ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย กับคะแนนโหวตหลัง ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ผ่านพ้นไป เพราะบรรดานักวิเคราะการเมือง ที่เกาะติดทั้งวงนอกวงใน ต่างก็คาดหมายมาตั้งแต่แรก เชื่อว่าฝ่ายค้านคงทำอะไรรัฐบาลไม่ได้ ยิ่งใช้วิธีซักฟอกแบบเหวี่ยงแห ยิ่งหาจุดโฟกัสไม่เจอ
ไม่เลือกใช้รูปแบบอภิปรายให้น้อยคน แต่หลักฐานหนักแน่น ไม่ได้สร้างกระแสก่อนการอภิปรายจะเริ่ม เหมือนกรณีการตรวจสอบการทุจริตใน โครงการรับจำนำข้าว ความไม่โปร่งใสของโครงการต่างๆ ใน “ระบอบทักษิณ” ผลที่ได้ก็ออกมาอย่างที่เห็น แม้จะมีรัฐมนตรีบางคน ได้คะแนนมากบ้าง-น้อยบ้าง แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ ก็ไม่ได้ออกมาตีโพยตีพายในเรื่องนี้
เนื่องจากนับจากช่วงเวลานี้ จนหมดวาระการทำงานของรัฐบาล ฝ่ายค้านไม่สามารถยื่นญัตติซักฟอกได้อีก เท่ากับฝ่ายบริหารมีเวลาทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างผลงาน ไม่มีแรงกดดันในสภาฯ โดยเฉพาะการประชุมระดับโลก “เอเปค” ซึ่งจะเริ่มขึ้นในช่วงปลายปี ที่มีผลต่อภาพลักษณ์ประเทศเป็นอย่างมาก ถ้าการประชุมผ่านไปได้ด้วยดี นั่นหมายความว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้รับเครดิตตามไปด้วย
ลองย้อนไปดูผลโหวต หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรี รวม11 คน ตั้งแต่วันอังคารที่ 19 ก.ค.ที่ผ่าน รวม 4 วัน และลงมติช่วงวันเสาร์ที่ 23 ก.ค. ปรากฏดังนี้
1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไว้วางใจ 256 เสียง-ไม่ไว้วางใจ 206 เสียง-งดออกเสียง 9 เสียง
2.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ไว้วางใจ 241 เสียง-ไม่ไว้วางใจ 207 เสียง-งดออกเสียง 23 เสียง
3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ไว้วางใจ 264 เสียง-ไม่ไว้วางใจ 205 เสียง-งดออกเสียง 3 เสียง
4.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไว้วางใจ 268 เสียง-ไม่ไว้วางใจ 193 เสียง-งดออกเสียง 11 เสียง
5.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ไว้วางใจ 245-ไม่ไว้วางใจ 212 เสียง-งดออกเสียง 13 เสียง
6.นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ไว้วางใจ 262 เสียง-ไม่ไว้วางใจ 205 เสียง-งดออกเสียง 5 เสียง
7.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ไว้วางใจ 249 เสียง-ไม่ไว้วางใจ 205 เสียง-งดออกเสียง 18 เสียง
8.นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไว้วางใจ 244 เสียง-ไม่ไว้วางใจ 209 เสียง-งดออกเสียง 17 เสียง
9.นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ไว้วางใจ 249 เสียง-ไม่ไว้วางใจ 204 เสียง-งดออกเสียง 18 เสียง
10.นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ไว้วางใจ 246 เสียง-ไม่ไว้วางใจ 206 เสียง-งดออกเสียง 20 เสียง
11.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ไว้วางใจ 243 เสียง-ไม่ไว้วางใจ 208 เสียง-งดออกเสียง 20 เสียง
นั่นหมายความว่ารัฐมนตรีทั้ง 11 คน ยังได้รับความไว้วางใจจากสภาฯ แต่ที่เป็นปัญหาและได้รับผลกระทบ ทั้งที่ไม่ถูกอภิปรายยื่นซักฟอก กลับกลายเป็น “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ซึ่งประกาศตัวเป็นพรรคฝ่ายค้านอย่างเต็มตัว ภายหลังประสบความพ่ายแพ่ในการเลือกตั้งซ่อม ที่เขต จ.ลำปาง ให้กับพรรคเสรีรวมไทย (สร.) โดยเชื่อว่า เหตผลของความพ่ายแพ้ครั้งนี้ มาจากความไม่ชัดเจนทางการเมืองของพรรคศท.
