วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 24, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSจับตา...“พรรคชาติไทยพัฒนา-วราวุธ” ปรับทัพ-เสริมแกร่ง-ลุยสู้ศึกเลือกตั้ง!!
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

จับตา…“พรรคชาติไทยพัฒนา-วราวุธ” ปรับทัพ-เสริมแกร่ง-ลุยสู้ศึกเลือกตั้ง!!

“พรรคชาติไทยพัฒนา” คืออีกหนึ่งพรรคการเมืองที่ปรับทัพ เพื่อเข้าสู่ศึกเลือกตั้ง 14 พ.ค.66 เห็นได้จากผลการประชุมใหญ่สามัญของพรรคเมื่อวันศุกร์ที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่มีการผลักดันให้ คนที่เข้าร่วมงานกับพรรคในการเลือกตั้งรอบนี้ ที่เป็นระดับคีย์แมน มีตำแหน่งสำคัญเป็นรองหัวหน้าพรรค

นั่นก็คือ “ชาติชาย พยุหนาวีชัย-กนก วงษ์ตระหง่าน-สันติ กีระนันทน์” โดยทั้งสามคน ที่เข้ามาร่วมงานกับพรรคชาติไทยพัฒนา ภายใต้การนำของ “วราวุธ ศิลปอาชา” รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯและหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ทำให้พรรคชาติไทยพัฒนา แข็งแกร่งมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนกลายเป็นพรรคที่ถูกจับตามองไม่น้อยในการเลือกตั้งรอบนี้

เพราะทั้งสามคนที่มาร่วมงานกับชาติไทยพัฒนา ต้องบอกเลยว่า โปร์ไฟล์-ดีกรีการทำงานก่อนหน้านี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง อย่าง “ดร.ชาติชาย” ก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการการเงินและธนาคาร วงการธุรกิจมาก่อน เพราะผ่านตำแหน่งสำคัญๆ ในองค์กรขนาดใหญ่ด้านการเงินและการธนาคารหลายแห่ง อาทิ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน, รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย-ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)-กรรมการ บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

จนมีข่าวว่า หลังพ้นจากตำแหน่ง “ผอ.ธนาคารออมสิน” ได้ไม่กี่วัน ก็มีหลายพรรคการเมืองต่างเข้าทาบทามให้มาเป็นทีมเศรษฐกิจของพรรคกันจำนวนมาก เช่น พรรคพลังประชารัฐ ก็มีข่าวว่า “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ทาบทามให้มาร่วมงาน เพื่อเป็นหัวเรือใหญ่ทีมเศรษฐกิจพลังประชารัฐ เพราะเห็นฝีมือการทำงานที่ทำให้ธนาคารออมสิน กลายเป็นธนาคารของรัฐที่มีส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในโอกาสต่างๆ

แต่สุดท้าย “อดีตผอ.ธนาคารออมสิน” ก็เลือกที่จะมาร่วมงานกับ “ชาติไทยพัฒนา” เพราะประทับใจ ความอบอุ่น การให้เกียรติการทำงานของชาติไทยพัฒนา รวมถึงมองเห็นศักยภาพการเติบโตของชาติไทยพัฒนา ว่าจะเป็นพรรคการเมืองที่รอวันเติบใหญ่ในอนาคตได้ จึงมาร่วมงานกับชาติไทยพัฒนา แบบแวดวงการเมืองคาดไม่ถึง เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่า นอกจากพลังประชารัฐแล้ว “เพื่อไทย-รวมไทยสร้างชาติ-ประชาธิปัตย์” ก็ตามจีบอยู่

กนก วงษ์ตระหง่าน-นิกร จำนง

ส่วน “ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน” ก็เช่นกัน ถือเป็นนักการเมือง นักวิชาการที่มีชื่อเสียงอย่างมาก เพราะมีประสบการณ์ในการเมือง และวงการวิชาการมากมาย เช่นเป็นอดีตส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคประชาธิปัตย์, อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, อดีตอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ, อดีตรองปลัดทบวงมหาวิทยาลัย ขณะที่โปร์ไฟล์ด้านวงการธุรกิจและวงการบริหารก็ไม่ธรรมดา เช่น อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด-อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน-อดีตประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เป็นต้น

