คาดหมายกันว่า โผรายชื่อคณะรัฐมนตรี “เศรษฐา 2” ที่มีการปรับกันอยู่ใน 3 พรรครัฐบาล คือ “เพื่อไทย-พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ” ที่กว่าโผจะนิ่ง ก็เกือบปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สุดท้ายแล้ว “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี น่าจะมีการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในเร็ววันนี้
บางฝ่ายก็คาดหมายว่า รายชื่อครม.เศรษฐา 2 น่าจะออกมาช่วงสัปดาห์หน้านี้ หรือต้นเดือนพ.ค. หากรายชื่อที่ส่งมาทุกอย่างนิ่งหมด ไม่มีการเปลี่ยนอีกแล้วในนาทีสุดท้าย หรือเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น “ว่าที่รัฐมนตรีบางคน” มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ จนทำให้การตรวจสอบของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนรี ล่าช้าออกไปจากเดิม หากเกิดกรณีแบบนี้ ก็อาจทำให้ โผครม.เศรษฐา 2 ขยับออกไปก็ได้
ในส่วนของความเคลื่อนไหวการส่งโผรายชื่อการปรับครม.ของแต่ละพรรคการเมือง ที่บางชื่อบางตำแหน่ง ก็ยังมีข่าวว่ายังไม่นิ่ง ยังรอเขย่าอยู่ แต่หากจับกระแสจนถึงสุดสัปดาห์ โฟกัสเฉพาะพรรคแกนนำรัฐบาล คือ “พรรคเพื่อไทย” ข่าวบอกว่า ค่อนข้างนิ่งแล้วเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์
ภายใต้สูตร “ออก 3 เข้า 4” ดังนี้คือ “เข้าใหม่” มีด้วยกัน 4 คน และ “ปรับออก” ไปเลย 3 คน
โดยในส่วนของกลุ่มเข้าใหม่ “รัฐมนตรีป้ายแดง” ประกอบด้วย “พิชัย ชุณหวชิร” นั่งรองนายกฯควบรมว.คลัง “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” นั่ง รมช.คลัง “จิราพร สินธุไพร” นั่ง รมช.พาณิชย์ “พิชิต ชื่นบาน” เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ
ส่วนที่จะถูก “ปรับออก 3 คน” คือ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” รมว.สาธารณสุข “ไชยา พรหมมา” รมช.เกษตร และสหกรณ์ และ “พวงเพ็ชร ชุนละเอียด” รมต.ประจำสำนักนายกฯ
นอกจากนี้ ก็ให้ตำแหน่งเพิ่มให้กับ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.คมนาคม ที่จะนั่งควบรองนายกฯอีกตำแหน่ง และโยก “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รองนายกฯ ไปเป็น รมว.สาธารณสุข รวมถึงสลับเก้าอี้ระหว่าง “เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช” รมว.วัฒนธรรม กับ “สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ที่จะมาเป็น รมว.วัฒนธรรม แทน
ส่วนสาเหตุที่ออก 3 แต่ได้เข้า 4 ก็เพราะที่ผ่านมาโควตารัฐมนตรีเพื่อไทย ปล่อยให้ว่างมาร่วม 8 เดือน เพราะตอนตั้ง “รัฐบาลเศรษฐา 1” เมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นชื่อของ “พิชิต ชื่นบาน” ที่เป็นทนายความตระกูลชินวัตร ถูกมองว่าน่าจะมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติจากปัญหาคดีความในอดีต จนมีกระแสต่อต้านแรงอีกทั้ง “เศรษฐา” คงไม่มั่นใจว่าจะมีปัญหาข้อกฎหมายหรือไม่ เลยไม่อยากเสี่ยง สุดท้าย “พิชิต” เลยถอนตัวนาทีสุดท้าย ก่อนนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เลยทำให้โควต้ารัฐมนตรีของเพื่อไทยว่างอยู่
แต่รอบนี้ ปรับออก 3 คน เลยทำให้ถ้ารวมกับเก้าอี้ที่ว่างอยู่ 1 คน เลยส่งเข้าไปใหม่ได้ 4 คน
คาดว่า ในช่วงที่ผ่านมา “เพื่อไทย” คงมีการตรวจสอบคุณสมบัติของ “พิชิต” แล้วว่า “ไม่มีปัญหา” และแรงต้านเริ่มลดน้อยลง เลยมีข่าวว่า “พิชิต” อาจได้เป็นรัฐมนตรีครั้งแรกในชีวิต หลังรับใช้ตระกูลชินวัตรมานาน จนเคยมีคดีความ-ถูกคุมขังมาแล้ว และปัจจุบันก็เป็นทีมกฎหมายข้างกาย “เศรษฐา” ชนิดเข้าออกห้องทำงานนายกฯได้ตลอด จึงไม่แปลกที่จะเบียด “ชูศักดิ์ ศิรินิล” ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยมาได้แบบไม่ต้องออกแรงมาก เพราะถือ “ตั๋วตระกูลชินวัตร” เข้าป้ายนั่นเอง
ส่วน “พิชัย ชุณหวชิร” ที่เพิ่งลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่เข้ามาในยุครัฐบาลเศรษฐา และประธานบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เมื่อกลางสัปดาห์ ก็ชัวร์แล้วว่า จะมาเป็น “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล” ที่ต้องบอกว่าชื่อนี้ “แนบแน่น” กับทั้ง “ทักษิณ ชินวัตร” และ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” มานานแล้ว
