วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS“บิ๊กตู่”นำทัพหนุนสูตรหาร 500 ซื้อใจพรรคเล็ก-ลุยต่อรอบ 3   
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“บิ๊กตู่”นำทัพหนุนสูตรหาร 500 ซื้อใจพรรคเล็ก-ลุยต่อรอบ 3   

แม้ไม่รู้เป้าหมาย  แต่ในเมื่อผ่านการฝึก ผ่านสู้รบ เคยสวมเครื่องแบบทหาร ก่อนก้าวเข้ามาสู่เส้นทางการเมือง บางครั้งเพื่อต้องการไปสู่สิ่งที่ต้องการ คนที่มีสถานะเป็น “ผู้นำ” ก็ต้องเสี่ยงทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดหรือกล้าทำ  

เหมือนอย่างท่าที “พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในประเด็นเกี่ยวกับการพิจารณากฎหมายที่มีความสำคัญ ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และ ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว และนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภา ในสัปดาห์แรกของการประชุมรัฐสภา ซึ่งเป็นการพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3

ก่อนหน้านั้นคณะ กมธ.ยืนตามร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ตามที่ประชุมรัฐสภาได้รับหลักการไว้ในวาระที่ 1 โดยเสนอแก้ไขมาตรา 128 ให้หารด้วย 100 ซึ่งเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญ (รธน.) มาตรา 91 กำหนดให้การคำนวณเป็นสัดส่วนที่สัมพันธ์กันโดยตรง ในสวนของส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ แม้จะมี ความเคลื่อนไหวของพรรคเล็ก ที่ต้องการให้หารด้วย 500 เพื่อหวังไม่ให้สูญพันธ์ทางการเมือง แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงท่าที

จนมาถึงวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา เริ่มมีความเคลื่อนไหวบางอย่าง “จักรพงศ์ ชื่นดวง” หัวหน้าพรรคไทยชนะ “พิมไหมทอง ศักดิพัฒโภคิน” หัวหน้าพรรคชาติรุ่งเรือง และ กลุ่มตัวแทนพรรคการเมืองกว่า 30 พรรค ได้ยื่นหนังสือถึง “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา พร้อมระบุว่า ทางกลุ่มมีความประสงค์ที่จะขอเข้าร่วมรับฟังและสังเกตการณ์ การประชุมร่วมของรัฐสภาในร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ในวันที่ 5- 6 ก.ค.นี้ ซึ่งการแก้ไขรธน. เรื่องระบบเลือกตั้ง ร่างกฎหมายทั้งสองฉบับจะส่งผลต่อพรรคเล็กทุกพรรค การเมือง

และจะเป็นกติกาสำคัญสู่การเลือกตั้งครั้งหน้า โดยยึดเจตนารมณ์ของรธน. ตามหลักการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นในการประชุมครั้งนี้ ตนและกลุ่มตัวแทนพรรคเล็ก จึงขอเข้าร่วมรับฟังและสังเกตการณ์ การประชุมร่วมของรัฐสภาในวันที่และเวลาดังกล่าวนี้ด้วย

ทั้งนี้ทางกลุ่มสามัคคีสร้างชาติ ยังได้ขออนุญาต ใช้สถานที่หน้าอาคารรัฐสภา จัดการชุมนุมสาธารณะและขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียง ในวันที่ 5-6 ก.ค.นี้ด้วย เนื่องจากเห็นว่าพื้นที่รัฐสภา คือสถานที่แสดงออกซึ่งประชาธิปไตย และประชาชนจำนวนมากที่เห็นด้วยกับการคำนวณบัญชีรายชื่อแบบหารด้วย 500 ก็ต้องการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นเช่นกัน

ก่อนหน้านั้น  “ชินวรณ์ บุณยเกียรติ” ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะ รองประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) และ รองประธานกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ให้ความเห็นถึงข้อถกเถียงกัน เรื่องสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่าจะหาร 100 หรือหาร 500 ว่า  ในฐานะที่เป็นรองประธานกมธ. และเป็นผู้เสนอร่างแก้ไขรธน.ในนามพรรคร่วมรัฐบาล ยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อตามรธน. มาตรา 91 นั้น เป็นร่างที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอมาที่คณะรัฐมนตรรี (ครม.) ซึ่งตรงกับร่างของรัฐบาล เมื่อรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบ ในขั้นรับหลักการและเข้าสู่กมธ. ทางกมธ. ไม่ได้แก้ไขอะไรเลย แต่ก็มีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งมีกมธ. สงวนความเห็นจำนวน 11 คน

“ชินวรณ์” กล่าวว่า โดยหลักการแล้วเมื่อร่างผ่านความเห็นชอบของกมธ.แล้ว วิปรัฐบาลก็คงจะต้องยืนยัน ในหลักการดังกล่าวว่า เป็นร่างของเราเอง และการแก้ไขพ.ร.ป.นั้น เมื่อพิจารณาเสร็จในวาระ 2-3 ต้องเสนอกลับไปยังกกต. ให้ความเห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นเมื่อเป็นร่างของกกต. แล้วจะให้ความเห็นชอบที่แตกต่างกันไป เป็นหารด้วย 500 เป็นเรื่องที่กกต.ไม่สามารถทำได้ หากทำกกต. จะถูกกล่าวหาได้เช่นเดียวกัน ที่สำคัญที่สุด อาจนำไปสู่การร้องศาลรธน.

