หลังเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังอื้ออึง กับท่าทีของ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กับภาพโค้งก้มหัวและบรรจงประคองมือของ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” ขึ้นมาและก้มหัวจูบไปที่มือของ “แพทองธาร” รวมถึงภาพ “เศรษฐา” ก้มหัวไหว้ “อุ๊งอิ๊ง” หลังที่ประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทยเมื่อ 27 ต.ค. เสียงส่วนใหญ่ลงมติเลือกให้ แพทองธาร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตามใบสั่งทางการเมือง ทั้งที่ “เศรษฐา” อายุมากกว่า “แพทองธาร” สิบกว่าปี และที่สำคัญ มีตำแหน่งเป็นถึงนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยและรมว.คลัง
จนโซเชียลมีเดีย ถึงกับนำภาพดังกล่าวไปเปรียบเทียบกับภาพจากภาพยนต์ The Godfather (1972) ที่ลูกน้อง ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากลูกพี่ “ดอน คอร์ลีโอเน่” The Godfather มาเฟียชาวอิตาลี ทำให้ลูกน้องก้มหัวและจูบฝ่ามือด้านบนของ “ดอน คอร์ลีโอเน่” เพื่อแสดงถึงการเคารพและสยบยอมเป็นลูกน้องในสังกัด
เรียกได้ว่า ภาพที่เกิดขึ้นของ “เศรษฐา” สร้างเสียงวิจารณ์ตามมาอย่างมาก และแน่นอนว่า ส่งผลต่อภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือของ “เศรษฐา” ระดับหนึ่ง หลังหลายคนเห็นภาพและท่าทีดังกล่าวของ “เศรษฐา” ที่ทำต่อ “อุ๊งอิ๊ง” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
อย่าง “ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต” นักวิชาการจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์หรือนิด้า ถึงกับโพสต์เฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์ว่า “เห็นภาพคนเป็นนายกปฏิบัติกับแพทองธาร ดูไม่เหมาะกับการตำรงตำแหน่งอย่างยิ่ง ลาออกไปเสียเถอะอยู่ไปยิ่งทำให้ศักดิ์ศรีของตำแหน่งดูด้อยลง”…”น่าอนาถมาก”
ยิ่งตัว “เศรษฐา” ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ยกยอ “อุ๊งอิ๊ง” โดยชมเปราะว่า เป็นคนเก่ง สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ หลังพรรคเพื่อไทย เลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อีกทั้งก่อนหน้านี้ ตอน “เศรษฐา” กับ “อุ๊งอิ๊ง” ไปโปรโมตหนัง “สัปเหร่อ” ที่โรงหนังในห้างสยามพารากอน “เศรษฐา” ก็ปล่อยมุข เรียก “อุ๊งอิ๊ง” ว่านายกฯ มันก็เลยยิ่งทำให้ใครต่อใคร มองไปทางเดียวกันว่า “เศรษฐา” อยู่เป็น
เพราะ “เศรษฐา” ก็รู้ตัวดีว่า ที่สามารถขึ้นเป็นนายกฯได้ทั้งที่เปิดตัวเข้าเล่นการเมืองไม่กี่เดือน ขณะที่นักการเมืองบางคน กว่าจะได้เป็นรัฐมนตรี ยังต้องเป็นส.ส.มา 5-6 สมัย เป็นสส.มายี่สิบกว่าปี ถึงจะได้เป็นรัฐมนตรี ถ้าไม่ใช่เพราะ ตระกูล “ชินวัตร” ไฟเขียว ส่งเสริมสนับสนุน และให้ “อุ๊งอิ๊ง” หลีกทางให้ตอนโหวตนายกฯ ทั้งที่สส.ของเพื่อไทย พร้อมหนุน “อุ๊งอิ๊ง” ให้เป็นนายกฯ ก็ไม่มีทางอยู่แล้วที่ “เศรษฐา” จะเหาะเป็นนายกฯ ได้ในเวลาแค่ไม่กี่เดือนหลังลงเล่นการเมือง