นอกจากการประกาศตัว เป็นฝ่ายค้านแล้ว “ร.อ.ธรรมนัส” ยังเชื่อมั่นว่า บรรดาพรรคเล็กที่รวมตัวกันภายใต้ชื่อ “กลุ่ม 16” ซึ่งมี “พิเชษฐ สถิรชวาล” ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นหัวหน้ากลุ่ม จะออกเสียงตามการชักชวนของตนเอง เพราะเคยดูแลกันมา ในช่วง “ผู้กองคนดัง” ยังเป็นเลขาธิการพรรคพปชร. โดยเฉพาะผู้กองคนดังพุ่งเป้าไปที่ “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพปชร. โดนหยิบยกปัญหาการประมูลโครงการท่อส่งน้ำในโครงการอีอีซี มาเป็นมูลเหตุสำคัญ
ถ้าย้อนไปติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางไว้เมื่อปีที่แล้ว มีความพยายามล้ม “พล.อ.ประยุทธ์” ผ่านทางส.ส.พรรคแกนนำรัฐบาล โดยมี “ร.อ.ธรรมนัส” เป็นตัวละครสำคัญ มีนายตำรวจนอกราชการยศ “พล.ต.อ.” แตะมือกับ “นายหญิง” หวังพลิกขั้วในการจัดตั้งรัฐบาล ผลักดัน “บิ๊กป้อม” ให้เข้าไปรับตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทย (พท.) จะเข้าเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
แต่ในที่สุดแผนดังกล่าว ก็ล้มเหลว เนื่องจาก “สันติ” ได้นำแผนล้มหัวหน้ารัฐบาล ไปแจ้งนายกฯให้รับทราบ จนนำมาสู่การเดินเกมตั้งรับ และทำให้ ขบวนการล้มรัฐบาล ต้องล้มเหลว นำมาสู่การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ “ร.อ.ธรรมนัส” ต้องพ้นจากเก้าอี้ “รมช.เกษตรและสหกรณ์”
ดังนั้นเมื่อแสดงบทบาทการเป็นพรรคฝ่ายค้านเต็มตัว “ร.อ.ธรรมนัส” จึงหวังแสดงพลังอย่างเต็มที่ อย่างน้อยต้องทำให้เกิดการปรับครม. พยายามล็อบบี้ “ส.ส.กลุ่ม 16” ให้งดออกเสียงไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีบางคน โดยเพุ่งเป้าไปที่ “สันติ” และ “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน โดยเชื่อว่า มีส่วนทำให้ตนเองมีปัญหากับหัวหน้ารัฐบาล จนต้องแยกตัวไปก่อตั้งพรรคใหม่
แต่ในที่สุด บทสรุปของการออกเสียงภายหลังการอภิปรายเสร็จสิ้น นายกฯและรัฐมนตรีทั้ง 11 คน ได้รับความไว้วางใจ ส่วนรัฐมนตรีที่เป็นเป้าหมายของหัวหน้าพรรคศท. และส.ส.กลุ่ม 16 ซึ่งต้องการให้ถูกลงโทษทางการเมือง ก็สอบผ่านได้รับการสนับสนุนจากบรรดาพรรคเล็ก โดยมีรายงานข่าวว่า ก่อนหน้าที่จะมีการลงคะแนน “พิเชษฐ์” ได้เดินทางเข้าพบ “พล.อ.ประยุทธ์”
ส่งผลทำให้ท่าทีเปลี่ยนไป ขณะที่ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.ได้กำชับให้โหวตไว้วางใจรัฐมนตรีทุกคน โดยเฉพาะ “สันติ” ที่มีข่าวว่าพรรคเล็กจะโหวตไม่ไว้วางใจ โดยให้เหตุผลว่า เป็นเลขาธิการพรรคพปชร. จะให้ได้คะแนนน้อยกว่าคนอื่นได้อย่างไร หากพรรคเล็กไม่ยอม ก็จะขับไล่พ้นจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วย
