จบไปเรียบร้อยแล้ว การประชุม คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ครั้งที่ 1/2565 และ การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 8/2565 ซึ่งมีวาระสำคัญ การแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ หรือ “แม่ทัพสีกากีคนที่ 13” ซึ่งในระดับผู้นำองค์กรสีกากี ไม่มีอะไรผิดคาด แต่บางเก้าอี้ในระดับ “ผบช.” ก็ทำเอาหักปากกาเซียน สื่อหลายสำนักหน้าแตกไปตามกันๆ
ขณะที่ “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 38 (นรต.38) ขึ้นเป็น ผบ.ตร. แทน “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ตามการเสนอชื่อของแม่ทัพสีกากีคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นไปตามข่าวก่อนหน้านี้
แม้หัวโต๊ะในการประชุมก.ต.ช. จะเป็น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งรักษาการการแทนนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับการการแต่งตั้งระดับรองผบ.ตร.ถึงระดับ ผบช. ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญ ในการบริหารงานของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) องค์กรสีกากี ก็เป็นไปตามข้อเสนอของผบ.ตร. ซึ่งมีการหารือกับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะถูกสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่
สำหรับ “พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์” เป็นที่คาดหมายว่าจะได้รับการเสนอชื่อจากพล.ต.อ.สุวัฒน์เพื่อรับไม้ต่อ เนื่องจากที่ผ่านมาได้รับความไว้วางใจ ให้ดูแลงานด้านความมั่นคง และกิจการพิเศษของตร. นอกจากนี้ “บิ๊กเด่น” ยังมีสายสัมพันธ์กับเหล่าทัพ เป็น นักเรียนเตรียมทหาร (ตท.) รุ่นที่ 22 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกันกับ “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ที่แต่ละเหล่าทัพ ต้องประสานงานร่วมกัน โดยเฉพาะงานด้านความมั่นคง
ส่วนในตำแหน่ง ระดับ รองผบ.ตร.ที่ว่าง 4 ตำแหน่ง นายตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งประกอบด้วย พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.
ระดับผู้ช่วย ผบ.ตร. ว่าง 6 ตำแหน่ง โยกสลับ 1 ตำแหน่ง ได้แก่ พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผบช.ศ., พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท., พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผบช.รร.นรต., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น., พล.ต.ท.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ผบช.กมค., พล.ต.ท.วีระ จิระวีระ ผบช.สพฐ.ตร. ขณะเดียวกันมีการโยกสลับ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองจตช. เป็น “ผู้ช่วย ผบ.ตร.”
ส่วน ระดับ ผบช. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 โยกเป็น ผบช.น., พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สกพ. เป็น ผบช.ภ.2, พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ส. โยกเป็น ผบช.ภ.8, พล.ต.ท.อภิชาติ เพชรประสิทธิ์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ทำหน้าที่ประสานสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย โยกเป็น ผบช.ส., พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐ์พงศ์ ผบช.สยศ.ตร. โยกเป็น ผบช.สกบ., พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ จตร. โยกเป็น ผบช.สพฐ.ตร., พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รองผบช.สตม. เลื่อนเป็น ผบช.สกพ.
พล.ต.ต.เสนิตย์ สำราญสำรวจกิจ ผบช.รร.นรต., พล.ต.ต.อนุชา รมยนันท์ รอง ผบช.สกพ. เลื่อนเป็น ผบช.สง.ก.ตร., พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา รอง ผบช.ก. เลื่อนขึ้น ผบช.สอท., พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รอง ผบช.ภ.7 เลื่อนเป็น ผบช.สยศ.ตร., พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. เลื่อนเป็น ผบช.กมค.
สำหรับตำแหน่งสำคัญ อาทิ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1, พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3, พล.ต.ท.ยรรยงค์ เวชโอสถ ผบช.ภ.4, พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ภ.6, พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7, พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9, พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.อยู่ที่เดิม
ระดับ ผบก.-รอง ผบช.ที่น่าสนใจ อาทิ พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฎิ์ ผบก.สส.จชต. โยกเป็น ผบก.ภ.จว.ยะลา, พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผบก.ภ.จว.ยะลา เลื่อนเป็น รอง ผบช.สพฐ.ตร., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.บช.น. เลื่อนเป็น รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธี ผบก.สส.บช.ภ.2 เป็น ผบก.สส.บช.น. ฯลฯ.
