กลุ่มขั้วพรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาลที่มี “พรรคก้าวไกล” เป็นแกนนำ ซึ่งถึงตอนนี้มีทั้งสิ้น 313 เสียง ประกอบด้วย ก้าวไกล 152 เสียง-เพื่อไทย 141 เสียง-ประชาชาติ 9 เสียง-ไทยสร้างไทย 6 เสียง-เสรีรวมไทย 1 เสียง-เป็นธรรม 1 เสียง-เพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง-พลังสังคมใหม่ 1 เสียง
ส่วน “ชาติพัฒนากล้า” ของ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ-กรณ์ จาติกวณิช” ที่มีข่าวว่าจะนำสองเสียงมาร่วมโหวตสนับสนุน “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นนายกฯ ปรากฏว่า เจอแรงต้านอย่างหนักจาก “เอฟซี-แฟนคลับ พรรคก้าวไกล” ในโซเชียลมีเดีย ที่เรียกกันว่า “ด้อมส้ม” ที่ไม่ให้เอา “พรรคสุวัจน์-กรณ์” มาร่วมรัฐบาล จนแฮชแทก #มีกรณ์ไม่มีกู ติดอันดับ 1 ในเวลาอันรวดเร็ว
ที่สุด “พิธา-ก้าวไกล” เลือกที่จะ “เทชาติพัฒนากล้า” กลางอากาศ ด้วยการยุติการดึงเข้าร่วมรัฐบาลก้าวไกล เพราะดูแล้ว ขืนดึงเข้ามา จะได้ไม่คุ้มเสีย เพราะจะเสียฐานมวลชน-แฟนคลับพรรคก้าวไกล ไม่คุ้มกับ 2 เสียงของชาติพัฒนากล้า
ดีลนี้เลย “คุยเร็ว-จบเร็ว-เลิกเร็ว” ทำเอา “พรรคสุวัจน์-กรณ์” หน้าแตกเล็กๆ เพราะภาพที่ออกไป ก็คือ โดนลอยแพ
แบบนี้คงทำให้ บางพรรคการเมือง ที่คิดจะโหนกระแสพรรคส้ม หวังเอาเสียงส.ส.ไปหนุน “พิธา” เพื่อแลกกับการเป็นรัฐบาล โควต้ารัฐมนตรีอย่างที่มีกระเแสข่าว เช่น กลุ่มประชาธิปัตย์บางปีก ที่ลือกันว่า อยากขอโควต้ารัฐมนตรี เช่นกลุ่มสายใต้ในปีกของ “นายกฯชาย-เดชอิศม์ ขาวทอง” แกนนำพรรคประชาธิปัตย์สายสงขลาและมีข่าวว่า อาจจะได้เป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ที่มีข่าวลือกันหนาหูว่า คิดการใหญ่ จะเปิดดีลกับก้าวไกลด้วยการเอาส.ส.ของพรรค มาโหวตหนุนพิธาเป็นนายกฯ เพื่อแลกกับการเอาประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลในภายหลัง ไม่ต้องร่วมตอนนี้ก็ได้ โดยจะใช้วิธีอ้างหล่อๆ ว่า สนับสนุนพิธา เพราะได้คะแนนเสียงเยอะสุด มีส.ส.มากสุด ควรต้องได้เป็นนายกฯ จะได้ร่วมกันปิดสวิทช์ สว.
