หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้พรรคการเมืองขั้วรัฐบาลปัจจุบัน ไม่สามารถกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ในเวลานี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า จุดหนึ่ง เป็นเพราะ…“พรรคลุงตู่-รวมไทยสร้างชาติ”
ที่ได้ส.ส.ไม่เข้าเป้า โดยเฉพาะส.ส.เขต ที่หลุดจากเป้าหมายไปเยอะ ทั้งที่กรุงเทพมหานครและภาคใต้ โดยในส่วนของกทม. ยังพอเข้าใจได้ เพราะทุกพรรคที่หวังเก้าอี้ส.ส.เขต กทม.ทั้ง “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์-รวมไทยสร้างชาติ” บาดเจ็บกันถ้วนหน้า กับกระแส “ก้าวไกล…ทั้งแผ่นดิน” ที่กวาดส.ส.เขต กทม.ไป 32 เก้าอี้จาก 33 เก้าอี้
แต่ที่น่าผิดหวังอย่างแรงก็คือ ในภาคใต้ ที่กระแส “ลุงตู่” ไม่ทำให้ “รวมไทยสร้างชาติ” กวาดส.ส.เขตภาคใต้ได้อย่างที่แกนนำตั้งเป้าไว้ ขณะที่ภาคอื่นๆ ก็หลุดไปเยอะเช่นกัน เช่นที่ “ชลบุรี” ที่ลูกทีมของ “สุชาติ ชมกลิ่น” เข้ามาได้แค่คนเดียว จากที่มี 10 ที่นั่ง ทั้งที่พรรคตั้งเป้าไว้ที่ 5 ที่นั่งขั้นต่ำ ส่วนภาคเหนือตอนล่าง หลายจังหวัดก็พลาดเช่นกัน เช่นที่ นครสวรรค์-พิจิตร-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์ ที่บรรดาตัวตึง-ตัวเต็งทั้งหลายร่วงหมด เรียกได้ว่า ที่พรรคตั้งเป้าไว้ในภาคต่างๆ ไม่รวมกทม. หายไปร่วม 30 เก้าอี้
พอเป็นแบบนี้ เลยทำให้ พรรคขั้วรัฐบาลปัจจุบัน ทั้ง “พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ-ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์-ชาติไทยพัฒนา” รวมเสียงกันได้ไม่เกิน 250 เสียง การจัดตั้งรัฐบาลเลยสวิงไปที่ขั้ว “เพื่อไทย-ก้าวไกล” แบบตอนนี้
ซึ่งการเคลื่อนไหวจัดตั้งรัฐบาลของ “ก้าวไกล” ในเวลานี้ ที่ยังไม่รู้ว่า สุดท้ายจะตั้งได้สำเร็จหรือไม่ หลังเกิดปัญหาการแย่งชิงเก้าอี้ “ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ-ประธานสภาฯ” กับ “เพื่อไทย”
จนคนจาก 2 พรรคและแฟนคลับ ทั้งแดง-ทั้งส้ม เปิดศึกวิวาทะกันผ่านบทสัมภาษณ์และในโซเชียลมีเดีย จนทำให้เห็นรอยร้าวแบบฝังลึกของ “เพื่อไทย” กับ “ก้าวไกล”
ที่ดูแล้ว การทำงานของ 2 พรรคนี้หากเป็นรัฐบาลร่วมกัน คงมีปัญหาตามมาแน่นอน แม้ต่อให้เคลียร์ศึกภายในเรื่องเก้าอี้ประธานสภาฯจบลงได้ และถึงต่อให้ “ก้าวไกล” กับ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เคลียร์เรื่องปัญหาประธานสภาฯกันได้ แต่ “เก้าอี้นายกฯ” ของ “พิธา” ก็ยังต้องลุ้นกันต่อไปว่า จะได้เสียงโหวตถึง 376 เสียงหรือไม่ แล้วยังจะมีเรื่องคำร้องคดีถือหุ้นสื่อไอทีวี ในชั้น กกต.รออยู่ ที่ยังไม่แน่ชัดว่า “จะรอด” หรือ “ไม่รอด”
ทั้งหมดเลยทำให้ โอกาสเกิดขึ้นขอ “รัฐบาลพิธา 1” ก็ยังไม่สามารถการันตีทางการเมืองได้ว่า จะเกิดขึ้นหรือไม่ หรือจะสะดุดลงกลางทาง และหากเกิดขึ้นได้ ก็ไม่แน่อีกเช่นกันว่า “พิธา” จะหลุดจากนายกฯ จากปัญหาเรื่องถือหุ้นสื่อหรือไม่ เพราะหากหลุดจากส.ส. โดยกกต.และศาลรัฐธรรมนูญฟันว่าผิดจริง “พิธา” ก็ต้องหลุดจากเก้าอี้นายกฯ ด้วย
