เอฟเฟกต์การเมือง ที่ตามมาหลัง “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ทำปืนลั่นกลางห้องประชุมสส.เพื่อไทยเมื่อ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่มีเนื้อหาโดยสรุปคือ ชื่อตำรวจระดับ “ผู้กำกับ” (พ.ต.อ.) ที่สส.เพื่อไทยขอมาให้ช่วยพิจารณาในช่วงนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำลังจะคลอด “โผ ผกก.-สว.” หรือ โผรองผู้บังคับการ-ผู้กำกับ-สารวัตรทั่วประเทศ ที่คาดว่าจะคลอดมาช่วงสิ้นเดือนพ.ย.นี้ ที่ขอไป…อาจต้องมีผิดหวัง ไม่ได้ทั้งหมด
“ผู้กำกับใหม่ ซึ่งผมมั่นใจว่า คงมีผู้ผิดหวังมากกว่าผู้สมหวังในห้องนี้ ที่ขอตำแหน่งไป เพราะรู้สึกมันเยอะเหลือเกิน แต่ก็มีไม่น้อย ที่ได้สมหวัง แต่ก็เป็นผู้กำกับใหม่ ซึ่งเราจะต้องพูดคุยเรื่องนี้กันให้เข้าใจถึงถ่องแท้ และต้องกำจัดปัญหานี้ออกไป ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเราเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ” (เศรษฐา ทวีสิน-21 พ.ย.)
คำพูดดังกล่าว เรียกได้ว่า “ปากพาซวย” แท้ๆ สำหรับ “เศรษฐา” ที่ด้วยความที่เป็นนักธุรกิจตลอดชีวิต ไม่ได้เรียนด้านกฎหมาย ไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย-การเมืองอะไร
จึงไม่รู้ว่า รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะประมวลจริยธรรมฯ ที่ใช้กำกับองค์กรอิสระและรัฐมนตรี -สส.ด้วย บัญญัติข้อห้ามไม่ให้ นักการเมืองเข้าไปแทรกแซง ยุ่มย่ามกับการแต่งตั้งโยกย้าย การให้คุณให้โทษกับการพิจารณาแต่งตั้งเลื่อนขั้น ข้าราชการประจำ
หากใครทำ มีพฤติการณ์หลักฐานชัดเจน ถือว่ามีความผิด ทำผิดรัฐธรรมนูญและสุ่มเสี่ยงทำผิดประมวลจริยธรรมฯ
เห็นๆ กัน ตอนนี้ “เศรษฐา” โดนตรวจสอบกรณีทำปืนลั่นใส่ขาตัวเอง ในเรื่องตั๋วฝากตำรวจไปแล้ว 3 ช่องทาง
ช่องทางแรก ก็เข้าตามช่องทาง ของกฎหมายตรงๆ ก็คือ ที่ “ศรีสุวรรณ จรรยา” ไปยื่นร้องเรียนต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบพฤติการณ์ในการใช้อำนาจของเศรษฐา ในฐานะประธาน ก.ตร.เข้าไปก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในการแต่งตั้งนายตำรวจระดับ ผกก.หรือไม่ ซึ่งยื่นไปเมื่อ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา
ช่องทางที่สอง คือ คณะกรรมาธิการตำรวจฯ ที่มี “ชัยชนะ เดชเดโช” สส.ประชาธิปัตย์ เป็นประธานฯ ก็รับลูกทันควัน ตรวจสอบเรื่องนี้ โดยจะเรียก “เศรษฐา” มาชี้แจง ต่อที่ประชุมกมธ.วันที่ 7 ต.ค. แต่ดูแล้ว “เศรษฐา” คงไม่ยอมมาง่ายๆ อาจหาทางยื้อหรือพลิกแพลงหาวิธีการเลี่ยงจะไปให้ หรือไม่ก็ดึงเวลาออกไปให้นานที่สุด เพื่อให้เรื่องนี้ลดความร้อนแรงลงไปก่อน
ช่องที่สาม ก็คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ที่มี “รังสิมันต์ โรม” สส.ก้าวไกล เป็นประธานฯ ก็จะเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้เช่นกัน แม้จะถูกมองว่า ไม่น่าจะเกี่ยวกับกรรมาธิการโดยตรง แต่ของแบบนี้ รู้กันเป็นเรื่องการเมือง ก็พยายามหาช่องทางลากเข้ามาให้ได้