อย่างไรก็ดี เมื่อพวกประชาธิปัตย์ สายนายกฯชาย เห็นสิ่งที่ชาติพัฒนากล้า โดนก้าวไกลลอยแพแบบนี้ คงต้องคิดหนัก เพราะขืนทอดสะพานไป แต่แฟนคลับพรรคก้าวไกลไม่ให้เอาส.ส.ประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาล จนกดดันพรรค แล้วแกนนำก้าวไกล ลอยแพแบบชาติพัฒนากล้า มันก็เสี่ยงที่คนในปชป. หน้าแหก หมอไม่รับเย็บ
อีกทั้ง ก็มีข่าวว่า หลังมีกระแสข่าวทำนองนี้ออกไป ทำให้คนในประชาธิปัตย์บางส่วน ก็ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่า กลุ่มที่คิดเคลื่อนไหวทำนองดังกล่าว ออฟไซด์ เคลื่อนไหวเรื่องนี้โดยพลการ เพราะที่ผ่านมา คนในพรรคก็บอกมาตลอดตั้งแต่ตอนหาเสียงว่า ประชาธิปัตย์ไม่จับมือกับพรรคการเมืองที่จะแก้ไขมาตรา 112 ดังนั้นหากพรรคกลืนน้ำลายตัวเอง ก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์ประชาธิปัตย์ ที่โคม่าอยู่แล้ว ยิ่งทรุดหนักลงไปอีก จนยากจะฟื้นตัว
เว้นเสียแต่ จะใช้วิธีกำหนดท่าทีออกมาว่า ถ้าเสียงหนุนพิธา เป็นนายกฯไม่พอ เพราะสว.อาจไม่ร่วมโหวตให้ จนเสียงไม่ถึง 376 ประชาธิปัตย์ก็พร้อมลงมติสนับสนุน เพราะถือว่ารวมเสียงได้มากที่สุด แต่ประชาธิปัตย์ไม่ขอร่วมรัฐบาลด้วย จะขอทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ถ้าแบบนี้ คนในพรรคอาจจะยอมเอาด้วย
ที่มีข่าวว่า ก็มีคนในพรรคประชาธิปัตย์หลายคน เริ่มเห็นด้วยกับแนวทางนี้ไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่บอกว่า ขอรอดูสถานการณ์และขอให้เอาเรื่องนี้ ไปคุยกันในพรรคให้ตกผลึก จนออกเป็นมติพรรคออกมา
ซึ่งหาก “พิธาและก้าวไกล” ได้เสียงส.ส.ประชาธิปัตย์ที่มี 24 เสียง มาช่วยโหวตให้ทั้งหมด ก็ยิ่งทำให้ “พิธา” เกิดความมั่นใจมากขึ้น เพราะเท่ากับหาก 314 เสียง ที่เกาะกลุ่มกันตอนนี้ เข้าสภาฯมาได้หมด และไม่มีใครหรือพรรคไหน เบี้ยวตอนโหวตลงมติ แล้วมาได้เสียงจากประชาธิปัตย์อีก ก็เท่ากับฝ่ายพิธาและก้าวไกล ก็ขาดอีกแค่ยี่สิบกว่าเสียงเท่านั้น ก็จะถึง 376 แล้ว หากเกิดว่าประชาธิปัตย์มีมติให้โหวตหนุน “พิธา”
ล่าสุด “เดชอิศม์ ขาวทอง” ที่ข่าวว่าอยู่ระหว่างเดินทางไปพักผ่อนและติดต่อธุรกิจที่เวียดนามโพสต์เฟซบุ๊กว่า…
“พวกเราชาวประชาธิปัตย์ เป็นหนึ่งเดียวครับ 22+2= 24 คนครับ ส.ส.เขตทุกคนประชุมพูดคุยกันแล้วว่า เราเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น แต่วันนี้เรายังไม่ได้ปรึกษาหารือกันกับส.ส.บัญชีรายชื่อทั้ง 2 ท่าน คืออดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 2 ท่านคือ ท่านชวน หลีกภัย และท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ฉะนั้นข่าวว่า 16 คน แยกตัวออกไป “ไม่เป็นความจริง” ครับ พรรคประชาธิปัตย์ถึงแม้นว่าจำนวน ส.ส.จะเหลือน้อย แต่พรรคเรายังเป็นสถาบันทางการเมือง สุดท้ายอยู่ที่ “มติพรรค” ครับ ผมเชื่อว่าพวกเราชาวประชาธิปัตย์ ทุกคนเคารพมติพรรคครับ และทุกคนจะปฎิบัติตนตามมติพรรค แน่นอนครับ”
ทั้งนี้ ท่าทีของนายกฯชายดังกล่าว ก็เห็นชัด ไม่ได้ปฏิเสธว่า จะไม่ร่วมลงมติให้ “พิธา” แต่การจะลงมติหรือไม่ลงมติ ขอให้ออกมาเป็น “มติพรรค” ก็พร้อมจะปฏิบัติตาม แบบนี้เท่ากับ…ก็อาจเป็นไปได้ที่ “กลุ่มนายกฯชาย” อาจเคลื่อนไหว ให้ส.ส.ของพรรคปชป. ไปลงมติสนับสนุน “พิธา” โดยไม่ต้องไปเป็นพรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้ก็ได้ แต่อนาคต…อาจไม่แน่!
