วันอังคาร, ตุลาคม 8, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSเชื้อร้าย!!! ...“ทุจริตคอร์รัปชัน” ต้นตอ“โศกนาฏกรรม”ซ้ำซาก
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เชื้อร้าย!!! …“ทุจริตคอร์รัปชัน” ต้นตอ“โศกนาฏกรรม”ซ้ำซาก

เหตุการณ์ รถบัสทัศนศึกษา ที่โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จังหวัดอุทัยธานี ว่าจ้างรถที่ไม่ได้มาตรฐานมาใช้ จนเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ขึ้นบริเวณหน้าอนุสรณ์สถาน ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา จนทำให้นักเรียนและครูต้องเสียชีวิต รวม 23 รายและบาดเจ็บหลายรายเป็น “โศกนาฏกรรม” ที่รุนแรงอีกครั้งหนึ่ง

เหตุการณ์โศกนาฏกรรมในบ้านเรา เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่เคยมีบทเรียน หาทางป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำซาก ครั้งนี้เป็นอีกครั้ง ที่ต้องสังเวยชีวิตคนจำนวนมากและคงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย หากไม่รู้ปัญหาและไม่แก้ที่ต้นตออย่างเอาจริงเอาจัง

ปฏิเสธไม่ได้ว่า รากลึกของปัญหาจริงๆ ไม่ใช่แค่ประมาทเลินเล่อ แต่เป็นผลพวงมาจาก “การทุจริตคอร์รัปชัน” ของ “คนในแวดวงข้าราชการที่เกี่ยวข้อง” ร่วมมือกับ “นายทุนที่เห็นแก่ตัว” ปล่อยปละละเลย ไม่เอาจริงเอาจังกับการบังคับใช้กฏหมาย

ก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรม หลายๆเหตุการณ์ มีผู้เสียชีวิตนับร้อยๆคน ล้วนมีที่มาจากความบกพร่องในการบังคับใช้กฏหมาย อันเป็นผลมาจากการทุจริตคอร์รัปชันของข้าราชการที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น

หลายคงยังคงจำเหตุการณ์เมื่อสามสิบปีก่อน เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานตุ๊กตาเคเดอร์ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2533 ภายในอาคารเต็มไปด้วยเศษผ้าซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี หลังจากเกิดเพลิงไหม้ไปเพียง 15 นาที อาคารถล่มลงมาอย่างรวดเร็ว ทำให้มีผู้เสียชีวิต189 คน จากการตรวจสอบพบว่า ภายในโรงงานไม่มีการติดตั้งสัญญาณเตือนภัย ทางออกมีไม่พอ ทางหนีไฟก็ไม่ได้มาตรฐาน

ต่อมาในปี 2536 โรงแรมรอยัลพลาซ่า จังหวัดนครราชสีมาพังถล่มลงมา สาเหตุตึกถล่มเกิดจากการต่อเติมอาคารที่ผิดหลักการก่อสร้าง โดยมีการต่อเติมอาคารจากเดิมที่มี 3 ชั้น เพิ่มเป็น 6 ชั้น จนเสาเดิมรับน้ำหนักมากเกินไปเหตุการณ์ตึกถล่มทำให้มีผู้เสียชีวิต 135 คน

กรณีเพลิงไหม้ที่ซานติก้าผับ ปี 2551 เป็นคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ระหว่างการนับถอยหลังสู่วันใหม่ มีการจุดพลุไฟเกิดการลุกไหม้ แล้วลุกลามอย่างรวดเร็ว นักท่องเที่ยวแตกตื่น เบียดเสียดกันไปยังทางออกซึ่่งมีเพียงทางเดียวจนเหยียบกันตายมีผู้เสียชีวิต 66 คน

เมื่อสองปีที่แล้วมี เหตุการณ์เพลิงไหม้สถานบันเทิง “เมาน์เทนบี” จ.ชลบุรี ซ้ำรอยโศกนาฏกรรมซานติก้าผับ เสียชีวิต 14 คน แต่จากการตรวจสอบพบว่า หลังจากการขออนุญาตแล้ว ได้ดัดแปลงสถานที่เป็นแบบปิด ทางหนีไฟยังมีปัญหาอยู่ และไม่มีทางเข้า-ออกของผู้มาใช้บริการ พบเพียงการใช้ประตูด้านหน้าช่องทางเดียว

จะเห็นว่า กรณี “ไฟไหม้โรงงานตุ๊กตา-โรงแรมถล่ม-ไฟไหม้ผับ” จนมีคนเสียชีวิตมากมาย ทั้งหมดเกิดจาก “เจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง” ปล่อยปละละเลยไม่เข้มงวดจริงจังกับการออกแบบอาคารสถานที่ให้ถูกต้องตามกฏระเบียบกำหนด