เช่นเดียวกับ “สันติ กีระนันทน์” ก็ผ่านงานการเมืองและวงการการเงิน ตลาดทุน มาอย่างโชกโชน เช่น เป็นอดีตส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคพลังประชารัฐ-อดีตกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม-อดีตคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐ-อดีตรองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย-อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด-อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เป็นต้น

การที่ “ชาติไทยพัฒนา” ได้ทั้ง “ชาติชาย-กนก-สันติ” เข้ามาเสริมทีมครั้งนี้ ทำให้ “ภาพลักษณ์-อิมเมจการเมือง” ของชาติไทยพัฒนา ดู WOW ขึ้นมาทันตาเห็น

เรียกได้ว่า เป็นการ “รีแบนด์พรรคทางการเมือง” ที่น่าสนใจ เพราะทำให้จากก่อนหน้านี้ ที่คนอาจมองว่า “ชาติไทยพัฒนา” เป็นพรรคแนวภูธร แต่พอทั้งสามคนมาช่วยเสริมทีม ก็ทำให้พรรคชาติไทยพัฒนา กลายเป็นพรรคที่มีเทคโนแครต มืออาชีพด้านต่างๆ มาช่วยงาน ทำให้ภาพดูดีขึ้น เป็นพรรคที่เปิดกว้างทางการเมือง สามารถตอบโจทย์ชนชั้นกลางในเมือง อย่างเห็นได้ชัด ทั้งหมด เกิดขึ้นโดยไม่ต้องใช้กลยุทธ์การสื่อสารทางการตลาดแต่อย่างใด

พรรคชาจิไทยพัฒนา

การให้บทบาททั้งสามคนในพรรค ทั้งการให้มาช่วยคิดเรื่องนโยบายพรรค การสื่อสารทางการเมือง กลยุทธ์การหาเสียง รวมถึงการให้มีบทบาทในพรรคในฐานะ รองหัวหน้าพรรค และการให้ทั้งสามคน อยู่ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคลำดับต้น ๆที่เรียงแล้วดังนี้

1.วราวุธ ศิลปอาชา

2.ชาติชาย พยุหนาวีชัย

3.นิกร จำนง

4.นันทพร ดำรงพงศ์

5.กนก วงษ์ตระหง่าน

6.สันติ กีระนันทน์

7.นิติวัฒน์ จันทร์สว่าง

8.ทัศน์ลักษณ์ ปัตตพงศ์ภัช

9.สุจิตรา ทรงมัจฉา

10.พัชรี โพธสุธน

ที่ดูแล้ว น่าจะพอการันตี การได้เข้าเป็นส.ส.หลังเลือกตั้ง ของทั้งสามคนได้ระดับหนึ่ง

แวดวงการเมือง จึงมองว่า เป็นก้าวย่างที่ไม่ธรรมดาของ “ชาติไทยพัฒนา” และ “วราวุธ” กับการลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ที่เน้นสู้แบบเน้นๆ ส่งคนลงเลือกตั้งในเขตที่หวังผล-หวังคะแนน ไม่ใช่สักแต่ว่า ส่งให้มาก ส่งให้ครบ ทั้งที่รู้ว่าส่งไปก็ไม่มีโอกาสลุ้น แต่ “ชาติไทยพัฒนา” เลือกที่จะส่งไม่เยอะ ไม่จำเป็นต้องส่งให้ครบ 400 เขต 400 คน แต่เลือกที่จะส่งแค่ 26 จังหวัด 50 เขต และส่งผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จำนวน 89 คน แต่เป็นการส่งแบบหวังผลทางการเมือง

“เรามั่นใจว่า จะได้ ส.ส.แบบแบ่งเขตได้มากกว่าครึ่งของจำนวนที่ส่งคือ 25 คน เพื่อให้ได้สิทธิในการเสนอชื่อหัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกฯ ขณะที่ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคคำนวณแล้วว่า จะได้คะแนน 1.5-2 ล้านคะแนน หรือได้ 7-10 คน แต่ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า พรรคจะได้ถึง 2 ล้านคะแนน ประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนาระบุ

โดยนอกจากในพื้นที่ภาคกลาง ที่ชาติไทยพัฒนาหวังลุ้น เก้าอี้ส.ส.เขตแล้ว บางจังหวัดในภาคต่างๆ ทางพรรคก็หวังไว้เช่นกัน เช่นที่ภาคอีสาน แม้กระแส “แลนด์สไลด์เพื่อไทย” จะแรง แต่ “ชาติไทยพัฒนา” ก็หวังไว้ที่ “ร้อยเอ็ด” กับทีมของ “อนุรักษ์ จุรีมาศ” อดีตรมช.เกษตรฯ ซึ่งเลือกตั้งรอบที่แล้วปี 2562 “อนุรักษ์” ก็ยังเอาชนะ “เพื่อไทย” คือ “วราวงษ์ พันธุ์ศิลา” มาได้แบบขาดลอย และรอบนี้ก็หวังไว้อย่างน้อย 2 เก้าอี้ที่ร้อยเอ็ด รวมถึงอีกบางจังหวัดในภาคอีสาน เช่น ยโสธร เป็นต้น

วราวุธ ศิลปอาชา

แม้เลือกตั้งรอบนี้ ผลที่ออกมา “ชาติไทยพัฒนา” อาจไม่ได้เป็นพรรคใหญ่ แต่ก็น่าจับตาสำหรับตัว “ผู้นำพรรค” อย่าง “วราวุธ” ในวัย 50 ปี ที่หลังจากนี้ จะมีประสบการณ์ทางการเมืองมากขึ้น เพราะผ่านการเป็นส.ส.มาแล้ว 4 สมัย และเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ก็จะเข้ามาเป็นสมัยที่ 5 ผ่านการเป็น “รัฐมนตรี” มาแล้ว 2 กระทรวงคือ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ และรมช.คมนาคม ที่สำคัญ “วราวุธ” เป็นคนที่เห็นและอยู่ในวงการการเมืองมาตั้งแต่เด็ก กับการเป็นลูกชายของ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” จึงทำให้รู้เรื่องกระบวนยุทธ์ทางการเมืองมาตั้งแต่เด็ก ตลอดจนรู้จักกับผู้คนในหลากหลายวงการ ทั้งวงการการเมือง ธุรกิจ ข้าราชการประจำ เรียกได้ว่า เป็นคนกว้างขวาง มากคอนเน็กชั่น  

ขณะที่โปร์ไฟล์การศึกษา ก็ดีเยี่ยม ปริญญาตรี B.Eng. (Mechanical Engineering) มหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน (UCL) ประเทศอังกฤษ และระดับปริญญาโท MBA in Finance and Banking มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน แมดิสัน ประเทศสหรัฐอเมริกา

ทำให้ในอนาคตอีกหลายปีต่อจากนี้ “วราวุธ” ก็จะก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ที่พร้อมด้วย “วัยวุฒิ-คุณวุฒิ” ผนวกกับ “ชาติไทยพัฒนา” เดินการเมืองแบบ “ทางสายกลาง-ไม่ก้าวร้าว-ไม่สุดโต่ง-ไม่เป็นศัตรูกับใคร” เข้ากับการเมืองได้ทุกขั้ว แม้แต่กับฝ่าย “เพื่อไทย”

จนทำให้มีการคาดหมายกันว่า หากสุดท้าย “เพื่อไทย” ชนะเลือกตั้ง “ชาติไทยพัฒนา” ก็จะเป็นอีกหนึ่งพรรคการเมือง ที่ “เพื่อไทย” จะดึงมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย และ “วราวุธ” ก็มีสิทธิ์กลับมาเป็นรัฐมนตรีอีกครั้ง

หรือหากเป็นกรณีพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน หลังเลือกตั้งรวมกันแล้ว ได้เสียงส.ส.เกิน 250 เสียง จนตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ก็ทำให้ “ชาติไทยพัฒนา” กลับมาเป็นรัฐบาลอีกรอบ และ “วราวุธ” จะกลับมาเป็นรัฐมนตรีอีกครั้ง เพื่อสะสมประสบการณ์ทางการเมืองของตัวเอง

เพื่อที่ในอนาคตข้างหน้า จะขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งหัวหน้าพรรคการเมือง ที่มีโอกาสท้าชิงเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรี” ก็เป็นได้

…………………………………………

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย “พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img