แน่นอนว่า ในช่วงนี้ไปจนถึงปิดสมัยประชุมสภาฯที่รอบนี้จะปิดสภาฯกันตั้งแต่ช่วง 9 เม.ย.เป็นต้นไป คาดการได้ว่า ไม่น่าจะมีการ “ปรับคณะรัฐมนตรี” เกิดขึ้น แต่หลังสภาฯปิด อันเป็นช่วงที่ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 จะมีการนำขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว ตามไทม์ไลน์ที่รัฐบาลระบุออกมาหลังจากเร่งการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯปี 2567 ให้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึงร่วมสองสัปดาห์
โดยจากเดิมที่จะให้ สภาฯพิจารณาร่างพรบ.งบฯ ปี 2567 วาระที่ 2-3 เดิมกำหนดวันที่ 3-4 เม.ย. ก็เร่งมาเป็นวันที่ 20-21 มี.ค. จากนั้นส่งให้วุฒิสภา แล้วจะมีการนำร่างฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ เดิมกำหนดวันที่ 17 เม.ย. ก็เร่งมาเป็น 3 เมษายน แล้วก็ปิดสภาฯไปประมาณสองเดือน
ดังนั้น พอไปถึงช่วง เม.ย.-พ.ค. เท่ากับ “รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน” บริหารประเทศมา 8-9 เดือนแล้ว ถือว่าลงตัว-เหมาะสมทุกอย่าง ที่จะมีการ “ปรับครม.” เพื่อให้เกิด “ครม.เศรษฐา 2” ที่ตอนนี้ โควต้ารัฐมนตรี ก็ยังว่างอยู่ 2 ตำแหน่ง ในสัดส่วนเพื่อไทย 1 เก้าอี้ และพลังประชารัฐ 1 เก้าอี้ ก็ทำให้นอกจากตั้งคนให้เต็มโควตา เพื่อจะได้ไม่เสียของแล้ว ก็ถือโอกาสนี้ปรับครม.โดยเขย่าบางตำแหน่ง เพื่อให้แกนนำแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลที่รอเป็นรัฐมนตรีอยู่ ได้เข้ามาเป็นบ้าง สไตล์ “สมบัติผลัดกันชม”
ผนวกกับ หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” กลับมาอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า ได้ร่วมสองสัปดาห์แล้ว ก็ทำให้สามารถบริหารจัดการงานการเมืองในรัฐบาลเพื่อไทยได้เต็มที่ และคาดว่า ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ก็คงมี “แขกวีไอพี” ที่เป็นนักการเมืองในรัฐบาล-พรรคร่วมรัฐบาล เข้าไปหา “ทักษิณ” ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าหลายคนแล้ว โดยสื่อมวลชนไม่รู้ จึงทำให้ “ทักษิณ” รู้ข้อมูลข่าวสารการทำงานของรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง โดยเฉพาะในโควต้าพรรคเพื่อไทยได้เต็มที่ มากขึ้นกว่าสมัยหนีคดีอยู่ต่างประเทศ หรือนอนอยู่รพ.ตำรวจ ร่วม 6 เดือน
ซึ่งด้วยบุคลิกการเมืองของ “ทักษิณ” ที่มักจะปรับครม.ประมาณ 6-8 เดือนก็ปรับที ซึ่งมักทำสูตรนี้มาตลอด ตั้งแต่สมัยตัวเองเป็นนายกฯสองสมัย และสมัยรัฐบาลพลังประชาชนยุคสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลเพื่อไทย ยุคยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ดังนั้น ทุกอย่างเลยลงตัวหมดทางการเมือง จึงทำให้กระแสข่าวปรับ ครม.เริ่มถูกจับตามองมากขึ้นแน่นอนหลังจากนี้ โดยเฉพาะหลังปิดสภาฯ-หลังสงกรานต์ ที่อาจได้เห็น “ทักษิณ” โผล่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองมากขึ้นโดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ จนทำให้ “ทักษิณ” จะมีส่วนสำคัญในการทำโผครม.-ปรับครม. ว่าจะให้เอาใครเข้า-ใครออก โดย “เศรษฐา” คงไม่สามารถทำอะไรได้ แม้ต่อให้จะเป็นนายกฯก็ตาม
ในส่วนของโควต้ารัฐมนตรีของ “เพื่อไทย” ก็คาดกันว่า หลายคนน่าจะรักษาเก้าอี้ไว้ได้ อย่าง 3 รัฐมนตรี-3แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่ลาออกจากสส.เหลือแค่เป็นรัฐมนตรีอย่างเดียว เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาคือ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รองนายกฯ-“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.คมนาคม-“ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รมว.ดีอีเอสฯ สามคนนี้ น่าจะการันตีเก้าอี้ได้ระดับหนึ่งว่า แนวโน้มอยู่ยาว
โดยบางคนอย่าง “สมศักดิ์-ประเสริฐ” หากจะถูกปรับ ก็อาจจะปรับตำแหน่ง แต่ไม่ใช่ปรับออก และยังมีอีกหลายคน ที่ก็น่าจะรักษาเก้าอี้ไว้ได้ เช่น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขณะที่บางคนก็แน่นอนว่า ปักหลักยาว ไม่มีวันถูกปรับออก เช่น “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯและรมว.พาณิชย์
ส่วน “กลุ่มเสี่ยง” ของ “เพื่อไทย” ที่มีข่าวมาตลอดว่า อาจต้องลุ้น เพราะอาจโดนปรับออกก็มีหลายคนเช่น “เจ๊แจ๋น-พวงเพ็ชร ชุณละเอียด” รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี
กระนั้น ข่าวอีกทางบอกว่า สำหรับ “เจ๊แจ๋น-พวงเพ็ชร” น่าจะอยู่ได้อีกสักระยะ เพราะความเป็นสายตรง “คุณหญิงพจมาน ชินวัตร” ที่เรียกได้ว่าที่ผ่านมา ทำงานถวายหัวให้ “คุณหญิงอ้อ” มาตลอด ตลอดจนก็เป็น “เจ๊ใหญ่” ที่ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” มีความใกล้ชิด-ให้ความเคารพนับถือ เรียกได้ว่า มีแบ็คดี ตระกูลชินวัตร ค้ำเก้าอี้ไว้ได้อยู่ แม้ผลงานที่ผ่านมาตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2566 ที่รับผิดชอบพื้นที่กทม. แต่ “เพื่อไทย” แพ้ “ก้าวไกล” ยับ ได้สส.เขตมาแค่คนเดียว แต่คาดว่า “ทักษิณ-พจมาน” ก็พอเข้าใจได้ เพราะ “กระแสก้าวไกล” มาแรงจริงโดยเฉพาะในกทม.