มีอีกหลายเหตุการณ์ที่เกิดจากความหย่อนยานในการบังคับใช้กฏหมาย เช่น รถแก๊สระเบิดกลางถนนเพชรบุรี เรือโป๊ะล่มท่าพรานนก นักเรียนที่รอเรือมารับต้องเสียเสียชีวิตจำนวนมาก กรณีไฟไหม้โรงแรมแห่งหนึ่งที่พัทยามีคนตายนับร้อยจากถังแก๊สระเบิด เป็นต้น

กรณีรถบัสนักเรียนที่มาทัศนศึกษาเกิดเหตุการณ์ไฟลุกไหม้ จะเห็นว่ารถบัสคันดังกล่าว เป็นรถเก่า เป็นรถเสื่อมสภาพจดทะเบียนตั้งแต่ปี 2513 มีอายุใช้งานมาแล้ว 54 ปี แต่เจ้าหน้าที่รัฐยังปล่อยให้ดัดแปลงรถเพื่อนำมาใช้บริการรับส่งผู้โดยสาร ภายในตัวรถมีถังแก๊สจำนวน 11 ถัง จดทะเบียนถูกต้อง 6 ถัง อีก 5 ถัง ไม่อยู่ในรายการจดแจ้งกับเจ้าหน้าที่ และมีการปลอมเอกสารรับรองถังแก๊สให้ทำรถติดแก๊ส รวมถึงใช้ถังเสื่อมคุณภาพ

โศกนาฏกรรมแต่ละครั้งที่ผ่านมา ได้สะท้อนให้เห็นถึงอันตรายจากการทุจริตคอร์รัปชันในระบบราชการ ยิ่งน่าตกใจ รายงานจากข้อมูลจาก องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ปีล่าสุด ระบุว่า เฉพาะกรณีทุจริตในวงราชการ เช่น มีการเรียกรับส่วย แป๊ะเจี๊ยะ ค่าวิ่งเต้นล้มคดี ฯลฯ โดยแบ่งเป็น “สินบนและส่วยจากเศรษฐกิจนอกระบบ” เช่น หวย ซ่องโสเภณี การค้าอาวุธ แรงงานเถื่อน ยาเสพติด และบ่อน ธุรกิจมืดเหล่านี้มีมูลค่ามหาศาลถึง 8-13% ของจีดีพี หรือราวๆ 1.7 ล้านล้านบาทต่อปี คิดคร่าวๆ ว่ามีการจ่ายส่วยสินบนให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับจากต้นทางถึงปลายทางแค่ 5% จะเป็นเงินมากถึง 8.5 หมื่นล้านบาทต่อปี

ส่วน “สินบนที่ชาวบ้านต้องจ่าย” เมื่อไปติดต่อราชการ อาจเป็นเพราะโดนเจ้าหน้าที่รัฐรีดไถหรือจ่ายใต้โต๊ะด้วยความเต็มใจเพื่อแลกกับความสะดวกในการทำธุรกรรม องค์การต่อต้านการคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ประเมินไว้ มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว

ขณะเดียวกัน “สินบนและส่วยจากภาคธุรกิจเอกชนต้องจ่าย” เช่น ส่วยรถบรรทุก รถตู้ รถทัวร์ สถานบันเทิง หรือสินบนเพื่อให้ได้ใบอนุญาตอนุมัติจากราชการ เช่น ขออนุญาตต่อเติม-สร้างบ้าน เปิดธุรกิจร้านค้า โรงงาน สถานบันเทิง โรงแรม อพาร์ตเมนต์ ซูเปอร์มาร์เก็ต การส่งออก-นำเข้าสินค้า ฯลฯ ซึ่งอาจจ่ายเพราะกระทำผิดหรือโดนเจ้าหน้าที่รัฐกลั่นแกล้ง เช่น การจ่ายให้กับตำรวจจราจร เทศกิจ กรณีนายจ้างหรือแรงงานต่างด้าวต้องจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่แรงงานหรือตำรวจ เงินประเภทนี้คาดว่ากว่า 1 แสนล้านบาท

หากรวมเม็ดเงินจากการทุจริตคอร์รัปชัน ในภาครัฐทั้งหมดตกราวๆ 5 แสนล้านบาทต่อปี ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในวงราชการและแวดวงการเมือง จึงเป็นเชื้อร้ายทำลายการพัฒนาประเทศในทุกๆ ด้าน ทั้งทรัพย์สินและเศรษฐกิจของชาติ

เหนือสิ่งอืนใดได้ทำลายชีวิตผู้บริสุทธิ์มาแล้วนับร้อยนับพันคน และเชื่อว่าจะไม่จบแค่นี้ ตราบใดที่ไม่มีใครเอาจริงเอาจังในการ “ขจัดเชื้อร้าย” นี้

……………

คอลัมน์ : เศรษฐศาสตร์ข้างทาง

โดย…“ทวี มีเงิน”

สนับสนุนคอลัมน์ โดย :   บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img