วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS''SME-ท่องเที่ยว-อาหาร''เสาค้ำเศรษฐกิจอิตาลี
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

”SME-ท่องเที่ยว-อาหาร”เสาค้ำเศรษฐกิจอิตาลี

ตอนนี้กำลังนั่งมองทะเลอยู่ที่ หมู่บ้านชาวประมง 5 แผ่นดิน ที่เรียกว่า “ซิงเคล เทเร” ประเทศอิตาลี หมู่บ้านชาวประมงที่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนที่ชอบวิถีชีวิตแบบเนิบช้า เป็นเมืองสงบน่ารัก ประกอบด้วยหมู่บ้านชาวประมง 5 หมู่บ้าน ว่ากันว่าเป็น หมู่บ้านประมงที่สวยที่สุดในโลก 

เท่าที่สังเกตดู อิตาลีมีอะไรที่คล้ายๆ กับไทยหลายๆ อย่าง แรกเลยเหมือนกันจนดูเหมือนถอดแบบกันมาเลยนั่นคือ  การเมืองที่ไม่ค่อยมั่นคง เลือกตั้งบ่อยไม่แพ้กัน รวมทั้งนิสัยคนอิตาลี ก็เป็นแบบซิลๆสบายๆ แต่ที่ต่างกันมากคือเศรษฐกิจของอิตาลีกลับเข้มแข็งมากๆ ถือเป็น 1 ในประเทศที่มีการเจริญเติบโตความก้าวหน้าทางในเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก

เบื้องหลังคือ ธุรกิจSME ซึ่งทำให้ อิตาลีมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลกและอันดับ 3 ในสหภาพยุโรป (อียู) หากวัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) คลายกับเยอรมันที่มีธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่เป็นฐานรากอันแข็งแกร่ง รวมทั้งมีทองคำสำรองในธนาคารมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก

แต่ที่โดดเด่นเป็นพิเศษตรงที่ อิตาลีเป็นประเทศที่เด่นในทุกเรื่องจนครบรอบด้าน ที่มีดีทั้งทาง การค้า อุตสาหกรรม การส่งออก ศิลปวัฒนธรรม และโดยเฉพาะในด้านของ อาหาร แฟชั่น การท่องเที่ยว ทั้งนี้เป็นผลอันเนื่องมาจากการใช้ชีวิตหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สร้างความมหัศจรรย์ทางเศรษฐกิจที่ทำให้หลายประเทศก้าวสู่การเป็นประเทศมั่งคั่งและมีเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าที่สุด อิตาลีก็เป็นหนึ่งในประเทศเหล่านั้น

ผลสำรวจอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจหลัง 1950-1962 หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ราว 12 ปี พบว่าเศรษฐกิจของอังกฤษ และฝรั่งเศสเติบโต 130% แต่อิตาลีมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงถึง 253% ซึ่งเป็นที่มาที่นักเศรษฐศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “ความมหัศจรรย์ทางเศรษฐกิจ” ของอิตาลี และในปี 1986 ก็สามารถแซงประเทศอังกฤษได้สำเร็จ นั่นจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากว่า อิตาลีทำอะไรกับเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่การเมืองล้มเหลวไม่เป็นท่า

จากที่กล่าวไว้ข้างต้น เศรษฐกิจที่เติบโตสูงถึง 253% มาจากปัจจัยอะไร และอะไรที่ทำให้เศรษฐกิจของอิตาลีเติบโตได้สูงกว่าอังกฤษ เมื่อทศวรรษ 50 ที่ผ่านมา เคล็ดลับก็คือ อะไรที่เป็นสินค้าราคาถูก และเป็นสินค้าที่ไม่ซับซ้อนนัก อิตาลีรับผลิตหมดทุกอย่าง เช่น รถขับเคลื่อนล้อหน้า เครื่องใช้ไฟฟ้า อย่างเช่น…เครื่องซักผ้าและตู้เย็น เนื่องจากค่าแรงมีราคาถูก

ปัจจุบัน สินค้าที่ถือเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลในด้านเศรษฐกิจของอิตาลีในช่วงเวลานี้ คือ สินค้าแฟชั่น, อุตสาหกรรมอาหาร ท่องเที่ยว และ ธุรกิจ SME เป็นต้น อุตสาหกรรมอาหารของอิตาลีนับเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่สร้างรายได้และชื่อเสียงให้กับอิตาลี โดยมียอดจำหน่ายต่อปีประมาณ 130 พันล้านยูโร มูลค่าการนำเข้า 20 พันล้านยูโร มีความแข็งแกร่งด้านการส่งออก โดยมีมูลค่าการส่งออกเกินดุลทุกปี ประมาณ 23 พันล้านยูโร