สุดท้ายแล้ว การเกิดขึ้นของ “รัฐบาลพิธา 1” สุดท้าย…จะสำเร็จหรือไม่ ถึงตอนนี้ดูแล้ว แม้แต่ “แกนนำก้าวไกล” ก็คงไม่มั่นใจเต็มร้อยสักเท่าไหร่ กับการฝ่าด่านสำคัญสองด่านที่รออยู่
ด่านแรก ก็คือ “เสียง สว.” ในการโหวตนายกฯ
โดยพบว่า หากจับกระแสของสภาสูงตอนนี้ ก็จะพบว่า “สว.หลายคน” เริ่มออกมาแสดงท่าที ว่าพร้อมสนับสนุนพิธา ให้เป็นนายกฯ ด้วยเหตุว่า เพราะก้าวไกลรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้เกิน 250 เสียง อีกทั้งก้าวไกลได้คะแนนเสียงมา 14 ล้านเสียง และเมื่อฝ่ายส.ส.เสียงส่วนใหญ่หนุนพิธา เป็นนายกฯ สว.ก็ไม่ควรฝืนกระแสดังกล่าว
และยิ่งหาก การแถลงเอ็มโอยูจัดตั้งรัฐบาล ของพรรคการเมืองขั้วรัฐบาล ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ มีความชัดเจนว่า ไม่มีการเอาเรื่อง 112 มาบรรจุไว้เป็นนโยบายรัฐบาล รวมถึงไม่มีการเอาเรื่องการออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีชุมนุมทางการเมืองมาเขียนไว้ในเอ็มโอยู โดยปล่อยให้ทั้งสองเรื่อง เป็นเรื่องของส.ส.และสภาฯไปพิจารณากันเอง มันก็อาจทำให้สว.หลายคน ที่เคยคิดจะตั้งป้อมสกัด “พิธา” นั่งนายกฯ ก็อาจเปลี่ยนใจ
หลังก่อนหน้านี้ มีการประเมินกันว่า เสียงสว.ที่จะหนุน “พิธา” ถึงตอนนี้ ยังมีแค่ 20-30 เสียงเท่านั้น แต่หาก พรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาลมีความชัดเจนเรื่อง ไม่แก้ 112 และ ไม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมือง รวมถึง “พิธา” มีความชัดเจนเรื่อง “นโยบายต่างประเทศ” ที่มีข่าวล่าสุดว่า “พิธา” อาจจะควบ “รมว.ต่างประเทศ” ไม่ใช่ควบ รมว.กลาโหม” ถ้า “พิธา” เป็นรมว.ต่างประเทศจริง สว.ก็อยากเห็นความชัดเจนว่า “พิธา” จะรักษาดุลยภาพด้านการต่างประเทศ ด้วยการไม่เอาใจหรืออิงสหรัฐฯมากเกินไป จนทำให้เสียสมดุลกับ “จีน-รัสเซีย”
โดยหาก “พิธาและก้าวไกล” ปลดล็อกทั้ง 3 เรื่องนี้ได้ ก็น่าจะทำให้อาจได้เสียงสว.มาหนุนเพิ่มขึ้น ส่วนจะไปถึงระดับเกิน 70 เสียง เพื่อความชัวร์ในการโหวตนายกฯหรือไม่ เอาไว้ใกล้ๆ วันโหวต คงได้มาประเมินกันอีกรอบ
ส่วน ด่านที่สอง ก็คือเรื่อง คำร้องต่างๆ ที่ฝ่ายตรงข้าม “ก้าวไกล” ยื่นให้ กกต.-องค์กรอิสระ สอยให้ “พิธา” ร่วง ไม่ให้เป็นนายกฯ