ผนวกกับ “เศรษฐา” เอง ก็ไม่ได้มีขุมกำลังสส.ในเพื่อไทย จึงทำให้ไม่มีบารมีในเพื่อไทย ขาดการยึดโยงกับกลุ่มอำนาจต่างๆ ในเพื่อไทย ดังนั้นจึง “ขาลอย”
ทำให้ในอนาคต หากวันใดวันหนึ่ง เช่น โดนยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ แล้วมีสัญญาณให้ “เปลี่ยนตัวนายกฯ” หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ จาก “เศรษฐา” เป็น “แพทองธาร” ตัว “เศรษฐา” ก็ต้องยอม เพื่อแลกกับเสียงหนุนโหวตให้ผ่านการเป็นนายกฯ
ยิ่งปีหน้า ตั้งแต่พ.ค.67 สมาชิกวุฒิสภาชุดปัจจุบัน ก็จะหมดวาระลงแล้ว ทำให้การโหวตนายกฯ ก็จะไม่ต้องฟังเสียงสว.อีกต่อไป และตอนนี้ รัฐบาลก็มีเสียงสนับสนุนขั้นต่ำ 312 เสียง ที่ก็เพียงพอ พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ที่จะหนุน “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกฯ เพื่อแลกกับเป็นการรัฐบาล และไหน “เพื่อไทย” ยังมีอะไหล่อย่าง สส.พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มเฉลิมชัย ศรีอ่อน พร้อมจะนำส.ส.ในพรรคร่วมยี่สิบคน มาร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยอีก
ทำให้ หลังพ.ค.ปีหน้าเป็นต้นไป ก็จะทำให้สถานการณ์เข้าทาง “ทักษิณ-ตระกูลชินวัตร” มากขึ้น ถ้าเห็นว่า ถึงเวลา ควรให้ “อุ๊งอิ๊ง” ได้ขึ้นเป็นนายกฯได้แล้ว ที่ก็อาจเป็นปลายปีหน้า 2567 ก็ได้หรือไม่ก็ให้ “เศรษฐา” เป็นนายกฯสักสองปี ค่อยเปลี่ยนตัว ก็ยังไหว
ยิ่งหากกระแส “เศรษฐา” ถ้าเป็นนายกฯไปสักพัก หนึ่งปีถึงสองปี แล้วเรตติ้งไม่ดี กระแสไม่มา “ทักษิณ” ก็ต้องคิดแล้วว่า หากจะให้เป็นนายกฯต่อไป จะไม่เป็นผลดีต่อเพื่อไทย ตอนเลือกตั้งรอบหน้า เพราะจะสู้ “ก้าวไกล-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ไม่ได้ มันก็ยิ่งเป็นตัวเร่งให้ “ทักษิณ-เพื่อไทย” ต้องดัน “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกฯ ก่อนเลือกตั้ง
เพียงแต่ก่อนจะถึงจังหวะนั้น ก็อาจให้ “อุ๊งอิ๊ง” เข้าไปเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลก่อน เพื่อความสวยงามทางการเมือง แล้วค่อยขยับเป็นนายกฯ
หลังที่ผ่านมา “ทักษิณ-แกนนำเพื่อไทย” ทำบันไดการเมืองให้ “อุ๊งอิ๊ง” เดินมาทีละก้าว หลังเปิดตัวเข้าเล่นการเมืองที่เริ่มจากประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย-หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย-แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย-หัวหน้าพรรคเพื่อไทย-รัฐมนตรี และตามด้วย นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของประเทศไทยจากตระกูล “ชินวัตร”
ทั้งหมด คือสิ่งที่ “ทักษิณคิด-เพื่อไทยทำให้” ตามแผน เดินทีละก้าว ปั้น “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกฯนั่นเอง
………………..
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย…“พระจันทร์เสี้ยว”