เมื่อพรรคเล็กปรับเปลี่ยนแปลงท่าที ทำให้ “ร.อ.ธรรมนัส” ไม่พอใจ ออกมาให้ความเห็นโจมตีด้วยถ้อยคำรุนแรง ตอนหนึ่งระบุว่า ส่วนตัวมีอุดมการณ์ทางการเมืองและทำการเมือง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบ้านเพื่อเมืองและเพื่อประชาชน หากทำการเมืองหวังเพื่อหวังผลประโยชน์ระยะสั้นๆ ตนไม่ร่วมเสวนาให้เสียเวลาด้วย
“นอกจากจะไม่คุยแล้ว นักการเมืองที่ไม่มีอุดมการณ์จะจัดการด้วย ตลอดเวลาก็เอาผมไปพูด ไปนัดทานข้าวกับใครก็เอาผมไปพูดไปอ้าง พรรค ศท. เรามีจุดยืนอยู่แล้ว แต่คุณเอาพรรค ศท. ไปทำมาหากินผมไม่เอาด้วย พรรคพวกนี้ 3-4 ปีที่ผ่านมา รับเงินเดือนจากใคร ก็ให้จำไว้ผมมีลายเซ็นทุกอย่าง รับเกิน 3,000 บาท ระวังไว้เถอะ” ร.อ.ธรรมนัส กล่าวและว่า นอกจากจากนี้ คนที่เซ็นรับไว้ให้ระวัง และอาจจะมีไลน์หลุดเรื่องนี้ อาจจะหลุดคืนนี้ (22 ก.ค.) เลยก็ได้
และในที่สุดก็มีไลน์หลุดออกมาจริง ๆ โดยปรากฎออกมาสองครั้ง โดยในช่วงคืนวันที่ 22 ก.ค. มีเนื้อหาและภาพที่ระบุให้เห็นว่า มี รายชื่อส.ส.พรรคเล็ก เซ็นรับเงินเดือนประจำเดือน มี.ค.63 หลายคน และมีภาพหลักฐานการโอนเงินไปยังบุคคลปลายทางชัดเจน โดยจากการสอบถามพบว่า เป็นจำนวนเงิน 100,000 บาทต่อเดือน
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ก.ค. ได้มีเอกสารหลุด โดยเป็นสลิปโอนเงิน เข้าบัญชีชื่อนักการเมือง ช่วงเดือน ส.ค.ปี 64 หลังข่าว พรรคเล็กรับเงินเดือน โดยเอกสารดังกล่าว มีการโอนเงินเข้าบัญชีคนกลาง 650,000 บาทในวันที่ 25 ส.ค. 2564 เวลา 19.12 น. โดยเป็นการโอนผ่านระบบ internet banking ของ ธนาคารไทยพาณิชย์ หลังจากนั้น มีหลักฐานการโอนออก ในวันที่ 26 ส.ค. 2564 ตามเวลาดังนี้
เวลา 09.31 น. จำนวน 100,000 บาท ให้นาย ธ.
เวลา 09.31 น. จำนวน 100,000 บาท ให้ นาย พ.
เวลา 09.35 น. จำนวน 100,000 บาท ให้ นาย พ. คนที่สอง
เวลา 09.35 น. จำนวนอีก 100,000 บาท ให้ นาย พ. คนที่สองอีกรอบ
ขณะที่ “คฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ปรากฎภาพพร้อมลายเซ็น ซึ่งมีผู้ระบุว่า เป็นกรณีที่พรรคเล็กรับเงินค่าเลี้ยงดูที่บ้านป่ารอยต่อฯว่า เป็นเกมการเมือง ทั้งนี้เอกสารที่เป็นภาพในไลน์หลุดนั้น เป็นภาพตัดต่อ ซึ่งบุคคลที่ปรากฎในภาพและเสียหาย อยู่ระหว่างการปรึกษาทนายเพื่อดำเนินการฟ้องร้อง เรื่องนี้ตนไม่ให้ราคา ยืนยันว่าไม่มีอะไร เป็นเกมการเมืองจากร.อ.ธรรมนัส
เมื่อถามต่อว่า มองว่าเป็นเพราะเรื่องอะไรที่ทำให้บาดหมางกัน คฑาเทพ กล่าวว่า ตนไม่มีอะไรกับเขาอยู่แล้ว บางครั้งเขาอยากให้กลุ่ม 16 ไปทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้เขา ซึ่งเราทำอะไรเป็นมติของกลุ่ม ไม่ได้เดินตามเกมของเขาทุกเรื่อง สิ่งที่ให้ได้ก็ให้ แต่ที่ให้ไม่ได้ ก็ไม่ให้ ตนถือว่า ไม่ให้ราคาเรื่องนี้ และคิดว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงมติไม่ไว้วางใจ