ส่วนคนอื่นๆ ที่เคยมีข่าวติดโผอาจโดนปรับออก ก็เช่น “เกรียง กัลป์ตินันท์” รมช.มหาดไทย ที่ตอนนี้ควบเก้าอี้ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ด้วยอีกหนึ่งตำแหน่ง เนื่องจากผลงานตอนเลือกตั้งที่ดูแลพื้นที่อีสานใต้ก็ไม่เข้าเป้า “เพื่อไทย” แพ้หลายเขต ดังนั้นการที่ “เกรียง” ได้เป็นรัฐมนตรีหลายเดือน โดยก็ไม่ได้มีผลงานเป็นเนื้อเป็นหนังอะไร แล้วโดนปรับออกก็น่าจะถือว่า “ทักษิณ” ซื้อใจให้เยอะแล้ว
รวมถึงชื่ออื่นๆ ที่ถูกจับตาเช่น “สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” รมว.ท่องเที่ยวฯ เพราะแม้เลือกตั้งที่ผ่านมา “กลุ่มโคราชเพื่อไทย” โดยการนำของ “เสี่ยแป้งมันพันล้าน-วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล” อดีตรมช.คมนาคม บิดาของ สุดาวรรณ” ที่ย้ายมาจาก “เพื่อไทย” จะทำผลงานที่โคราชได้ดี ทำให้ “เพื่อไทย” ชนะที่โคราชได้หลายเก้าอี้ แต่การที่กลุ่มโคราชได้เก้าอี้ รมว.ถึง 2 เก้าอี้ คือ ประเสริฐ รมว.ดีอีเอส-สุดาวรรณ รมว.ท่องเที่ยวฯ ก็อาจทำให้ต้องมีการเกลี่ยเก้าอี้ไปให้กลุ่มอื่นๆ ใน “เพื่อไทย” ได้เป็นรัฐมนตรีบ้าง
อีกทั้งก็มีข่าวว่า แม้ “เศรษฐา” จะให้ความเอ็นดูและชื่นชมการทำงานของ “สุดาวรรณ” แต่ข่าวว่า ลึกๆ “นายกฯ” และ “แกนนำรัฐบาลเพื่อไทย” ก็มองว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวฯ ต่างชาติที่เข้ามาไทย น่าจะมีมากกว่านี้ และงานเชิงรุกในเรื่องการทำตลาดท่องเที่ยวในอีกหลายประเทศ น่าจะมีผลงานมากกว่านี้ ที่ก็ต้องดูว่า “ทักษิณ” จะต่อวีซ่าให้ “สุดาวรรณ” เป็นรมว.ท่องเที่ยวฯต่อไปอีกหรือไม่ เป็นต้น
นอกจากนี้ กระแสข่าว “เศรษฐา” จะไม่นั่งควบ “รมว.คลัง” อีกต่อไปแล้ว แต่จะไปควบ “รมว.กลาโหม” ก็เริ่มถูกจับตามองมากขึ้น
หลังหลายคนเห็น “เศรษฐา” ให้ความสำคัญกับงานของกองทัพอย่างผิดสังเกตุ เช่น เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ก็ไปตรวจเยี่ยมที่พักของทหารเรือ แถวอรุณอมรินทร์ ส่วนวันพฤหัสบดีที่ 28 ก.พ. หลังเสร็จสิ้นภารกิจไปสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เสร็จ ก็ไปร่วมงานกองทัพอากาศ ที่พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติทันที อีกทั้งช่วงหลัง นายกฯ ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับ “ผู้นำเหล่าทัพ” มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
จนลือกันไปว่า หรือ “เศรษฐา” จะเป็นนายกฯควบรมว.กลาโหม แทน “สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม แล้วโยก “สุทิน” ไปอยู่ตำแหน่งอื่น หรือไม่แน่ก็อาจถูกปรับออกเลย แม้ “สุทิน” จะให้สัมภาษณ์แสดงความเชื่อมั่นว่า เก้าอี้รมว.กลาโหมของตนเอง ยังไม่มีสัญญาณจะมีการปรับเปลี่ยนใดๆ มีแต่สัญญาณดี
กระนั้น ของแบบนี้ ต้องรอดูไปจนถึงช่วงเม.ย.-พ.ค.ที่จะถึงนี้!!!
เพื่อรอว่าสุดท้าย “ทักษิณ” จะเขย่า-ปรับเปลี่ยน เก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาลโดยเฉพาะของ “เพื่อไทย” มากน้อยแค่ไหน จะปรับเล็กหรือปรับใหญ่ แต่ก็เชื่อได้ว่า จะมีเซอร์ไพรส์บางตำแหน่งแน่นอน
…………………………..
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย…“พระจันทร์เสี้ยว”
