ช่วงสุดสัปดาห์ หยุดยาวสามวันติดต่อกัน 26-28 ก.พ. แวดวงการเมืองพลังประชารัฐหลายสาย โดยเฉพาะสายแกนนำ-หัวหน้ากลุ่มก๊วนการเมืองในพลังประชารัฐ หลายกลุ่มบอกว่า ไม่ได้ลงพื้นที่ต่างจังหวัดของตัวเองเลย จากที่เคยวางโปรแกรมไว้ว่าจะลงพื้นที่ แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจ
เพราะต้องสแตนบายปักหลักอยู่กรุงเทพมหานคร เปิดมือถือไว้ตลอดเวลา เพื่อเช็คความเคลื่อนไหวเรื่องการปรับครม. หลังภายในพลังประชารัฐ ฝุ่นตลบอย่างหนักมาหลายวันแล้ว บางรายให้ข้อมูลว่า ต้องอยู่กรุงเทพฯตลอดเพื่อสแตนบาย รอสัญญาณไปร่วมหารือทางการเมืองกับ บิ๊กป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคและผู้จัดการรัฐบาล ที่เซฟเฮ้าส์ในมูลนิธิป่ารอยต่อฯ โดยมีกระแสข่าวว่า ช่วงวันหยุดยาวสามวัน 26-28 ก.พ. แกนนำ-ส.ส.หลายกลุ่มในพลังประชารัฐ มีการนัดหมายขอคิวกับนายทหารคนสนิทของบิ๊กป้อม รวมถึงแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ที่เข้าถึงพลเอกประวิตรได้ เพื่อขอคิวเข้าพบพลเอกประวิตรที่บ้านพัก กันหลายกลุ่มมาก
โดยข่าวว่า บางช่วงแกนนำพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงอดีตบิ๊กทหาร ที่ทำงานใกล้ชิดพลเอกประวิตร ที่เป็นคนติดต่อประสานงาน จัดคิวให้เข้าพบพลเอกประวิตรก็ยังปวดหัว เพราะบางวันคนในพลังประชารัฐ ติดต่อขอวัน-เวลาที่จะไปบ้านบิ๊กป้อม ในช่วงวัน-เวลาตรงกัน หรือใกล้เคียงกันหลายกลุ่ม จนคนจัดคิว ต้องจัดเวลาสับหลีก ไม่ให้เจอหน้ากัน จะได้ไม่รู้ว่า ใครติดต่อขอเข้าพบ-เข้าออกบ้านบิ๊กป้อมในช่วงนี้ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า เป็นช่วงฝุ่นตลบ ที่แต่ละกลุ่มการเมืองในพลังประชารัฐ ก็ต้องการโควต้า-มีชื่อได้ลุ้นเป็นรัฐมนตรีกับเขาบ้าง หลังรอมานาน และอีกกลุ่มหนึ่งคือพวกมีตำแหน่งอยู่แล้ว แต่ต้องการ up-level ตัวเอง จาก “รัฐมนตรีช่วยว่าการ” ไปเป็น “รัฐมนตรีว่าการฯ” หรือไม่อย่างนั้น เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการฯก็ได้แบบเดิม แต่ขอให้ได้กระทรวงใหญ่ขึ้น เรียกได้ว่า ยิ่งกว่าฝุ่นตลบในพลังประชารัฐ
จนมีข่าวว่า ทำเอาบิ๊กป้อมเครียดไม่น้อย เพราะด้วยบุคลิก รักน้อง-ดูแลทุกกลุ่มในพรรค เลยไม่อยากให้ใครเสียใจหากปรับครม.รอบนี้แล้วพลาด แต่เมื่อคนวิ่งกันเยอะ แต่เก้าอี้มีน้อย มีข้อจำกัดเรื่องโควต้า มันก็ต้องมีหลายคน หลายกลุ่มผิดหวัง ยิ่งหลายกลุ่ม ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า บิ๊กป้อมเคยรับปากเอาไว้ จะดันให้มีโควต้ารัฐมนตรี หากปรับครม. รอบนี้วืดอีก บิ๊กป้อมก็เกรงจะเสียผู้ใหญ่ เลยมีข่าวว่า ทำให้พลเอกประวิตรก็เครียดไม่น้อย ในการบริหารความพึงพอใจของหลายกลุ่มก๊วนในพลังประชารัฐ ที่รอบนี้ข่าวว่าหลายกลุ่ม ออกแรงกันหนัก ใช้กำลังภายในกันหลายท่วงท่า บางรายวิ่งเข้าหาบิ๊กป้อมรอบแรก รอบสองแล้ว ไม่ชัวร์ว่าจะได้ตำแหน่ง ก็มีข่าวว่า ก็ต้องเสริมออฟชั่นกันสุดฤทธิ์ ใช้กำลังภายในกันอีกหลายกระบวนยุทธ์ เช่น เอาตัวเลข-รายชื่อส.ส.ในกลุ่มตัวเองที่มีเพิ่มล่าสุด ไปเคลมกับแกนนำพลังประชารัฐว่าตัวเองมีส.ส.ในกลุ่มมากขึ้น ที่เพิ่มขึ้นมาจากก่อนหน้านี้ตอนหลังเลือกตั้ง ทำให้มีภาระต้องดูแลมากขึ้น เลยจะขอให้อัพตำแหน่งตัวเองให้ด้วยในการปรับครม. อีกทั้งบางราย ก็เคลมผลงานต่างๆ ของตัวเองด้วย