เพียงแต่ที่ผ่านมา จะทำงานอยู่หลังฉากเท่านั้น และในยุครัฐบาลทักษิณ และยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตัว “พิชัย-อดีตบิ๊กบางจาก” ก็เคยผ่านตำแหน่งสำคัญๆ ในวงการพลังงาน และการเข้าไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจหลายองค์กร อาทิ ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ “พิชัย” ก็อยู่ในตำแหน่งสำคัญๆ เช่น กรรมการและประธานกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย-ประธานกรรมการบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)-อดีตบอร์ดบริษัทการบินไทย เป็นต้น
จุดสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาของ “พิชัย” กับ “ยิ่งลักษณ์” ก็คือ การที่ “ยิ่งลักษณ์” ส่งชื่อ “พิชัย” ไปเป็น “พยานบุคคล” ในการสู้คดีจำนำข้าว ทั้งในชั้นป.ป.ช.และขอให้ขึ้นเป็นพยานเบิกความในคดีจำนำข้าวในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในฐานะ “นายกสภาวิชาชีพบัญชี” เพื่อให้ขึ้น “หักล้างข้อมูล” ของฝ่ายป.ป.ช.ในเรื่องตัวเลขทางการเงินและการบัญชีในโครงการรับจำนำข้าว
สุดท้ายแม้ “พิชัย” จะไม่สามารถช่วยให้ “ยิ่งลักษณ์” พ้นผิดได้ แต่ก็ทำให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งสองคน จึงทำให้ดูแล้ว “พิชัย” เข้ามาเป็นรองนายกฯควบรมว.คลังครั้งนี้ได้ เพราะได้แรงหนุนจาก “ยิ่งลักษณ์” มากกว่า “ทักษิณ”
จนทำให้ “เศรษฐา” ถึงยอมสละเก้าอี้ “รมว.คลัง” เพื่อเลิกควบ “ขุนคลัง” ไปเป็นนายกฯตำแหน่งเดียว และไม่ควบ รมว.กลาโหม อย่างที่มีแนวคิดในตอนแรก
ขณะที่ “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” ที่จะมาเป็น รมช.คลัง ข่าวว่าช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ยื่นใบลาออกจาก “เลขานุการรมว.คลัง” เรียบร้อยแล้ว ซึ่งชื่อนี้ ก็คือ “มือขวา-เด็กปั้น” ของ “ภูมิธรรม เวชยชัย” แกนนำรัฐบาลเพื่อไทย ที่ติดสอยห้อยตาม “ภูมิธรรม” มาเกือบ 10 ปี จนได้รับการผลักดันให้เป็นทั้ง “รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย-รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย-เลขานุการรมว.คลัง” และกำลังจะเป็น “รมช.คลัง” ทั้งที่ไม่เคยเป็น สส.แม้แต่สมัยเดียว ซึ่งที่ได้ดีแบบพรวดๆ ก็เพราะถือ “ตั๋วบิ๊กอ้วน” นั่นเอง
ส่วน “ว่าที่รมต.ป้ายแดง” อีกคน “จิราพร สินธุไพร” ชื่อนี้ก็ไม่ธรรมดา เพราะถือว่าขึ้นมาเร็วมาก เป็นสส.ร้อยเอ็ดแค่ 2 สมัย ก็จะได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว ขณะที่สส.ร้อยเอ็ด พรรคเดียวกันอย่าง “ฉลาด ขามช่วง” ที่เป็นสส.มาหลายสมัย ยังไม่เคยได้เป็นรัฐมนตรีเสียที แต่หลายคนที่เห็นเส้นทางเดินของ “น้ำ-จิราพร” ต่างบอกว่าไม่ธรรมดา
เพราะนอกจากจะเป็นลูกสาวของ “นิสิต สินธุไพร” อดีตส.ส.ร้อยเอ็ด และอดีตแนวร่วมนปช. ที่ตอนนี้หนีคดีอยู่ต่างประเทศ จากปัญหาคดีความตอนช่วงเสื้อแดงชุมนุมใหญ่ปี 2552-2553 เรียกได้ว่า “พ่อเคยสู้เพื่อทักษิณมาแล้ว จนต้องหนีคดีหลายปี” ทำให้ “ฝ่ายทักษิณ” ก็อยากให้รางวัลกับ “ครอบครัวสินธุไพร” ขณะเดียวกันตัว “จิราพร” ก็ถือเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ที่เพื่อไทย และ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” พยายามผลักดัน จนตอนนี้เป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่อยู่ในทีมของ “อุ๊งอิ๊ง” โดยตรง
นอกจากนี้เหตุที่ “จิราพร” เข้ามาเป็นรมต.รอบนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะ เมื่อมีการปรับ “ไชยา พรหมมา” สส.หนองบัวลำภู ออกจากรมช.เกษตรฯ ก็ทำให้ต้องเอา สส.อีสาน เข้ามาเสียบแทนตามโควตาอีสาน
ปัจจัยทั้งหมด เลยส่งให้ “จิราพร” มีชื่อลุ้นเป็นรัฐมนตรีป้ายแดงของเพื่อไทยในรอบนี้ ท่ามกลางกระแสข่าวล่าสุดว่า น่าจะเป็น “รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี” ที่จะมาแทนงานของ “พวงเพ็ชร” นั่นเอง
ทั้งหมดคือความเคลื่อนไหวการปรับครม.ในส่วนของเพื่อไทย ใน “ครม.เศรษฐา 2” ที่ใกล้คลอดเร็ววันนี้ และโผรายชื่อ ก็ไม่แน่อาจพลิกได้อีก…จนถึงนาทีสุดท้าย
……………………………………….
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย “พระจันทร์เสี้ยว”