การจัดทัพ “บิ๊กข้าราชการ” ในยุครัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” ปรากฏว่า ที่ประชุม ครม. ทยอยเห็นชอบ “โผแต่งตั้ง-โยกย้าย” กันไปแล้วหลายกระทรวง เช่น กระทรวงยุติธรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง เป็นต้น
แต่ก็ยังมีบางหน่วยงาน ที่ยังไม่มีการเอาโผเข้าที่ประชุม ครม. เพราะติดขัดปัญหาภายใน เช่น “กระทรวงมหาดไทย” ที่มีข่าวว่า โผไม่ลงตัวในบางตำแหน่ง ทั้งระดับอธิบดีและผู้ว่าฯหลายจังหวัด อีกทั้ง “อนุทิน ชาญวีรกูล” รมว.มหาดไทย กับ “อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์” ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีการแก้ไขโผเดิมที่ “อดีตปลัดเก่ง-สุทธิพงษ์ จุลเจริญ” อดีตปลัดก.มหาดไทย ทำไว้อย่างไม่เป็นทางการ
รวมถึงลือกันว่า รอบนี้ “อนุทิน” ลงมาดูรายชื่อเกือบทุกตำแหน่งด้วยตัวเอง โดยเฉพาะเก้าอี้ “ผวจ.” ที่มีทั้งการตั้งคนไปแทนผู้ว่าฯที่เกษียณ และโยกสลับ ตลอดจนการตั้งระดับ 9 ขึ้นไปเป็นระดับ 10 เพื่อแทนระดับ 10 ที่เกษียณปีนี้ร่วมๆ 30 คน
จากเหตุผลข้างต้น เลยทำให้ต้องเลื่อนจากที่จะเอาเข้าครม. 1 ต.ค. ไปเป็น 8 ต.ค.นี้ ซึ่งหากเลื่อนอีก ก็แสดงว่า “โผคลองหลอด” มหาดไทยมีปัญหาหนักมาก ถึงไม่เอาเข้าครม.เสียที
ขณะเดียวกัน สัปดาห์นี้ ก็จะมีการตั้งบิ๊กข้าราชการบางหน่วยงานที่อยู่ในความสนใจจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะเก้าอี้ “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” (ผบ.ตร.) คนใหม่
หลังรั้วปทุมวัน วงการสีกากีไม่มี “ผบ.ตร.” มาหลายวันแล้ว ซึ่งสาเหตุที่ทำให้การตั้ง “ผบ.ตร.” รวมถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจปีนี้ ทุกระดับ ทุกกองบัญชาการ มีความล่าช้า ก็เพราะ เหตุผลด้านข้อกฎหมาย เนื่องจากการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจรอบนี้ จะทำได้ต้องทำหลัง 2 ต.ค.เป็นต้นไป ที่เป็นไปตามกฎหมายพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฯ และกฎก.ตร. ทำให้การแต่งตั้งผบ.ตร.และการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจทุกระดับปีนี้ เลยช้ากว่าปกติ
และหลังมีกระแสข่าวว่า สัปดาห์นี้จะมีการประชุมก.ตร. ที่ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ต้องเสนอชื่อ “ผบ.ตร.คนใหม่” ต่อที่ประชุมก.ตร.ด้วยตัวเอง จะนัดประชุมก.ตร. เพื่อเสนอชื่อผบ.ตร.คนใหม่ ให้ที่ประชุมโหวตเห็นชอบ
ในที่สุด ก็มีการยืนยันแล้วว่า “นายกฯแพทองธาร” ได้นัดประชุม ก.ตร.วันจันทน์นี้ 7 ต.ค. เวลา 14.30 น. เพื่อแต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่
