ในทางการเมืองน่าสนใจมากว่า ทิศทาง “พรรครวมไทยสร้างชาติ” (รทสช.) หลังเสร็จสิ้นงาน “รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ” ที่จะมีการเปิดตัว การสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในวันที่ 9 ม.ค.ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์แล้ว การขยับของ รทสช.ที่มี “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์” เป็นว่าที่แคนดิเดตนายกฯ จะขับเคลื่อนต่อไปอย่างไร ก่อนเข้าสู่ศึกเลือกตั้ง 2566 ท่ามกลางเสียงปรามาสทางการเมืองว่า รทสช.จะได้ส.ส.เกิน 25 คน พอที่จะเสนอชือ่แคนดิเดตนายกฯได้หรือไม่ !!!!
ท่ามกลางกระแสข่าวในแวดวงการเมืองเวลานี้ว่า รทสช.มี “คลื่นใต้น้ำ” กำลังรอการก่อตัวขึ้นภายในพรรค ที่หาก “บิ๊กตู่” ไม่บริหารจัดการดีๆ อาจทำให้องคาพยพ รทสช.ซวนเซ จน รทสช. ไปไม่ถึงฝั่งฝัน อย่างที่แกนนำพรรครทสช.เคยปักธงไว้ว่า ขั้นต่ำพรรคต้องได้ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 50-60 ที่นั่ง…ก็เป็นไปได้
เพราะตอนนี้ เริ่มมีกระแสข่าวในแวดวงการเมืองจากการพูดต่อๆ กันไปในกลุ่มส.ส.ที่รัฐสภา ที่มาร่วมประชุมสภาฯกันเมื่อสัปดาห์แรกของเดือนม.ค.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะกับบรรดาส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ทั้งพรรคพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ และพรรคเล็ก ที่จะไปร่วมงานกับ รทสช. ทำนองว่า การบริหารจัดการภายใน รทสช. ยังไม่เป็นระบบ
และที่สำคัญ กลุ่มแกนนำ-กรรมการบริหารพรรคยุคปัจจุบันที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคมาแต่แรก ไม่เปิดใจ-เปิดพื้นที่ให้กับกลุ่มก้อนการเมืองที่กำลังจะเข้ามาที่รทสช.หลังจากการเปิดตัวของบิ๊กตู่ 9 ม.ค.นี้
ไม่ว่าจะเป็นกระแสข่าว แกนนำรทสช.สาย “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรค และ “เอกนัฎ พร้อมพันธุ์” เลขาธิการพรรค ยืนกรานว่าจะไม่ยอมเปิดทางให้ “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน จากพลังประชารัฐ ที่กำลังจะพาส.ส.ปัจจุบันและอดีตส.ส.ที่ไปติดต่อมาให้ย้ายมารทสช. ร่วม 15-20 คน ได้มีตำแหน่ง เลขาธิการพรรครทสช. อย่างที่กลุ่มเสี่ยเฮ้ง-สุชาติ ต้องการ
โดยมีข่าวว่า ฝ่ายพีระพันธุ์ บอกกับคนในกลุ่มสุชาติว่า ต้องการให้เอกนัฎ เป็นเลขาธิการพรรค รทสช.ต่อไป จนถึงการเลือกตั้ง จากนั้นหลังเลือกตั้งค่อยมาคุยกันใหม่ ว่าจะปรับตำแหน่งในพรรคอย่างไร เพราะไม่เห็นด้วยที่สุชาติ เข้ามาพรรคแล้วจะมีตำแหน่งเลขาธิการพรรคทันที
ข่าวว่าเบื้องต้นกลุ่มพีระพันธุ์ ต้องการยืนยันเช่นนี้และต้องการให้ “สุชาติ” มีตำแหน่งเป็น รองหัวหน้าพรรค รทสช. ควบกับตำแหน่งในการเลือกตั้งเช่น ผอ.เลือกตั้งพรรค รทสช. หรือประธานคณะกรรมการเตรียมการเลือกตั้งของพรรค รทสช.หรือประธานคณะกรรมกาสรรหาผู้สมัครส.ส.ของพรร ครทสช. ที่กลุ่มพีระพันธุ์ เห็นว่า แค่นี้ก็ถือว่าให้เกียรติกับ “สุชาติ” มากพอแล้ว ที่ก็ต้องดูว่า หากเป็นแบบนี้ “สุชาติ” จะพอใจหรือไม่
นอกจากนี้ยังมีกรณีของ “แรมโบ้-เสกสกล อัตถาวงศ์” ที่เป็นคนที่สั่งให้ทีมงานตัวเองไปยื่นขอจดทะเบียนใช้ชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานกกต.และเป็นคนเริ่มเปิดตัว ทำพรรค รทสช.ตั้งแต่แรกๆ เพื่อรอ “บิ๊กตู่” แต่ต่อมา มีข่าวว่าไปไม่ได้กับกลุ่มพีระพันธุ์ เลยลาออกไปตั้ง “พรรคเทิดไท” เข้าไปเป็นหัวหน้าพรรค แต่พอ “บิ๊กตู่” ประกาศไปร่วมงาน รสทช. ตัว “แรมโบ้” ก็ลาออกจากเทิดไททันที ตามคำชวนของ “บิ๊กตู่” ที่ขอให้ไปช่วยงานที่พรรค รทสช.