ก่อนหน้าการประชุมก.ตร. มีข่าวว่า “อดีตผบ.ตร.” ที่มีความใกล้ชิดกับ “ศูนย์อำนาจ” พยายามจะผลักดัน นายตำรวจที่มีความใกล้ชิดกับเขา ให้ไปดำรงตำแหน่งที่มีความสำคัญ จนเกิดกระแสข่าวว่า การประชุมก.ตร.ต้องเลื่อนไปเป็นวันที่ 5 ก.ย. 65 แต่ในที่สุด ทุกอย่างก็เดินไปตามกำหนดการเดิม
ซึ่งอาจเป็นเพราะ “พล.อ.ประวิตร” ได้มีการพูดคุยกับ “พล.อ.ประยุทธ์” เรียบร้อยแล้ว และรักษาการนายกฯต้องการให้เกียรตินายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านั้น “บิ๊กป้อม” ออกมาให้นโยบาย จนกลายเป็นข่าวในสื่อต่างๆ ยืนยันจะไม่เข้ารื้อบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจและนายทหารระดับสูง ทำให้ชื่อ “พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์” ผช.ผบ.ตร. นายตำรวจที่มีความใกล้ชิด “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. ไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็น รองผบ.ตร. ทั้งๆ ที่ถูกวางตัวให้เป็นคู่ชิงตำแหน่งแม่ทัพสีกากีในอนาคตกับ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล
ส่วนที่ทำให้หลายคนประหลาด และคาดไม่ถึง คงหนีไม่พ้น “ผบช.น” ซึ่งจะเข้ามาทำหน้าที่แทน “พล.ต.ท.สำราญ นวลมา” เจ้าของรหัส “น.1” จากเดิมคาดว่าได้แก่ “พล.ต.ต.จีระสันต์ แก้วแสงเอก” รอง ผบช.น. ซึ่งมีข่าวได้รับการผลักดันจาก “บิ๊กต่อ” พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล แต่ต่อมามีชื่อ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 นรต.38 ที่โด่งดังจากคดีนางเอกแตงโม ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรอง ผบช.น. และมีข่าวอยากกลับถิ่นเก่า
แต่ในที่สุดที่ประชุม ก.ตร. มีมติโยก “บิ๊กจ้าว” พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 ให้เข้ามารับหน้าที่สำคัญ “ผบช.น.” ดูแลพื้นที่เมืองหลวงประเทศไทย ซึ่งในแวดวงสีกากีรู้กันดีว่า นายตำรวจคนนี้จัดประเภทเป็นพวกตงฉิน ยอมหักไม่ยอมงอ ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาที่ออกนอกลู่นอกทาง เคยได้รับมอบหมายให้ไปสะสางปัญหาความอื้อฉาวในภาคตะวันออก กรณี “หลงจู๊สมชาย” ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับบ่อนการพนันในรูปแบบต่างๆ
การย้ายกลับมาพื้นที่นครบาลครั้งนี้ มีข่าวว่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องการให้ “บิ๊กจ้าว” มาจัดการกับบ่อนการพนันผิดกฎหมายรูปแบบต่างๆ ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งอาชญากรรม โดยรัฐบาลเตรียมผลักดันให้บ่อนคาสิโนดำเนินการอย่างถูกกฎหมาย เพื่อนำรายได้เข้าสู่แผ่นดิน
อย่างไรก็ตาม มีข่าว เมื่อ “บิ๊กต่อ” ต้องการผลักดัน “พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา” รอง ผบช.ก. เลื่อนขึ้นเป็น ผบช.สืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับเอบวกแล้ว ก็สมควรให้เปิดโอกาสให้ฝ่ายบริหาร จัดวางนายตำรวจที่ไว้วางใจมาทำงานได้บ้าง ตอกย้ำให้เห็นถึงการใช้อำนาจ และความมีบารมีของ “พล.อ.ประยุทธ์” ถือว่ายังมีพาวเวอร์เต็มกำลัง
ด้าน “พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์” โฆษก ตร. เปิดเผยว่า ในที่ประชุม ก.ต.ช.มีการเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ผ่านคณะกรรมการเรียบร้อยแล้ว ผลการแต่งตั้งต้องรอโปรดเกล้าฯ นอกนั้นมีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ผบก.-จเรตำรวจแห่งชาติ และ รอง ผบ.ตร. เพื่อทดแทนตำแหน่งว่าง สับเปลี่ยนหมุนเวียนและเกษียณตามความเหมาะสม ก.ตร.
โดยมีตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร.เลื่อนเป็น รอง ผบ.ตร.จำนวน 4 ราย, ผู้ช่วย ผบ.ตร.หมุนเวียน 1 ราย, ผู้บัญชาการขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. 6 ราย, ผู้บัญชาการหมุนเวียน 7 ราย, รองผู้บัญชาการเลื่อนขึ้นผู้บัญชาการ 16 ราย, รองผู้บัญชาการหมุนเวียนจำนวน 23 ราย, ผู้บังคับการเลื่อนเป็นรองผู้บัญชาการ 40 ราย, ผู้บังคับการหมุนเวียนจำนวน 71 ราย และรองผู้บังคับการเลื่อนขึ้นเป็นผู้บังคับการ 86 ราย รวมทั้งสิ้น 254 ราย แต่รายชื่อต้องรอการโปรดเกล้าฯ เสียก่อน อยู่ระหว่างการดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมาย
เห็นสัญญาณจากการจัดทำบัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับสูงไปเรียบร้อย หลายคนคงพอมองออกถึง การจัดทำบัญชีแต่งโยกย้ายนายทหารระดับสูง ซึ่งในที่สุดก็เป็นไปตามการจัดวางของ “พล.อ.ประยุทธ์” ซึ่งคงมีการหารือกับ รักษาการนายกฯ และ “ผบ.เหล่าทัพ “
และยังช่วยตอกย้ำเห็น ความสัมพันธ์ของ 2 ป. ทั้ง “พล.อ.ประยุทธ์” และ “พล.อ.ประวิตร” ไม่มีทางที่จะแตกร้าว อยู่ในสภาพแยกกันเดิน เพราะมีส่วนเกื้อหนุนกันมาตลอด แม้จะมีใครบางคนคิดการณ์ไกล แต่คงได้แต่ฝันได้แค่คิด จากนี้ไปถ้า “นายกฯลุงตู่” ผ่านมรสุม 8 ปีไปได้ 3 ป. ซึ่งหมายรวมถึง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะ “น้องรอง” อีกคน ก็ยังมีบทบาทกับการเมืองไทยอีกแน่นอน!!!
…………….
คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก
โดย…“แมวสีขาว”