ หลังการเลือกตั้งเกิดขึ้น
…………………
คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก
โดย….“แมวสีขาว”