แต่มีข่าวว่า ฝายกลุ่มแรมโบ้-เสกสกล ที่ต้องการดูแลพื้นที่เลือกตั้งภาคอีสานให้กับพรรค แต่ปรากฏว่าจนถึงขณะนี้กลุ่มพีระพันธุ์ยังไม่ส่งสัญญาณใดๆ ออกมา ว่าจะหนุนหรือไม่ เพราะดูเหมือนต้องการให้ “วิทยา แก้วภราดัย” กรรมการบริหารพรรค รทสช. รับผิดชอบภาคอีสานอย่างที่วางไว้แต่แรก
จนมีข่าวว่า ทำให้กลุ่มแรมโบ้และนักการเมืองสายภาคอีสานที่สนใจจะมาร่วมงานกับ รทสช. ไม่เห็นด้วยเพราะ “วิทยา” เป็นคนใต้ เป็นส.ส.นครศรีธรรมราชหลายสมัย ไม่ใช่คนอีสาน การให้มาดูแลภาคอีสานตอนเลือกตั้ง จึงเป็นการเอาคนไม่รู้จักพื้นที่มาทำงาน เพราะลำพังแค่ที่นครศรีธรรมราช ตัว “วิทยา” ที่จะสไลด์ไปลงปาร์ตี้ลิสต์แล้วส่งลูกชายลงส.ส.เขต ก็หนักหนาอยู่แล้ว ยังไม่รู้ว่าลูกชายจะชนะเลือกตั้งที่นครศรีธรรมราชได้หรือไม่ ทำให้เลยเริ่มเกิดกระแสต้องการให้เปลี่ยนตัว หัวหน้าทีมภาคอีสานของ รทสช. เป็นคนอื่น ไม่ใช่ “วิทยา” เช่นตัวแรมโบ้ เป็นต้น แต่เรื่องนี้ กลุ่มพีระพันธุ์ยังไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกมา ทำให้เริ่มเกิดกระความอึดอัดคับข้องใจสำหรับคนที่จะย้ายมา รทสช.เกิดขึ้นแล้ว
โดยปัญหาลักษณะนี้ยังเกิดขึ้นอีกที่ “ภาคเหนือ” เพราะตอนนี้ รทสช.ก็ยังหาคนรับผิดชอบพื้นที่ไม่ได้ เพราะอย่าง “เสธหิ-หิมาลัย ผิวพรรณ” อดีตนายทหารนอกราชการ ที่มาช่วยงาน “บิ๊กตู่” ที่รทสช.ก็แค่รับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง อย่าง พิจิตร-นครสวรรค์-พิษณุโลกเท่านั้น ไม่ได้ขยายไปถึงภาคเหนือตอนบน แต่ก็มีข่าวว่า “เสี่ยติ่ง-สัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์” จากพรรคพลเมืองไทย อดีตส.ส.เชียงราย ที่มีส.ส.หนึ่งคนในสภาฯคือ “ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์” ลูกสาว ที่เป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ก็จะมาที่ รทสช. โดยจะให้ลูกสาวลงสมัครส.ส.กทม.เขตฝั่งธนบุรี ในนามพรรค รทสช. และข่าวว่า “เสี่ยติ่ง” จะขอมีบทบาทช่วยหาผู้สมัครส.ส.ภาคเหนือตอนบน ให้กับพรรคด้วย โดยได้มีการไปทาบทาม อดีตส.ส.ภาคเหนือ-นักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ให้มาสมัครส.ส. เขตในนามพรรค รทสช.
