การเกิดขึ้นของรัฐบาล “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย นับจากนี้อาจจะเรียกได้ว่า เป็น “รัฐบาลที่ตั้งเร็วที่สุดรัฐบาลหนึ่งในประเทศไทย” เพราะหลัง “เศรษฐา ทวีสิน” กระเด็นหลุดจากตำแหน่งนายกฯคนที่ 30 ของประเทศไทย ตอนประมาณ 15.30 น. ของวันพุธที่ 14 ส.ค. ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ก็ปรากฏว่า…“ทักษิณ ชินวัตร-พรรคเพื่อไทย-พรรคร่วมรัฐบาล-สภาผู้แทนราษฎร” ใช้เวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมง คือประมาณเกือบบ่ายโมง วันศุกร์ที่ 16 ส.ค. ก็เสร็จสิ้น กระบวนการประชุมสภาฯ ที่โหวต 319 เสียง ให้ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” ิขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
ทำให้ “อุ๊งอิ๊ง” ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เป็น “นายกฯอายุน้อยที่สุด” ตอนสภาฯโหวตเห็นชอบคือ 37 ปี และใช้เวลาในการตั้งรัฐบาล ได้ตัวนายกฯไม่ถึง 48 ชั่วโมง มาแทนนายกฯคนก่อน
และกระบวนการต่างๆ ก็ยังเร็วต่อเนื่อง เพราะเย็นวันศุกร์ที่ 16 ส.ค. “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาฯ ก็นำชื่อ “แพทองธาร ชินวัตร” ขึ้นทูลเกล้าฯ และมีข่าวว่า กระบวนการรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกฯ ก็จะเกิดขึ้นวันอาทิตย์ที่ 18 ส.ค.นี้
ความเร็วในการเกิดขึ้นของ “รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง” ยังไม่หมดแค่นี้ ข่าวว่า ช่วงต้นสัปดาห์นี้ รายชื่อ-โผ ครม. “อุ๊งอิ๊ง 1” หรือ “ครม.จันทร์ส่องหล้า” ก็น่าจะนิ่งและเรียบร้อยได้ หากไม่มีอะไรแทรกซ้อน
เพราะมีการคุยกันไว้แล้ว ตอนไปตกลงจับมือกันตั้งรัฐบาลต่อไป ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าของทักษิณ เมื่อคืนวันพุธที่ 14 ส.ค.ว่า โควตารัฐมนตรีของแต่ละพรรค ยังคงเหมือนเดิม แต่พรรคไหนจะปรับเปลี่ยนกันยังไง ให้ไปคุยกันในพรรคเอง
ด้วยเหตุนี้ ทำให้คาดว่า รายชื่อรัฐมนตรีแต่ละพรรค ที่จะส่งให้ “อุ๊งอิ๊ง” ก็จะใช้เวลาไม่นาน
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธกันไม่ได้ว่า แม้ “อุ๊งอิ๊ง” จะเป็นนายกฯ แต่ด้วยการที่เป็น “ผู้นำประเทศที่อายุยังน้อย” ขาดประสบการณ์ทางการเมือง และการบริหารราชการแผ่นดิน
และที่สำคัญ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้พ่อ คงไม่ปล่อยให้ “อุ๊งอิ๊ง” มีชะตากรรมการเมืองแบบเดียวกับตัวเอง ที่เคยต้องถูกทำรัฐประหาร-มีม็อบมาขับไล่และต้องหนีคดีไปต่างประเทศ 17 ปี รวมถึงกับน้องสาว “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่เป็น อาของ “อุ๊งอิ๊ง” ก็มีชะตากรรมใกล้เคียงกันกับทักษิณ
เพราะอย่างที่เห็นกันล่าสุดกับกรณี “เศรษฐา ทวีสิน” ขนาดระมัดระวังในจังหวะการเดินแล้ว ก็ยังพลาด โดนกลุ่มอดีต สว.ขั้วอำนาจเก่า ยื่นศาลรัฐธรรมนูญสอยร่วง ปิดฉากชีวิตการเมืองแบบเจ็บปวด ก่อนเวลาอันควรมาแล้ว
มันยิ่งทำให้ “ทักษิณ” ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้กับ “ลูกสาวตัวเอง” ไม่ให้ถูกฝ่ายตรงข้ามเล่นงานได้ ดังนั้น “ทักษิณ” จะลงมา “กำกับดูแลการทำงาน” ของ “อุ๊งอิ๊ง” ทุกเรื่อง-ทุกฝีก้าว ชนิดไม่ให้คลาดสายตา
ที่ก็จะเริ่มตั้งแต่ การทำโผครม.-การตั้งคณะรัฐมนตรี ที่ทุกชื่อ ต้องผ่านการสกีนจาก “ทักษิณ” จนเห็นชอบ-ไฟเขียวและชื่อเกือบทั้งหมด “ทักษิณ” จะเป็นคนบอกให้ “อุ๊งอิ๊ง” ตั้ง เพื่อไม่ให้มีพลาดแบบกรณีเสนอชื่อ “พิชิต ชื่นบาน” อีก
ซึ่งเรื่องของการป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด แบบเดียวกับ “พิชิต ชื่นบาน” ก็อาจทำให้ แม้รายชื่อโผครม.แต่ละพรรคร่วมรัฐบาลจะส่งเร็ว อาจไม่เกินวันพุธนี้ 21ส.ค. แต่ที่อาจจะช้า ใช้เวลาบ้าง ก็คือ ขั้นตอนการตรวจสอบ “คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม” ของคนที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี
เพราะจาก “คดีเศรษฐา” ที่หลุดจากตำแหน่งเพราะ “พิชิต” ทำให้ “อุ๊งอิ๊ง” ต้องเพิ่มความระมัดระวัง ในการให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตรวจสอบคุณสมบัติคนที่จะถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี ให้เข้มข้น-ละเอียดรอบคอบมากขึ้นกว่าที่เคยทำกันมา เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย โดนยื่นร้องเอาผิดได้
ทว่า หากคนที่จะมีชื่ออยู่ในโผ “ครม.อุ๊งอิ๊ง 1” ส่วนใหญ่ ถ้ามาจาก “ครม.เศรษฐาชุดสุดท้าย” ที่ผ่านการตรวจสอบมาแล้ว ก็น่าจะทำให้รายชื่อครม.เสร็จเรียบร้อยช่วงกลางสัปดาห์ และน่าจะมีการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ภายในไม่เกินสัปดาห์หน้า จากนั้นก็เดินไปตามขั้นตอนต่างๆ ตามลำดับ จนจบกระบวนการที่การแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภาที่รัฐบาลคงใช้เวลาไม่นาน ในการจัดทำเอกสารนโยบาย
หากทุกอย่างเดินไปตามนี้ ก็คาดว่า “รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง 1” ก็น่าจะเข้าบริหารประเทศได้อย่างเป็นทางการเร็วสุดก็น่าจะประมาณไม่เกินปลายเดือนส.ค.นี้
ท่ามกลางกระแสข่าวว่า “ทักษิณ-เพื่อไทย” แม้ก่อนหน้านี้ จะเคยบอกกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลว่า โควตารัฐมนตรีของแต่ละพรรค ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีการขยับ ล้างไพ่ใหม่
แต่ข่าวออกมาช่วงสุดสัปดาห์ว่า “เพื่อไทย” อาจขอเจรจากับ “บางพรรค” เพื่อขอสลับโควตา
ข่าวลือที่ออกมา พบว่า พรรคที่ถูกพูดถึงมากสุดในตลาดการเมือง ก็คือ “รวมไทยสร้างชาติ”
โดยเฉพาะข่าวลือทำนอง “เพื่อไทย” โยนหินถามทาง ความเป็นไปได้ ในการ ขอสลับโควตา “กระทรวงพลังงาน” ที่ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” โดย “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรคนั่งมาจะหนึ่งปีแล้ว โดยขอสลับกับ “กระทรวงกลาโหม”
พบว่า กระแสข่าวดังกล่าวเริ่มถูกพูดถึง หลังลือกันว่า “ทุนใหญ่” ที่เคยหนุน “พีระพันธุ์และพรรครวมไทยสร้างชาติ” และเป็นทุนใหญ่ที่มีสัมพันธ์อันดีกับ “ทักษิณ” มาตลอด ตอนนี้งัดกับ “กลุ่มพีระพันธุ์” จนแยกทางกันเดินแล้ว และขอให้ “ทักษิณ” ดึงโควตากระทรวงพลังงาน กลับคืนมาให้พรรคเพื่อไทยได้เลย แล้ว “กลุ่มทุนใหญ่ดังกล่าว” จะส่งคนมาเป็น “รมว.พลังงาน” เอง
แต่ข่าวบางกระแสก็แย้งว่า “พีระพันธุ์” ยังรักษาโควตารมว.พลังงานไว้ได้อยู่ แต่หากจะลุกจากตรงนั้นจริง ต้องมีเก้าอี้ที่ใหญ่พอตัว มาสลับเช่น รองนายกฯควบรมว.กลาโหม เป็นต้น
นอกจากนี้ ก็ยังลือกันอีกหลายตำแหน่ง เช่น รัฐมนตรีสายเศรษฐา-ยิ่งลักษณ์ บางคนน่าจะไม่ได้กลับเข้ามาใน “ครม.อุ๊งอิ๊ง” แล้ว เพราะ “วีซ่าหมด”
เว้นแต่จะมีการฝากฝังมาจาก “อาปู-ยิ่งลักษณ์” และ “เศรษฐา” ถึง “อุ๊งอิ๊ง” และ “ทักษิณ” ว่า ขอให้ต่อวีซ่าอีกสักรอบ
ถึงขั้นลือกันว่า ไม่แน่…อาจเขย่าแรง ถึงขั้นอาจเปลี่ยนตัว รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ ที่เป็นกระทรวงใหญ่กระทรวงหนึ่งในโควตาพรรคเพื่อไทยเลยเสียด้วยซ้ำ!
ขณะที่รัฐมนตรีสายเพื่อไทยบางคน หลังจากนี้ คงต้องวิ่งอีกรอบ เพื่อรักษาตำแหน่งให้กลับมาได้อีก โดยเฉพาะพวกที่เคยมีข่าวจะโดนปรับออกรอบที่แล้วตอน “รัฐบาลเศรษฐา” แต่รอบนี้ ดูเหมือนน่าจะต่อวีซ่าได้ยาก เช่น “เกรียง กัลป์ตินันท์” รักษาการรมช.มหาดไทย “สุทิน คลังแสง” รักษาการรมว.กลาโหม เป็นต้น
ถึงตอนนี้ตามกระแสข่าวที่ออกมา คาดว่า “ครม.อุ๊งอิ๊ง 1” อาจมี “เซอร์ไพรส์บางตำแหน่ง” ให้ฮือฮากันเล่นก็ได้
…………….
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย…“พระจันทร์เสี้ยว”