ข่าวที่ได้ยินมาจากพลังประชารัฐก็เช่น มีข่าวว่ารัฐมนตรีช่วยว่าการฯของพลังประชารัฐ บางราย ได้อ้างกับผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐและแกนนำกลุ่มการเมืองในพลังประชารัฐหลายกลุ่ม เพื่อแสดงพาวเวอร์ตัวเองว่า นอกจากตัวเองจะมีส.ส.ในสังกัดต้องดูแลมากขึ้นจากตอนหลังเลือกตั้งเพราะมีส.ส.กลุ่มอื่นแยกตัวออกมาจากกลุ่มเดิมมาขออยู่ด้วย ทำให้มีส.ส.ในการดูแลเกินกว่า 50 คน ซึ่งเท่านี้ยังไม่พอ ตัวเองยังมีเครือข่ายในท้องถิ่นที่เป็นระดับผู้บริหารท้องถิ่นที่สามารถประสานงานจนถึงขั้นคอนโทรลได้ โดยเฉพาะ “นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด” (นายก อบจ.) ที่พร้อมจะมาเป็นลมใต้ปีกให้กับตัวเองและพรรคพลังประชารัฐร่วมๆ 25-30 จังหวัด
โดยมีข่าวอีกว่ารัฐมนตรีช่วยว่าการฯคนดังกล่าวของพลังประชารัฐ ได้บอกกับแกนนำกลุ่มต่าง ๆ ในพลังประชารัฐ ว่า ตนเองสามารถบอกหรือประสานให้นายกฯอบจ.เหล่านี้ มาช่วยสนับสนุนรัฐบาลและเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคพลังประชารัฐได้ทุกเมื่อ และบอกด้วยว่า นายก อบจ.บางคน แม้ภายนอกคนจะมองว่าเป็นคนของเพื่อไทยหรือภูมิใจไทย แต่จริงๆ ได้เปลี่ยนขั้วมาอยู่กับตนเองนานแล้วและหลายคนบอกว่าพร้อมสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐทุกเมื่อ โดยมีข่าวว่า เมื่อแกนนำพลังประชารัฐระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการฯคนดังกล่าว โชว์พาวเวอร์ดังกล่าว ก็ทำเอาแกนนำพลังประชารัฐบางคนถึงกับเคลิ้ม จนมีข่าวว่า ไปรับปากว่าจะผลักดันให้การปรับครม.รอบนี้ พาสชั้น จากรัฐมนตรีช่วยฯ เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ
ส่วนรัฐมนตรีช่วยว่าการฯของพลังประชารัฐ คนไหนที่มีข่าวว่าโชว์พาวเวอร์ดังกล่าว แม้ไม่บอกชื่อออกมาชัดๆ แต่ก็คาดเดาได้ไม่ยาก เพราะรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ คนดังกล่าว ก็คือชื่อที่อยู่ในกลุ่ม “3 ช.-รัฐมนตรีช่วยฯ” ที่มีข่าวว่ากำลังจะได้ลุ้นอัพเกรดตัวเอง เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ ที่ตามข่าวมีอยู่สามชื่อคือ สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ผอ.พรรคพลังประชารัฐ – ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ – ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงานฯ
กางชื่อกันชัดๆ ขนาดนี้กับข้อมูลความเคลื่อนไหวข้างต้น ก็คงไม่ต้องชี้เป้าแล้วใช่ไหมว่า ใครคือรัฐมนตรีช่วยว่าการฯคนดังกล่าว?