เมื่อถามว่า กรณีที่พรรคเล็กรับเงินค่าเลี้ยงดู มีคนจะไปร้องเรียนให้ตรวจสอบว่าผิดกฎหมาย กรณีรับเงินเกิน 3,000 บาท คฑาเทพ ตอบว่า ไม่เป็นไร ฟ้องก็ฟ้องไป แต่คนที่ไปฟ้องเขามีหลักฐานอะไรหรือไม่ หาก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับเรื่องไว้และเรียกสอบ จะเรียกใครไปสอบ เอกสารที่มาจากร.อ.ธรรมนัส ก็ต้องสอบร.อ.ธรรมนัสด้วย รวมถึงต้นตอว่ามาจากไหน ต้นน้ำ-ปลายน้ำ
“เราเป็นเหมือนเหยื่อทางการเมือง เขาจะเอากลุ่ม 16 ให้ไปเป็นไปอย่างที่เขาต้องการ เมื่อทำไม่ได้ แย่งอำนาจไม่ได้ ก็ตีโพยตีพาย ทำแบบนี้สร้างความเสียหาย พรรคเศรษฐไทยจะอยู่อย่างไร ใครจะยุ่งกับคุณ ที่บอกว่าจะเอาตรงนั้นตรงนี้ ผมถือว่าไม่มีราคา เป็นละครการเมือง ไม่มีข้อเท็จจริง ทำแบบนี้คือการตัดต่อเอกสาร ผิดกฎหมายคอมพิวเตอร์ ตอนนี้ผู้ใหญ่กำลังคุยกัน เชื่อว่าจะจบเร็วๆ นี้” คฑาเทพ ระบุ
เชื่อว่าในที่สุดเรื่องไลน์หลุด ต้องมีการตรวจสอบจาก ป.ป.ช. กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่บุคคลที่เจ็บหนักมากที่สุด สำหรับงานนี้คงหนีไม่พ้น “หัวหน้าพรรค ศท.” ทั้งข้อครหาใช้วิธี แบล็คเมล์ทางการเมือง ยึดถือความเห็นของตัวเองเป็นที่ตั้ง นำข้อมูลออกมาใช้ทำลายเพื่อนร่วมงาน จากนี้ไปจะมีนักการเมืองคนไหน กล้าคบค้าสมาคมด้วย คงเกรงว่า เมื่อเกิดปัญหาความไม่เข้าใจกัน และความเห็นแตกต่างกัน อาจมีการนำข้อมูลด้านลบออกมาเปิดโปง
ต่อให้ “ร.อ.ธรรมนัส” ยุบพรรคไปรวมกับ “เพื่อไทย” (พท.) เชื่อว่า “ผู้มีอำนาจตัวจริง” ของพรรคแกนนำฝ่ายค้านก็คิดหนัก ด้วยว่า หากมีปัญหาขัดแย้ง เพื่อนที่เคยรัก อาจนำข้อมูลบางอย่างมาเปิดเผย ก่อให้เกิดความเสียหาย อีกทั้ง เคยมีข่าว “พรรคเล็ก” จะขอมาร่วมกับงาน “พรรค ศท.” แต่เมื่อ เกิดปมไลน์หลุด เชื่อว่า คงไม่มีใครอยากมาร่วมงาน กับ “ผู้กองคนดัง” อีกต่อไปแล้ว
เลยเป็นช่องทางให้ “ผู้มากบารมี” เตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองชื่อ “รวมแผ่นดิน” เพื่อดึงส.ส.พรรคเล็กมาร่วมงานด้วยแทน โดยมีทุนสนับสนุนให้อย่างเต็มที่ เพื่อช่วยเป็น ตัวแปรทางการเมือง ในช่วงที่มีการจัดตั้งรัฐบาล
เลยกลายเป็นว่า เสร็จศึกซักฟอก นักการเมืองที่บอบช้ำที่สุด กลับเป็น “ร.อ.ธรรมนัส” นอกจากจะไม่ใครอยากคบค้าสมาคมด้วย ยังอาจทำให้ผู้มีพระคุณอย่าง “บิ๊กป้อม” ต้องได้รับความเดือดร้อน อันเนื่องมาจาก “ไลน์แจกกล้วย” หลุดออกมา งานนี้ได้ไม่คุ้มเสีย ฆ่าตัวตายทางการเมืองแท้ๆ
…………………
คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก
โดย “แมวสีขาว”