ถอยไม่ได้เสียแล้ว สำหรับ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี-รมว.คลัง ในการเดินหน้านโยบาย “ดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท”
เพราะเมื่อเป็น นโยบายหลัก-ธงหลักในการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย อีกทั้งที่ผ่านมา “เศรษฐา” ก็ออกตัวไว้เยอะ โวหลายรอบ หลายเวทีว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จะสร้าง “พายุหมุนทางเศรษฐกิจ” ทำให้เศรษฐกิจไทย ฟื้นตัวจากห้องไอซียู กลับมาแบบไม่ได้แค่เดินได้ แต่จะวิ่งฉลุย จนเศรษฐกิจไทย-จีดีพี จะโตปีละ 5% ตลอดสี่ปีของรัฐบาล ชนิดแซงเวียดนามได้แน่นอน
เมื่อเป็นแบบนี้ มันจึงเป็น เดิมพันการเมืองครั้งสำคัญ ของ “เศรษฐา-พรรคเพื่อไทย” ที่จะต้องเดินหน้า ทำให้ “ดิจิทัล วอลเล็ต” คลอดออกมาให้ได้
ถึงจะโดนวิจารณ์อย่างหนักถึงความไม่คุ้มค่ากับเงินภาษีประชาชนที่จะใช้ในการทำนโยบายนี้ 560,000 ล้านบาท แต่ “เศรษฐา” ก็ถอยไม่ได้เสียแล้ว
จึงไม่แปลกที่ตลอดสองวันที่ผ่านมา ทั้งเสาร์-อาทิตย์ 6 และ 7 ต.ค. “เศรษฐา” จะยืนกรานเดินหน้าทำ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ต่อไป แม้กระแสต้านจะเริ่มแรงขึ้นทุกที และ คนที่ออกมาคัดค้าน ก็ไม่ใช่พวกฝ่ายค้านเสียด้วย แต่ มีสถานะ-น้ำหนักทางสังคมและแวดวงการเงินการธนาคาร ทั้ง “อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างน้อย 2 คน-อดีตผู้บริหารธปท.-อดีตคณบดีเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์” ที่ในวงวิชาการถือว่าที่นี่คือ อันดับ 1 ในการสอนเรื่องเศรษฐศาสตร์ของประเทศไทย-นักวิชาการและอดีตนักวิชาการสายเศรษฐศาสตร์-อดีตรัฐมนตรี ที่ ร่วมกันลงชื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการเดินหน้านโยบายดิจิทัล วอลเล็ต
ที่สำคัญกลุ่มที่เคลื่อนไหวดังกล่าวที่ถึงช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีการร่วมลงชื่อเกือบ 140 คนแล้ว ส่วนใหญ่เห็นได้ชัดว่า เป็นคนที่ไม่ได้มีเสื้อคลุมของนักการเมือง-พรรคการเมือง
จึงทำให้เป็นเสียงกระตุกเตือน ถึงผลเสียที่จะตามมาของดิจิทัล วอลเล็ต จึงมีความหมายยิ่ง!!!