ที่พบว่า เรื่องที่หลายคนมองว่า อาจทำให้ “พิธา” ไปไม่ถึงเก้าอี้นายกฯ ตอนนี้ส่วนใหญ่มุ่งไปที่เรื่อง “ถือครองหุ้นไอทีวี” เป็นหลัก แม้จะมีการมองกันว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะถึงกับทำให้ “พิธา” หลุดจากส.ส. จนอดเป็นนายกฯหรือเป็นนายกฯไปแล้ว แต่ต้องหลุดจากเก้าอี้ เพราะมองกันว่าเคสของ “พิธา” รายละเอียดค่อนข้างแตกต่างจากกรณีของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ที่เคยหลุดจากส.ส.ในคดีถือหุ้นวีลัคมีเดีย ค่อนข้างมาก
เส้นทางคำร้องคดีของ “พิธา” ชัดเจนแล้วว่า กกต.จะพิจารณาเรื่องนี้ เพื่อชี้ว่า คุณสมบัติของ “พิธา” มีปัญหาในการลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ โดยจะนำมาพิจารณาหลังจาก กกต. รับรองให้ “พิธา” เป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคก้าวไกลไปแล้ว ซึ่งหาก กกต.เห็นว่า “พิธา” อาจขาดคุณสมบัติ ก็ต้องส่งเรื่องประธานรัฐสภา เพื่อให้ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ทำให้เส้นทางคำร้องคดีนี้ หากสุดท้าย กกต.จะฟัน “พิธา” จริง ก็อาจเกิดขึ้นหลังโหวตนายกฯก็ได้
ทั้งหลายทั้งปวง หาก “พิธา” ฝ่าสองด่านนี้คือ “ด่าน สว.-คำร้องคดีถือหุ้นสื่อ” ไปได้ “พิธา” ก็เป็นนายกฯคนที่ 30 ของประเทศไทย
แต่หากฝ่าไม่ได้ หน้ากระดานการเมืองก็อาจพลิก เพราะ “ก้าวไกล” เสนอชื่อ “พิธา” เป็นแคนดิเดตนายกฯได้คนเดียว
คราวนี้ ทุกอย่างจะไหลไปที่ “ทักษิณ ชินวัตร-เพื่อไทย” ในฐานะพรรคอันดับ 2 ที่อาจมีโอกาสพลิกกลับมาเป็น พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทน “ก้าวไกล” ก็ได้
ที่เชื่อว่า “เพื่อไทย” ก็รอโอกาสอยู่ เพียงแต่…หน้างานตอนนี้ ก็ต้องไหลไปตามเกม คือรอเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเสียงอันดับ 2 ไปก่อน แล้วก็ต่อรองโควต้ารัฐมนตรีที่ดีที่สุด ให้กับพรรคตัวเอง ที่ข่าวว่า “เพื่อไทย” ก็รุกคืบ จะขอกินรวบกระทรวงเศรษฐกิจหมด ทั้ง “คมนาคม-พลังงาน-อุตสาหกรรม-พาณิชย์ฯ-เกษตรและสหกรณ์”
เผลอๆ อาจถึงขั้น ขอเก้าอี้ประธานสภาฯ ก็ได้ แล้วก็รอดูจังหวะไปเรื่อยๆ หาก “รัฐบาลพิธา” เกิดขึ้นและบริหารประเทศได้ “เพื่อไทย” ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาล
แต่หากถึงจังหวะ “พิธา-ก้าวไกล” เพลี่ยงพล้ำเมื่อไหร่ “เพื่อไทย” ก็คงไม่พลาดโอกาสทอง พลิกจากพรรคร่วมรัฐบาล ขึ้นมาเป็นพรรคแกนนำ ที่มองดูแล้ว…โอกาสนี้เกิดขึ้นแน่
……………………………….
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย “พระจันทร์เสี้ยว”