ขณะที่ การบริโภคภายในประเทศ มีประมาณ 200 พันล้านยูโร คนงานกว่า 6 พันคนอยู่ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง อุตสาหกรรมอาหาร นับเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อันดับที่สองของประเทศ รองจากวิศวกรรมเครื่องกลโลหะและอุตสาหกรรมอาหารของอิตาลีเป็นอันดับสามในยุโรป รองจากอุตสาหกรรมอาหารของเยอรมันและฝรั่งเศส

อิตาลีจึงเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของ Soft Power มาช้านาน อุตสาหกรรมอาหารของประเทศอิตาลีนั้นแข็งแกร่งมาก โดยที่เราเองก็เติบโตมากับสิ่งต่างๆ รอบตัวที่มีเกี่ยวข้องกับอิตาลี อย่าง น้ำมันมะกอก สปาเก็ตตี้ พิซซ่า คาโบนาร่า ที่มีการส่งออกน้ำมันมะกอกที่เติบโตขึ้นทุกปี ทั้งยังปลูกองุ่นเพื่อทำไวน์เป็นพืชหลัก

แฟชั่น ก็เป็นอีกหนึ่งธงนำ ในยุคเศรษฐกิจสหรัฐอเมริการุ่งเรือง หากจะมีใครสักคนที่สามารถส่งสินค้าไปขายให้กับอเมริกาได้ก็คงเป็น กุชชี่ ตอนนั้นยังเป็นบริษัทผลิตเครื่องหนังที่ไม่ใหญ่มากนัก แต่คนอเมริกันก็เป็นกลุ่มแรกๆ ที่รู้จัก ถือเป็นแบรนที่เปิดประตูสู่สินค้าของชาวอิตาเลี่ยนในสหรัฐและแบรนด์สัญชาติอิตาลีอีกมากมาย ทั้ง วาเลนติโน ปราดา เฟนดิ จิออจิโออามานี และอื่น ๆ ก็ตามาจนเป็นที่รู้จักของชาวโลก

หากจะบอกว่าด้านแฟชั่น อิตาลีครองอันดับ 1 ในการผลิต 3 ด้าน คือ อุตสาหกรรมเสื้อผ้า เครื่องหนัง และสิ่งทอ ก็คงไม่ผิดนัก

ในด้าน การท่องเที่ยว อิตาลีเป็นประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของกลุ่มยูโรโซน เป็นปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่น จีน อเมริกา และออสเตรเลีย อิตาลีมีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เนื่องจากเป็นต้นกำเนิดอาณาจักรโรมันและยุครุ่งเรืองทางศิลปะ ในปี 2021 อิตาลีมีแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกมากที่สุด 58 แห่ง ในจำนวนนี้ 53 แห่งเป็นแหล่งวัฒนธรรม

จากการท่องเที่ยวบูมจึงทำให้ธุรกิจแบ่งห้องให้เช่า แอร์บีแอนด์บี. เป็นหนึ่งในธุรกิจที่เฟื่องฟูมากในอิตาลี ในปี2017 แอร์บีแอนด์บี สร้างรายได้มากถึง 2.6 พันล้านเหรียญ และในปี 2020 ราว 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ไม่น่าแปลกใจอะไร จากข้อมูลนักท่องเที่ยวจะเห็นว่า อิตาลีถือเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับ 5 ของโลก รองจาก ฝรั่งเศส สเปน สหรัฐอเมริกา และจีน ในปี 2017 มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวอิตาลี 58.3 ล้านคน ทำรายได้เข้าประเทศ 44.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และในปีเดียวกันมีนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวทั่วโลก 150 ล้านคน และเดินทางไปอิตาลีในอัตราที่เติบโตขึ้นถึง 82% ทำให้สินค้าหรูแบรนด์ดังอย่าง หลุย วิตตอง ทิฟฟานี แอนด์ โค เติบโตแบบพรวดพราด

อันที่จริงนอกจากการเมืองจะคล้ายกับไทยแล้ว ในทางเศรษฐกิจ ไทยเราก็ไม่แพ้อิตาลี ไม่ว่าท่องเที่ยวอาหาร แต่อาจจะสู้ไม่ได้ในเรื่องแฟชั่นและ SME แต่ที่สังเกต “องค์กรปกครองท้องถิ่น” เขาเข้มแข็งมีอำนาจในการตัดสินใจอย่างมาก

………………………..

คอลัมน์ : เศรษฐศาสตร์ข้างทาง

โดย “ทวี มีเงิน”

สนับสนุนคอลัมน์ โดย :   บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img