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครม. เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่มี “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นประธานการประชุม “อนุชา นาคาศัย” รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะผู้ประสานงานวิปรัฐบาล รายงานวาระงานสภาผู้แทนราษฎร ว่าจะมีการประชุมสภา เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และพรรคการเมือง 2 ฉบับ รวมถึงกฎหมายสำคัญเร่งด่วนที่จะเข้าสภา ด้าน “วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ รายงานว่า ในสัปดาห์หน้ากฎหมายที่สำคัญของรัฐบาลของกระทรวงต่างๆ ให้เร่งนำเข้าที่ประชุมสภา 

มีข่าวรายงานว่า ในช่วงพักเบรกการประชุมครม. นายกฯได้เรียกรัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.), พล.อ.อนุพงษ์เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.), ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค ภท.  

เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค ปชป., สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร., วราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชพน.), ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร., สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรค พปชร. เป็นต้น เข้าพูดคุยหารือเรื่องแนวทางการ ลงมติกฎหมายลูก 2 ฉบับ โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที 

ทั้งนี้นายกฯได้สอบถามแนวทาง และความคิดเห็นในวงว่าหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรคจะเอาอย่างไรจะใช้สูตรหาร 100 หรือ หาร 500  โดยนายกฯ กล่าวว่า “ผมเอาสูตรหาร 500 ใครเห็นอย่างไร” ซึ่ง “อนุทิน” กล่าวว่า “พรรคภท.ไม่มีปัญหา ก็เอาตามนั้น ยังไงก็ได้” 

ด้าน “เฉลิมชัย” กล่าวว่า “พรรคเอาหาร 500 พรรคร่วมรัฐบาลว่าอย่างไร ก็ว่าตามกัน” ส่วน “วราวุธ” ตอบยืนยันเช่นเดียวกันว่า “พรรคเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ขอฟังเสียงข้างมาก” ขณะที่ “พล.อ.ประวิตร” อ้ำอึ้งตอบว่า “ขอวิเคราะห์ดูก่อน แต่ไม่มีปัญหาอะไร”

ในวงหารือ มีการพูดคุยถกเถียงเรื่องความถูกต้องของกฎหมายลูกว่าจะขัดรธน.หรือไม่ เพราะการหาร 500 ตรงกับที่ไม่ได้แก้ไข ส่วนถ้าหาร 100 ตรงกับที่แก้ไข แต่ก็จะขัดแย้งกัน ซึ่งมีการพูดคุยกันด้วยว่า สรุปแล้วสุดท้ายศาลรธน. จะวินิจฉัยและหาทางออกให้ โดยนายกฯ กล่าวว่า “จะหาร 100 หรือ หาร 500 เท่าที่ผมเช็คดูจะต้องมีคนส่งศาล รธน. เพื่อให้วินิจฉัยว่าขัดหรือไม่ขัดรธน.อยู่ดี” 

นอกจากนี้สื่อหลายสำนักยังรายงานตรงกันว่า “พล.อ.ประยุทธ์” มีมีท่าทีผ่อนคลาย และ อารมณ์ดี โดยมีการฮัมเพลงในลำคอระหว่างเดินมาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ที่บริเวณทางเชื่อมขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า

ถ้าย้อนเวลาไปในวันที่กมธ.วิสามัญร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยเลือกตั้ง มีการพิจารณาสูตรคำนวณส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะพบว่า 32 เสียงเห็นด้วยกับการหารด้วย 100 และ มี 11 เสียงไม่เห็นด้วย

กมธ.เสียงข้างน้อยบางส่วนได้ขอสงวนความเห็นไปอภิปรายโน้มน้าวเพื่อนสมาชิกที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ให้เห็นด้วยกับการหาร 500 ด้วย โดยกมธ.เสียงข้างน้อย มีประมาณ 16 เสียง

ด้าน “สมคิด เชื้อคง” ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) และรองประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกระแสข่าวหัวหน้ารัฐบาล ส่งสัญญาณให้แกนนำในขั้วพรรคร่วมรัฐบาล และกลุ่มส.ว. สนับสนุนใช้สูตรหาร 500 ในการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง เท่ากับว่าพล.อ.ประยุทธ์ ต้องการสืบทอดอำนาจต่อ 