ที่ข่าวว่า รอบนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯคนดังจากพลังประชารัฐ ได้บอกกับส.ส.ในกลุ่มตัวเองว่า ยังไง…ปรับครม.รอบนี้ ต้องได้นั่งรัฐมนตรีว่าการฯเสียที เพราะทำงานให้กับพลังประชารัฐ ทั้งหน้าฉาก-หลังฉาก มามากแล้ว เลือกตั้งซ่อมที่ไหน ก็ลงมาคุมให้หมด และพลังประชารัฐก็ชนะทุกเกือบครั้ง ไม่เคยแพ้ จะแพ้ก็แค่ครั้งเดียวคือตอนเลือกตั้งซ่อมที่เชียงใหม่ นอกนั้นเก็บชัยชนะให้พรรคได้หมด รวมถึงรอบล่าสุด ก็ได้รับมอบหมายจากบิ๊กป้อม ให้ไปช่วยดูแลการเลือกตั้งซ่อมที่นครศรีธรรมราชแบบห่างๆ ให้ด้วย เมื่อทำงานให้หนักขนาดนี้ นายบอกอะไรมา ก็ทำให้หมด เลยทำให้รัฐมนตรีช่วยฯคนดังจากพลังประชารัฐ บอกกับส.ส.ในสังกัดว่า ทำงานให้พรรคและบิ๊กป้อมมากขนาดนี้ หากปรับครม.รอบนี้ ถ้าบิ๊กป้อมจะไม่พาสชั้นให้ ก็คงเสียความรู้สึกไม่น้อย
ผลก็คือ บิ๊กป้อมเลยเครียดมากกว่ารัฐมนตรีช่วยว่าการฯคนดังกล่าวเสียอีก เพราะบิ๊กป้อมก็รู้ดีว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คงไม่อยากหนุนให้รมช.ฯคนดังกล่าว พาสชั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการฯ บิ๊กป้อมเลยเกรงว่า หากเสนอชื่อไป แล้วบิ๊กตู่ไม่โอเคด้วย ไม่พาสชั้นขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการฯให้ รัฐมนตรีช่วยฯคนดังกล่าวคงไม่พอใจ จนอาจทำให้พรรคพลังประชารัฐ สุ่มเสี่ยงจะเกิดปัญหาภายในพรรคตามมาได้
หรือนี้อาจเป็นที่มาของการที่มีส.ส.พลังประชารัฐเกือบร้อยคน ลงชื่อหนุนให้บิ๊กป้อมมีอำนาจเต็มในการปรับครม. เพื่อเป็นการส่งสัญญาณถึงบิ๊กตู่ว่า งานนี้อย่ายุ่งกับโผครม.ของพลังประชารัฐ หากส.ส.หรือพรรคส่งโผมาแล้ว บิ๊กตู่ต้องโอเคอย่างเดียว หากตีกลับ ให้แก้ไข ที่ก็คือเป็นการบีบกลายๆ บิ๊กตู่นั่นเอง ที่ไม่แน่ บิ๊กป้อมเอง ก็อาจเป็นคนให้ท้าย-เปิดไฟเขียวให้ลูกพรรคพลังประชารัฐเคลื่อนไหวดังกล่าวเสียเอง
……………………………..
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย “พระจันทร์เสี้ยว”