กระนั้นข่าวว่า คนในพรรค รทสช. ไม่ค่อยให้ราคามากนัก อาจเพราะมองว่า “เสี่ยติ่ง” ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เชียงรายและภาคเหนือตอนบน นานหลายสิบปีแล้ว ไม่มีฐานเสียง และผู้สมัครที่ไปทาบทามมา ก็เป็นพวกเกรดซี ที่ยังไงก็สู้พรรคที่แข็งแรงกว่าอย่าง “เพื่อไทย” หรือกลุ่มของ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” ที่จะกลับมาพลังประชารัฐไม่ได้ แม้ “เสี่ยติ่ง” บอกว่าถึงอาจสอบตก แต่ก็น่าจะพอทำคะแนนในบัตรปาร์ตี้ลิสต์ให้ได้จำนวนหนึ่งก็ตาม
และยังมีกรณีของ “ชัชวาลล์ คงอุดม” หรือ “ชัช เตาปูน” ที่ลาออกจากสส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคพลังท้องถิ่นไท มาที่ รทสช. ก็มีข่าวว่าจนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่ได้รับความชัดเจนจากพล.อ.ประยุทธ์และคนในพรรค รทสช.ว่าจะให้มีบทบาทในพรรคอย่างไร และหากจะนำส.ส.พลังท้องถิ่นไท 4-5 คนมาที่ รทสช.ด้วย พรรคจะการันตีบทบาทและการส่งลงปาร์ตี้ลิสต์ในอันดับพอลุ้นได้เป็นส.ส.ให้หรือไม่ เพราะตอนนี้ คนในพรรคพลังท้องถิ่นไท หลัง “ชัช เตาปูน” ไม่อยู่ ก็กำลังระส่ำพอสมควร ต้องการย้ายมาที่ รทสช.ด้วยทั้งหมด แต่ยังไม่ได้รับสัญญาณว่ามาแล้ว จะให้พื้นที่-ส่งลงเลือกตั้งแบบไหน
จากสิ่งที่เกิดขึ้นข้างต้น แสดงให้เห็นว่า การบริหารจัดการภายในพรรครทสช.ส่วนใหญ่ “กลุ่มพีระพันธุ์-เอกนัฎ” ยังคงคุมไว้หมด
จุดหนึ่งที่พอเข้าใจได้ถึงการที่กลุ่มพีระพันธุ์ ต้องการคุมทิศทางพรรคไว้ทั้งหมดก่อนตอนนี้ ก็เพื่อรอให้ “บิ๊กตู่” เดินเข้าพรรคอย่างเป็นทางการ 9 ม.ค.หลังจากนั้น ถึงอาจจะมีการปรับทัพกันครั้งใหญ่ก่อนเลือกตั้ง ด้วยการเรียกประชุมใหญ่พรรค เพื่อปรับโครงสร้างพรรค แต่งตั้งคนที่จะมาร่วมงานกับพรรค รทสช.ให้มีตำแหน่งต่างๆ ในพรรค และแบ่งงานการดูแลพื้นที่เลือกตั้งของพรรคในภาคต่างๆ ให้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการตั้ง “บอร์ดกรรมการบริหารพรรค” ที่มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆของพรรค ที่จะให้ “บิ๊กตู่” เป็นประธานบอร์ด และอาจจะให้ “บิ๊กตู่” มีตำแหน่งอื่นในพรรคด้วย เช่น ประธานพรรค หรือประธานที่ปรึกษาพรรค
น่าจับตาว่า พรรค รทสช.หลัง พล.อ.ประยุทธ์เดินเข้าพรรคอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ 9 ม.ค. พรรคการเมืองพรรคนี้จะมีทิศทางอย่างไร
โดยคาดว่า หลายเรื่องที่อาจมีปัญหากันภายในพรรคระหว่าง กลุ่มการเมืองต่างๆ เมื่อเข้ามาที่รทสช.อย่างเป็นทางการแล้ว และหาข้อยุติไม่ได้ คงต้องให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนชี้ขาดคนสุดท้าย…แน่นอน
……………………………….
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย “พระจันทร์เสี้ยว”