สมคิด เชื้อคง

รธน.มาตรา 91 กำหนดไว้ชัดเจนว่า คะแนนที่เลือกพรรคการเมือง ต้องเป็นสัดส่วนสัมพันธ์กันโดยตรง ดังนั้นมาตรา 91 คือตัวต้นของการใช้สูตรหาร 100 เรื่องนี้เราไม่ได้คิดเอง เพราะกกต. เป็นผู้ร่าง ก่อนให้ครม. ใช้เป็นร่างหลักของรัฐบาล และเป็นหลักการของรัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ต้องยึดถือตามกฎหมายและข้อบังคับการประชุมของรัฐสภา อย่าไปยึดถือว่า ตัวเองจะมีอำนาจตลอดไป หรือให้กลุ่มพวกพ้องพรรคการเมืองที่ช่วยเหลือตัวเอง

เมื่อถามว่า ท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นการดับฝันแลนด์สไลด์ของพรรคพท.หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า หากประชาชนเลือก พล.อ.ประยุทธ์จะไปดับฝันเขาไม่ได้ ต่อให้จะใช้วิธีการอะไรกับประชาชนเขาก็เลือก ยิ่งไปใช้วิธีการที่ไม่ชอบพามากล ประชาชนรู้ทัน ยืนยันว่า ไม่มีใครกำหนดเรื่องแลนด์สไลด์ได้ นอกจากประชาชน

หลังมีข่าวพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด จะสนับสนุนการใช้สูตร 500 หาร คำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยพรรคพปชร. จะให้ส.ส.ฟรีโหวต แต่ทิศทางทุกคนจะสนับสนุนการใช้ 500 หาร และส.ว.จะเทเสียงให้กับการหาร 500 ทั้งหมด โดยจะมีการโหวตประเด็นดังกล่าว ซึ่งอยู่ในมาตรา 23 ในวันที่ 6 ก.ค. มีแนวโน้มที่จะได้รับเสียงโหวตท่วมท้น ชนะฝ่ายค้าน ที่มี เพียงพรรคพท. และ พรรคก้าวไกล(กก. เป็นแกนหลักในการสนับสนุนสูตรการใช้ 100 หาร

อย่างไรก็ตาม แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวในขั้วรัฐบาลแล้วว่า สูตรการหาร 100 จะแพ้โหวตในการลงมติแน่นอน จึงเตรียมขั้นตอนต่อไปคือ หาช่องทาง ร้องไปยังศาลรธน. ให้วินิจฉัยการใช้ 500 หาร เนื่องจากขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ มาตรา 91 ขณะเดียวกันมีความเป็นไปได้ที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน จะหันกลับไปใช้สูตรเดิมคือ การแตกแบงก์ หากมีการใช้สูตร 500 หาร เพื่อผนึกกำลังเพื่อให้ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย ในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า

การเดิมเกมของหัวหน้ารัฐบาล เพื่อล้มสูตรหารด้วย 100 นั้น หลายคนตั้งคำถามพล.อ.ประยุทธ์ มีเป้าหมายอะไร 

คำตอบอาจจะเป็น 1.ต้องการซื้อใจพรรคเล็ก ที่ต้องการใช้สูตร 500 เพื่อมีที่อยู่ในทางการเมือง โดยเฉพาะในช่วงพรรคฝ่ายค้านเตรียมเปิดศึกซักฟอกรัฐบาล ดังนั้นทุกเสียงในสภาฯจึงมีความหมาย อย่าลืมรัฐบาลมีภารกิจสำคัญคือ เป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคในเดือนพ.ย.  

2.ทำให้พรรคพท. เกิดภาวะระส่ำระส่าย ที่คาดหมายว่าจะได้เปรียบทางการเมือง มีโอกาสพาพรรคสู่แลนด์สไลด์ก็อาจไม่ได้เป็นตามที่วาดหวังไว้ นอกจานี้ยังคาดเดาไม่ได้ว่า ต้องเผชิญอุปสรรคและวิบากกรรมอะไรบ้าง เพราะต้องต่อสู้กับอำนาจรัฐ มือที่มองเห็น “โทนี่ วู้ดซัม” คงต้องปรับแผนใหม่ 

3.พล.อ.ประยุทธ์คงต้องการไปต่อ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ส.ว. 250 คน ยังมีอำนาจในการโหวตเห็นชอบ บุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯอีก ซึ่ง สภาสูงคงให้การสนับสนุนหัวหน้ารัฐบาลแน่ๆ ต่อให้แกนนำพรรคฝ่ายค้านคว้าชัยชนะ แต่คงยากที่จะทำให้ส.ส.ได้เกิน 250 เสียง

แต่เหนือสิ่งอื่นใด การเล่นบทคุมเกมการเมืองของ “นายกฯลุงตู่” สะท้อนให้เห็นว่า หัวหน้ารัฐบาลคงพร้อมที่จะรับแรงปะทะจากฝ่ายค้าน และรุกกลับอย่างเต็มที่ การเมืองต่อจากนี้คงดุเดือดเลือดพล่าน ยิ่ง “พท.” ตกอยู่ในสภาพ เป็นพรรคฝ่ายค้านมา 8 ปี ถ้าต้องเล่นบทเดิมหลังการเลือกตั้ง พรรคคงถึงคราวระส่ำ ถึงขั้นแตกหัก จนถึงขั้นเดินต่อไปไม่ได้

……………..

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย …“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img