ทั้ง 3 สถานีที่ “เศรษฐา” โดนรุกตรวจสอบ หลังผิดคิวดังกล่าว ดูแล้วช่องทางที่น่าจะทำให้ “เศรษฐา” หนักใจมากสุดก็คือ “ป.ป.ช.” เพราะเป็นองค์กรอิสระฯ และมีดาบในมือครบถ้วน ที่แตกต่างจากคณะกรรมาธิการฯ ที่ยังหลบเลี่ยงได้ และไม่ได้มีอำนาจในการจะเอาผิด “เศรษฐา” ตามกฎหมายตรงๆ เหมือนป.ป.ช. เพราะอย่างเอาแค่เรื่องเรียก “เศรษฐา” มาชี้แจง หาก “ป.ป.ช.” เรียก “เศรษฐา” ไม่ไป-ไม่ได้ อีกทั้งแค่ป.ป.ช.รับเรื่องไว้ไต่สวนฯ มันก็ทำให้ “เศรษฐา” มีผวาแล้ว ว่าจะสุ่มเสี่ยงตกเก้าอี้หรือไม่ ยังไม่นับ “เครดิตความเชื่อถือ” หาก “ผู้นำประเทศ” โดน “ป.ป.ช.” ตั้งอนุกรรมการไต่สวนฯ ที่ไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ผู้นำประเทศในเรื่องการยอมรับแน่นอน
อย่างไรก็ตาม “เศรษฐา” ยังมีเวลาในการรับมือกับเรื่องนี้พอสมควร โดยเฉพาะกับในชั้น “ป.ป.ช.” ที่ก็ต้องใช้เวลาอีกพอสมควร ในการที่ “ป.ป.ช.” จะตั้งแท่นไต่สวน จนไม่รู้ว่า กว่า “ป.ป.ช.” จะได้ข้อยุติ ตัว “เศรษฐา” จะยังเป็นนายกฯอยู่หรือไม่?
แต่ที่ต้องติดตามกันต่อจากนี้ ก็คือ บัญชีแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับ “รองผู้บังคับการ (ผบก.) ถึง “สารวัตร” (สว.) หรือ “พ.ต.อ.-พ.ต.ต.” วาระประจำปี 2566 ซึ่งข้าราชการตำรวจทั่วประเทศกำลังรอลุ้นกันอยู่ หลังการแต่งตั้งโยกย้ายล่าช้ากว่าปกติร่วม 2 เดือน และมีกระแสข่าวว่า โผ “พ.ต.อ.-พ.ต.ต.” ดังกล่าว จะคลอดออกมาในวันพฤหัสบดีที่ 30 พ.ย.นี้
หลังมีกระแสข่าวรับรู้กันทั่วในวงการตำรวจว่า “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ผบ.ตร. สั่งให้ ผู้บัญชาการของทุกกองบัญชาการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่ง รวมถึงบัญชีข้อมูลผู้ไม่เหมาะสมที่จะได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง ไปยังสำนักงานกำลังพล สตช.ภายในไม่เกิน 29 พ.ย.66 และจากนั้นจะมีการประกาศคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย ระดับรองผู้บังคับการถึงสารวัตรทั่วประเทศ ออกมาในวันที่ 30 พ.ย. แต่หากบางหน่วยหรือบางชื่อมีปัญหา ก็อาจมีการขยับออกไปได้
ที่ก็ต้องดูว่า โผรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายรอบนี้ โดยเฉพาะเก้าอี้ “ผู้กำกับ-พ.ต.อ.” จะมีตำรวจที่ได้รับการอุปถัมภ์จาก “เครือข่ายเพื่อไทย-นักการเมืองเพื่อไทย” ได้เป็นผู้กำกับ ในตำแหน่งสำคัญๆ ในกองบัญชาการต่างๆ ที่สำคัญ เช่น กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)-กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)-สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) รวมถึงจังหวัดต่างๆ ในสถานีตำรวจภูธร ในจังหวัดพื้นที่ของนักการเมือง-ส.ส.เพื่อไทย จะมีคนของเพื่อไทย ได้เก้าอี้ “สมหวัง” กันมากน้อยแค่ไหน
เพราะแม้ “เศรษฐา” ประธานก.ตร.จะบอกว่า อาจมีคนไม่สมหวัง แต่ก็มีการมองกันว่า ที่สมหวังก็น่าจะมีพอสมควร เพราะเป็นที่รู้กัน ในวงการสีกากี รายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายโดยเฉพาะในระดับ “พ.ต.อ.-พ.ต.ต.” สามารถปรับเปลี่ยน ใส่ชื่อเพิ่ม-ดึงชื่อออก ได้จนถึงนาทีสุดท้าย ก่อนคำสั่งออกมาในวันที่ 30 พ.ย.นี้
จึงทำให้คาดได้ว่า ตำรวจที่ถือ “ตั๋วเพื่อไทย” ก็น่าจะเข้าวินกันพอสมควร
…………………………………..
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย “พระจันทร์เสี้ยว”