แม้ศาลรัฐธรรมนูญ จะให้เวลา “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 15 วันในการส่งเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหากรณีกลุ่ม 40 สว.ยื่นเรื่องถอดถอน ที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไปเมื่อ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ก็เชื่อได้ว่า “เศรษฐา” และ “ทีมที่ปรึกษากฎหมาย-ทนายความ” ก็น่าจะขอขยายเวลาในการส่งเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแน่นอน ที่ก็เป็นแนวทางสู้คดีที่สามารถทำได้ และคงทำแน่นอน
โดยก็อาจเป็นไปได้ที่ “เศรษฐา-ทนายความ” อาจจะขอใช้สิทธิขยายเวลาในการส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา อย่างน้อย 2 รอบ ที่รอบหนึ่งก็อาจขอขยาย 15 วัน รวมแล้วก็เท่ากับขั้นตอนนี้ จะใช้เวลา 30 วัน หรือถ้าขยาย 3 รอบ แบบพรรคก้าวไกล ที่ขอขยายเวลาในการส่งเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา “คดียุบพรรคก้าวไกล” ก็เท่ากับ “เศรษฐา” จะมีเวลาในการส่งเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา อย่างน้อย 45 วันหลังรับคำร้อง 23 พ.ค.
หากเดินไปตามนี้ เท่ากับว่า กว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการในส่วนคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของ “เศรษฐา” ก็จะเสร็จภายในเดือน ก.ค.ปีนี้
จากนั้น ตามขั้นตอน ศาลรัฐธรรมนูญจะส่งเอกสารดังกล่าวให้กับ “ผู้ถูกร้อง” คือกลุ่ม 40 สว. เพื่อให้ใช้สิทธิ์ว่าจะส่ง “เอกสารคำโต้แย้งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา” ของนายกรัฐมนตรี ที่ก็จะมีเวลาให้กับผู้ถูกร้องอีก 15 วัน และสามารถขยายเวลาได้เช่นกัน แต่หากกลุ่ม 40 สว.ไม่ติดใจที่จะส่งเอกสารดังกล่าว ก็จะทำให้ ขั้นตอนต่อไป ศาลรัฐธรรมนูญก็จะประชุมกันว่า จะดำเนินการต่อไปอย่างไร จะมีการเปิดห้องพิจารณาคดีของศาลรธน.เพื่อ “ไต่สวนคำร้อง” ด้วยการเรียกพยานบุคคล-ผู้ถูกร้อง-ผู้ร้อง มาให้ถ้อยคำต่อศาลรัฐธรรมนูญ…หรือไม่
ดูจากรูปคดีแล้ว เป็นไปได้สูงมากที่จะมีการเปิดห้องพิจารณาไต่สวนคดี เพราะเมื่อศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 8 ต่อ 1 จำหน่ายคดี ในส่วนของ “พิชิต ชื่นบาน” ออกไป เพราะ “พิชิต” ลาออกจากรมต.สำนักนายกรัฐมนตรีไปแล้ว แต่คำร้องดังกล่าว ตัวของ “พิชิต” คือ “สารตั้งต้น” ของคดี เพื่อจะพิจารณาว่า “เศรษฐา” มีความผิด-ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญหรือไม่ ในการเสนอชื่อ “พิชิต” ขึ้นทูลเกล้าฯเป็นรัฐมนตรี แต่กลุ่ม 40 สว.เห็นว่า เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและมาตรฐานจริยธรรมฯ ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรมและฟังความให้สิ้นกระแสความ จึงจำเป็นมากที่ ศาลรัฐธรรมนูญคงต้องเรียก “พิชิต” มาให้ถ้อยคำต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ทำให้ถึงตอนนี้ คาดว่าจะมีบุคคลที่ต้องมาให้ถ้อยคำกับศาลรัฐธรรมนูญ ก็น่าจะมีเช่น “เศรษฐา” นายกฯ-“พิชิต” อดีตรมต.สำนักนายกรัฐมนตรี-ตัวแทนกลุ่ม 40 สว. ที่คาดว่าจะส่ง “ดิเรกฤทธิ์ เจนคลองธรรม” หรือ “ประพันธ์ คูณมี”-“ณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์” เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายบริหารของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่เป็นฝ่ายกลั่นกรองคุณสมบัติของบุคคลที่จะถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี และที่สำคัญเป็นบุคคลที่ลงชื่อทำหนังสือถามความเห็นไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อขอให้ช่วยพิจารณาคุณสมบัติของ “พิชิต” ว่าสามารถเป็นรัฐมนตรีได้หรือไม่ หลังก่อนหน้านี้ “พิชิต” เคยถูกคุมขังในคดีถุงขนม 2 ล้านบาท -ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ในฐานะผู้ทำหนังสือแจ้งถึงเลขาธิการครม. ที่ให้ความเห็นกับเลขาธิการครม. ถึงผลการพิจารณาคุณสมบัติของ “พิชิต” เป็นต้น