ซึ่งจะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลจะสวิงไปที่ “เพื่อไทย” ทันที เพราะ “ก้าวไกล” เสนอชื่อ “พิธา” เป็นแคนดิเดตนายกฯคนเดียว นั่นเอง
ในความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลดังกล่าว เลยทำให้พรรคฝ่ายรัฐบาลอย่าง “พลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย-ชาติไทยพัฒนา” รวมถึงแม้แต่กับ “ประชาธิปัตย์” ก็ยังอาจมีลุ้นกลับมาเป็นรัฐบาล โดยการไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับ “เพื่อไทย” ก็เป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสุดท้าย จะเป็น “ก้าวไกล” ที่จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ หรือการเมืองพลิกขั้ว “เพื่อไทย” ได้กลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยอาจจะผลัก “ก้าวไกล” ไปเป็นฝ่ายค้าน ก็จะพบว่า สมการการเมืองดังกล่าว “ทุกสูตร” ดูเหมือนว่า “พรรคลุงตู่-รวมไทยสร้างชาติ” แทบจะปิดโอกาส เข้าไปเป็นรัฐบาล
เพราะอย่างกรณีของพลังประชารัฐ หากเพื่อไทย มีเงื่อนไขขอให้ “ลุงป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ไม่รับตำแหน่งในรัฐบาล ถ้าดึงพลังประชารัฐไปร่วมรัฐบาลเพื่อให้เห็นว่า “ไม่ร่วมกับลุง” ก็เชื่อว่าพล.อ.ประวิตรยอมแน่นอน
เพราะ “ลุงป้อม” รู้ดีว่า หาก “พลังประชารัฐ” เป็นฝ่ายค้านต่อไปเรื่อยๆ รอบหน้า “พรรคแตก” แน่นอน “ลุงป้อม” ยอมเสียสละได้แน่ เพียงแต่อาจมีเงื่อนไขบางอย่าง เช่น ขอให้ตั้งคนใกล้ชิด ไปเป็นรัฐมนตรีในโควตา “บิ๊กป้อม” แทน และหาก “เพื่อไทย” ยอม “พล.อ.ประวิตร” ไม่ใช่แค่จะไม่รับตำแหน่ง แต่อาจจะลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐและส.ส. เพื่อปลดล็อกทั้งหมดเลยก็ได้ เพื่อให้การตั้งรัฐบาลราบรื่น
ซึ่งหากเป็นแบบนี้ ถ้า “เพื่อไทย” ตั้งรัฐบาลกับ “พลังประชารัฐ” ก็ไม่ถือว่า “เพื่อไทย” เสียหายมากนักและยังได้เสียงหนุนจากสว.สายลุงป้อม ที่คุยได้ระดับ 60 เสียงขึ้นไป มาช่วยโหวตนายกฯให้ได้ด้วย และเชื่อว่า ถ้า “เพื่อไทย” มาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็น่าจะมีแรงต้านจากสว.น้อยกว่า “พิธา-ก้าวไกล”
เพราะยามนี้ สว.หลายคน ที่ยังตั้งการ์ดไม่เอา “พิธา-ก้าวไกล” ก็ติดใจแค่เรื่อง 112 และบทบาท “ก้าวไกล” เท่านั้น แต่หากเป็นพรรคอื่น-คนอื่น แม้แต่กับ “เพื่อไทย” ก็เชื่อว่า สว.พร้อมจะเทเสียงมาให้แบบสะดวกใจมากกว่า
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า “พรรคลุงป้อม” ยังมีโอกาสกลับไปเป็นรัฐบาลได้อยู่ แม้อาจไม่ใช่ตอนนี้ แต่อาจเกิดขึ้นหลัง “ก้าวไกล” ตั้งรัฐบาลสำเร็จ แต่ทำงานกับ “เพื่อไทย” ไม่ราบรื่น จน “เพื่อไทย” ถอนตัวออกมา แล้วตั้งรัฐบาลเอง “พลังประชารัฐ” ก็จะถูกเลือกจาก “เพื่อไทย” แน่นอน แต่ไม่ใช่สำหรับ “พรรครวมไทยสร้างชาติ”