ซึ่งถึงตอนนี้ ข่าวหลายกระแส มองว่า “บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์” รองผบ.ตร. นรต.41 เกษียณอายุราชการปี 2569 ยังน่าจะเข้าวิน เป็น “ผบ.ตร.คนใหม่” หากฟ้าไม่ผ่าปทุมวัน โอกาสพลิกน่าจะยาก
อีกทั้งช่วงหลัง ข่าวที่ว่า จะมีการให้ “พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข” ผช.ผบ.ตร.-รักษาการรองผบ.ตร. ที่แนบแน่นกับแกนนำพรรคเพื่อไทยสายภาคเหนือ ที่จะได้ขึ้นเป็นรองผบ.ตร. ติดยศ “พล.ต.อ.” เต็มตัว ในการแต่งตั้งรอบนี้เพราะมีอาวุโสในระดับ “ผช.ผบ.ตร.อันดับหนึ่ง” จึงทำให้ได้เป็นรองผบ.ตร. แน่นอนแล้ว ตามหลักอาวุโส เพราะกฎหมายเขียนล็อกเอาไว้
โดยมีข่าวก่อนหน้านี้ ทำนองว่า “จันทร์ส่องหล้าไม่ไฟเขียวให้พล.ต.อ.กิตติรัฐ เป็นผบ.ตร.” โดยจะให้รักษาการไว้ก่อน จากนั้นพอประชุม ก.ตร. พิจารณาแต่งตั้งระดับ “รองผบ.ตร.-ผู้บังคับการ” เสร็จ ตัว “พล.ต.ท.ประจวบ” ชื่อผ่าน ก.ตร.แล้ว และเมื่อมีการโปรดเกล้าฯให้เป็น “รองผบ.ตร.” ติดยศ “พล.ต.อ.” ที่น่าจะเป็นช่วงเดือนพ.ย. ค่อยเรียกประชุม ก.ตร.อีกครั้ง แล้วให้ “แพทองธาร” เสนอชื่อ “พล.ต.ท.ประจวบ” ที่ตอนนั้นเป็น “พล.ต.อ.” แล้ว ขึ้นเป็นผบ.ตร.คนใหม่
แต่ปรากฏว่า กระแสข่าวดังกล่าว แม้จะยังมีการพูดถึงกันอยู่ แต่ก็เบาลง เพราะจริงๆ ข่าวนี้ ถูกโยนหินถามทางใน “ยุค เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกฯ และเป็นประธานก.ตร. โดยตำแหน่ง แต่เมื่อตอนนี้ “แพทองธาร” ลูกสาวทักษิณ ขึ้นเป็นนายกฯ กระแสข่าวดังกล่าวเริ่มเบาลงไป เพราะมีการมองกันว่า “ทักษิณ” คงไม่อยากให้ลูกสาวตัวเองโดนด่า ว่าดันเอา “พล.ต.ท.ประจวบ” แบบข้ามอาวุโสเยอะ ทั้งที่มีแคนดิเดตเหมาะสมอยู่ถึง 3 คนกลับไม่ตั้ง กลับดึงเรื่องให้ช้าลง เพื่อรอ “พล.ต.ท.ประจวบ” ติดยศพล.ต.อ.ก่อน
ที่สำคัญ หากทำแบบนั้นจริง อาจทำให้เสี่ยงจะถูกร้องเรียน หรือมีการฟ้องต่อศาลปกครองได้ หากคนที่พลาดหวังไม่ยอม ที่ทำให้ “ทักษิณ” ไม่น่าเสี่ยง ที่จะให้ “ลูกสาว” ตกเป็นเป้าง่ายๆ เพียงเพื่อจะดัน “พล.ต.ท.ประจวบ” ที่เหลืออายุราชการอีกแค่ปีเดียว ก็เกษียณแล้วปีหน้า
เลยทำให้กระแสข่าวเรื่อง “พล.ต.ท.ประจวบ” จะเบียดขึ้นมาเป็น “ผบ.ตร.คนใหม่” เลยซาลงในช่วงหลัง แม้ยังจะมีการพูดถึงอยู่ แต่ก็น้อยลงไปมากกว่าก่อนหน้านี้
ซึ่งเรื่องนี้ “พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์” ในฐานะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ บอกกับ ทีมข่าว THE KEY NEWS ว่า ได้รับหนังสือเชิญให้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ อย่างเป็นทางการแล้ว ในวันจันทร์นี้ 7 ต.ค.เวลา 14.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ก็จะมีการพิจารณาเรื่องการแต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งส่วนตัวมั่นใจว่านายกฯคงจะเสนอคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด นายกฯคงดำเนินการไปตามแนวทางนั้น
“เพราะหากไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ก็อาจจะมีปัญหาข้อกฎหมาย ข้อขัดแย้ง กรณีร้องเรียนกล่าวหากันได้ต่อไป ก็อยากให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ข้อกฎหมาย ก็อยากให้เป็นไปตามนั้น ผมก็มั่นใจว่า นายกฯจะดำเนินการตามกฎหมาย ก็หวังไว้อย่างนั้น” พล.ต.อ.เอก ระบุ
สำหรับการเสนอชื่อ “ผบ.ตร.” ตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฯ พ.ศ.2565 บัญญัติให้นายกรัฐมนตรีต้องเป็นคนเสนอชื่อผบ.ตร.ต่อที่ประชุมก.ตร. ด้วยตัวเอง เพื่อให้ที่ประชุมโหวตว่า จะเห็นชอบกับรายชื่อที่นายกฯเสนอหรือไม่
ทั้งนี้ ตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่ที่จะเป็นผบ.ตร.คนที่ 15 มีตำรวจที่มีคุณสมบัติครบตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 ประกอบด้วย “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์” รองผบ.ตร. (นรต.41) เกษียณอายุราชการปี 2569-“พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง” จเรตำรวจแห่งชาติ (นรต.39) เกษียณอายุราชการปี 2568-“พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์” รอง ผบ.ตร. “นรต.42” เกษียณอายุราชการปี 2569
ส่วนหน่วยงานอื่นๆ ที่มีความเคลื่อนไหวในการจัดทัพบิ๊กข้าราชการปีนี้ ก็มีเช่น “สภาความมั่นคงแห่งชาติ” (สมช.) ซึ่งได้มีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่มี “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานไปเมื่อศุกร์ที่ผ่านมา 4 ต.ค. โดยข่าวว่า ที่ประชุมมีการเคาะชื่อเลขาธิการสมช.คนใหม่แล้ว ซึ่งรอบนี้จะให้เป็น “ลูกหม้อ-คนในตึกสมช.”ขึ้นเป็น เลขาธิการสมช.คนใหม่
ลือกันว่า คนที่จะถูกเสนอชื่อให้ครม.เห็นชอบ ก็คือ “ฉัตรชัย บางชวด” รองเลขาธิการสมช.อาวุโสอันดับหนึ่ง นั่นเอง หลังที่ผ่านมาร่วมสิบปี เลขาธิการสมช.เป็นคนนอก ทั้งทหาร-ตำรวจตลอด รอบนี้ “บิ๊กอ้วน” เลยต้องการซื้อใจ ข้าราชการสมช. ด้วยการหนุน “คนใน” ไม่เอาข้ามห้วยแบบที่ผ่านมา
ถ้าเป็นไปตามนี้ ก็ถือว่า “บิ๊กอ้วน” ซื้อใจคนในสมช. รวมถึงข้าราชการหน่วยอื่นๆ ได้พอสมควร กับการที่เห็น “คนในรัฐบาล” วางแนวปฏิบัติ การแต่งตั้งโยกย้าย พยายามเอา “คนในหน่วย-ไม่เอาคนนอก” เหาะมากินตำแหน่งหลัก-ตำแหน่งใหญ่ โดยไม่จำเป็น
…………….
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย… “พระจันทร์เสี้ยว”