จึงต้องถือว่า กระบวนการสู้คดีของ “เศรษฐา” เริ่มเดินหน้านับหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา บนความไม่แน่นอนว่า ตัวเองจะได้เป็นนายกฯต่อไปหรือไม่ หรือจะเป็นนายกฯคนที่ 4 จากปีกเพื่อไทย-พลังประชาชน ที่ต้องกระเด็นหลุดจากเก้าอี้นายกฯ จากผลคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ต่อจาก “สมัคร สุนทรเวช-สมชาย วงศ์สวัสดิ์-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”
แต่ตอนนี้ มีการคาดหมายกันว่า “คดีของเศรษฐา” น่าจะใช้เวลาพิจารณาไม่นาน อาจไม่เกิน 3 เดือน ที่ก็คือ น่าจะประมาณปลายเดือนส.ค. หรือไม่เกินกลางเดือนก.ย.67 ศาลรัฐธรรมนูญก็น่าจะนัดลงมติชี้ขาดได้ว่า “เศรษฐา” จะได้ไปต่อ หรือพอแค่นี้ ต้องเก็บของออกจากตึกไทยคู่ฟ้า กลับไปเป็นนักธุรกิจขายบ้าน-คอนโดมิเนียม ที่ “แสนสิริ” ตามเดิม
อย่างความเห็นของ “ดิเรกฤทธิ์ เจนคลองธรรม” สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะแกนนำกลุ่ม 40 สว. ที่ยื่นคำร้องดังกล่าว บอกกับทีมข่าว thekey.news โดยให้มุมมองว่า “คำร้องของ 40 สว. ผมคิดว่า ศาลรัฐธรรมนูญน่าจะใช้เวลาในการพิจารณาคำร้องไม่นาน เพราะคำร้องที่กลุ่ม 40 สว.ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นมูลเหตุของการกล่าวหา พวกเราในฐานะผู้ถูกร้อง ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญหมดแล้ว โดยคำร้องมีความชัดเจนในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เมื่อมีความชัดเจนในคำร้อง ก็ทำให้สามารถกำหนดประเด็นที่มีความชัดเจนและครอบคลุม เพื่อให้ผู้ถูกร้อง (นายกรัฐมนตรี) ชี้แจงกลับมายังศาลรัฐธรรมนูญได้ภายในคราวเดียว โดยจากที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ผู้ถูกร้องส่งเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหามายังศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วัน หากเขาไม่ขอเลื่อน ก็สามารถตอบกลับไปที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เลย แต่ก็อาจเป็นไปได้ ที่ผู้ถูกร้องจะขอขยายในการส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ก็มองว่าภายในช่วง 15-30 วัน กระบวนการในการส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายกรัฐมนตรี ก็น่าจะเสร็จสิ้นลงได้ และทางศาลรัฐธรรมนูญหากต้องการข้อมูลจากบุคคลใด หรือตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในคำร้องมาให้ข้อมูล ก็สามารถเรียกมาไต่สวนได้ จากนั้นพอได้ข้อมูลทั้งหมด ก็คาดว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะนัดประชุมเพื่อสรุปเรื่องทั้งหมด ว่าได้ข้อมูลจากทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องครบถ้วนเพียงพอแล้วหรือไม่ หากเห็นว่าเพียงพอแล้ว ก็คงจะมีการนัดประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อลงมติต่อไป”
“ทั้งหมดทำให้ผมคิดว่า กระบวนการต่างๆ ในการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ คงใช้เวลาไม่น่าจะเกิน 3 เดือน ก็น่าจะมีการนัดลงมติ-ฟังคำวินิจฉัยได้” สว.ดิเรกฤทธิ์ แกนนำกลุ่ม 40 สว.บอกกับ ทีมข่าว thekey.news
และนั่นหมายถึง “เศรษฐา” ก็มีเวลานับถอยหลังอีกไม่เกิน 3 เดือน กับเดิมพันเก้าอี้นายกฯของตัวเอง ที่หลายคน มองว่า คดีนี้ถึงตอนนี้ โอกาสของ “เศรษฐา” อยู่ที่ 50-50 ที่จะอยู่ต่อหรือหลุดจากนายกฯ
………………………………………
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย “พระจันทร์เสี้ยว”