เพราะถึงต่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้เป็นส.ส. ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค แต่ “รวมไทยสร้างชาติ” ภาพชัดเจนว่าคือ “พรรคลุงตู่” ทำให้ยากที่ “เพื่อไทย” จะดีลด้วยได้ เพราะดีเอ็นเอการเมือง ต่างกันมาก ขืนตั้งรัฐบาลร่วมกัน ก็พังด้วยกันทั้งเพื่อไทยและรวมไทยสร้างชาติ
จึงทำให้ถึงตอนนี้ ในทางการเมือง มันเกิน 90% ไปแล้วว่า “พรรคลุงตู่” รอเป็นฝ่ายค้านในสภาฯแน่นอน
ที่ดูจากตัวคนใน “รวมไทยสร้างชาติ” ก็เชื่อว่า จะแสดงบทบาทฝ่ายค้านในสภาฯได้ค่อนข้างดีแน่นอน แต่สำหรับอนาคต “รวมไทยสร้างชาติ” ต่อจากนั้น เมื่อต้องเป็นพรรคฝ่ายค้าน แล้วหากมีการเลือกตั้ง ก็น่าเชื่อว่า แนวโน้มพรรคอาจจะเล็กลงไปอีก เพราะขนาด “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกฯ กุมอำนาจรัฐ และลงเป็นแคนดิเดตนายกฯในช่วงกระแสยังขายได้ จนทำให้พรรคได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์มาอันดับ 3 สี่ล้านกว่าคะแนน
แต่หากเทียบกับ “ก้าวไกล” แล้วก็ห่างกันถึงสิบล้านคะแนน และห่างจาก “เพื่อไทย” ร่วมเจ็ดล้านกว่าคะแนน จน “รวมไทยสร้างชาติ” ได้ส.ส.แค่ 30 กว่าคน ซึ่งกว่าจะไปถึงการเลือกตั้งรอบหน้า “กระแสลุงตู่” ก็ต้องลดน้อยลงตามเวลา ยิ่งถ้าไปถึงตอนเลือกตั้ง ถ้า “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่ลงการเมือง-วางมือ พรรคก็ยิ่งไม่มีจุดขาย
มันก็ทำให้ “นักเลือกตั้ง” ทั้งหลายย่อมรู้ดีว่า หากอยู่กับ “รวมไทยสร้างชาติ” ต่อไป ก็อาจสอบตกหรือไม่เติบโตทางการเมือง ทำให้อาจต้องหาพรรคใหม่สังกัด
ยิ่งถ้า “ไม่มีลุงตู่” ที่จะเป็นศูนย์กลางของคนในพรรคอยู่ด้วยแล้ว เชื่อว่าหลายคนใน “รวมไทยสร้างชาติ” เวลานี้ ทั้งที่เตรียมเข้าไปเป็นส.ส.และที่สอบตก ก็อาจต้องคิดแยกย้าย หารังใหม่ทางการเมืองต่อไป
เว้นแต่จะเกิดสูตรที่หลายคนคาดไม่ถึง เช่น “พลังประชารัฐ” กับ “รวมไทยสร้างชาติ” กลับมาจับมือรวมกันอีกครั้งเป็นพรรคการเมืองเดียว เพื่อสู้กับ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” กลายเป็นพรรคหัวหอกหลักของฝ่ายอนุรักษ์นิยม
เพราะหาก “รวมไทยสร้างชาติ” ยังเดินต่อไปแบบนี้ เชื่อว่า ไม่ใช่แค่ “นักเลือกตั้ง-ว่าที่ส.ส.ของพรรค” จะคิดแยกย้ายอีกครั้งยามเมื่อการเลือกตั้งรอบหน้ามาถึง แต่ “กลุ่มทุน-หัวจ่าย” ที่เคยหนุนในการเลือกตั้งรอบที่ผ่านมา ที่ควักไปเยอะ ก็ย่อมผละออกจากพรรค ไปหนุนพรรคอื่น ที่มีโอกาสทางการเมืองดีกว่า “รวมไทยสร้างชาติ”
ยิ่งถ้า “ไม่มีลุงตู่” อยู่ด้วย “นายทุน-หัวจ่าย” ทั้งแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผย รับรองชิ่งหนีกันหมดแน่นอน
อนาคตของ “รวมไทยสร้างชาติ” สุดท้าย จะเติบโตได้กว่านี้หรือไม่ ก็อยู่ที่ปัจจัยข้างต้น ซึ่งหากพรรคทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้ดี “ลุงตู่” ยังอยู่กับพรรคต่อ และกระแสของ “ก้าวไกล” กับ “เพื่อไทย” ดรอปลง แบบนี้ “รวมไทยสร้างชาติ” อาจยังพอมีความหวังได้ว่าเลือกตั้งรอบหน้า พรรคจะโตได้มากกว่ารอบนี้
………………………………….
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย “พระจันทร์เสี้ยว”