กระนั้นล่าสุด “เศรษฐา-นายกฯ-รมว.คลัง” ให้สัมภาษณ์ยืนยันอีกครั้งที่จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ถึงนโยบายดังกล่าว โดยระบุว่า ได้รับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะ ข้อแนะนำทั้งหลายจากทุกหน่วยงาน รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย เราน้อมรับไปพิจารณาเพื่อปรับปรุงแต่งเติมให้ทุกอย่างดูดีขึ้น แต่ไม่มีการยกเลิก ยืนยันว่า โครงการเงินดิจิทัล ไม่ใช่โครงการหาเสียง ไม่ใช่โครงการที่มาโปรยเงินให้ประชาชนเลือกตั้งให้เรากลับมาใหม่ แต่เป็นโครงการที่เราตระหนักดีถึงความจำเป็นและความต้องการของประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม
“นักวิชาการออกมาวิพากษ์วิจารณ์เยอะ ผมน้อมรับ แต่ท่านก็เป็นแค่หนึ่งเสียง พี่น้องประชาชนมีอีกหลายสิบล้านเสียงที่ต้องการเงินดิจิทัล เราน้อมรับฟังและนำไปปรับปรุงเพื่อให้ประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เสียภาษี ฝ่ายประชาชนที่มีความเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจอย่างมากที่หมักหมมมานาน ผมขอให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลนี้จะไม่ลุด้วยอำนาจ และจะฟังความคิดเห็น แต่เหนือสิ่งอื่นใดความลำบากของประชาชน การที่ประชาชนขาดเงินทุนที่จะไปดำรงชีพเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญที่สุด ยืนยันจะไม่มียกเลิกเงินดิจิทัล” นายกฯระบุ
อนึ่งสำหรับเหตุผลที่กลุ่มนักวิชาการ-อดีตผู้บริหารธปท.ที่ส่วนใหญ่มาจากสายเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต หลักๆ ก็มีเช่น
-การแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้ทุกคนที่อายุเกิน 16 ปี เป็นนโยบายที่ไม่สร้างความเป็นธรรม
-การที่ผู้กำหนดนโยบายหวังว่านโยบายนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจ “เป็นสิ่งที่เลื่อนลอย”
เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงิน 560,000 ล้านบาท เข้าระบบเป็นการคาดหวังเกินจริง เนื่องจากการใช้จ่ายของรัฐในลักษณะเงินโอนหรือแจกเงิน มีค่าต่ำกว่า 1 และต่ำกว่าตัวทวีคูณทางการคลังสำหรับการใช้จ่ายโดยตรงและการลงทุนภาครัฐ
-ไม่มีความจำเป็นที่รัฐจะต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมาก เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงไม่มีความจำเป็นที่จะกระตุ้นการบริโภคส่วนบุคคล
และเห็นว่า รัฐบาลควรเน้นการใช้จ่ายของภาครัฐในการสร้างศักยภาพในการลงทุนและการส่งออกมากกว่าและการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศยังเป็นปัจจัยให้เกิดเงินเฟ้อสูงขึ้นมาอีก หลังเริ่มลดลงได้ในปีนี้ มาอยู่ที่ 2.9% ท่ามกลางราคาพลังงานที่สูงและมีแนวโน้มสูงขึ้นในระยะหลัง เพราะฉะนั้น การกระตุ้นการบริโภคในช่วงนี้จะทำให้คาดการณ์เงินเฟ้อสูงขึ้น และอาจนำมาซึ่งสภาวะที่ต้องขึ้นดอกเบี้ยในที่สุด
เมื่อ “เศรษฐา-เพื่อไทย” ยืนยันเดินหน้า ดิจิทัล วอลเล็ต เพราะรู้ดีว่า ถอยไม่ได้แล้ว หากถอยหรือทบทวน มันก็คือ “แพ้ทางการเมือง” รัฐบาลจะเสียเครดิต-เศรษฐาเสียหน้า เพื่อไทยเสียหายทางการเมือง ทำให้เลือกตั้งรอบหน้า จะถูกโจมตีว่าเป็นพรรคการเมืองที่หาเสียงแล้ว…ทำไม่ได้ จะล้มละลายทางความน่าเชื่อถือ แบบนี้ เลือกตั้งเมื่อไหร่ แพ้ยับให้พรรคก้าวไกล แน่นอน
มันจึงเป็นเดิมพันที่ “เศรษฐา-เพื่อไทย” จำเป็นต้องยอม เสี่ยงลุยไฟ โดยเอา “ประชาชนเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็ก” ด้วยการอ้างว่า ประชาชนกำลังรอคอยเมื่อไหร่จะได้เงิน 1 หมื่นบาท เพื่อเอาเรื่องนี้มายันและสู้กับเสียงคัดค้าน ที่ดังขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง
……………………………….
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย “พระจันทร์เสี้ยว”