แม้ “ทักษิณ ชินวัตร” จะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว แต่ “กรรมเก่าการเมือง” บางเรื่อง ก็ยังคงเป็น “หนามยอกอก” กวนใจอยู่
เช่นการต้องตกเป็นจำเลยในคดี 112 ต่อศาลอาญา กรณีให้สัมภาษณ์สื่อที่ประเทศเกาหลีใต้พาดพิง “สถาบัน” อีกทั้ง สถานการณ์ก็ไม่เป็นใจ ที่จะให้ “พรรคเพื่อไทย” จับมือกับ “พรรคประชาชน” ออกกฎหมายนิรโทษกรรม พ่วง “ล้างผิด 112” เข้าไปด้วย เพราะเสี่ยงจะเป็นการจุดชนวนให้เกิดม็อบต่อต้านรัฐบาลลูกสาว “แพทองธาร ชินวัตรได้” จึงทำให้ “ทักษิณ” ยังคงสุ่มเสี่ยงจะถูกตัดสินมีความผิดคดี 112 ได้ในอนาคต
ขณะเดียวกัน ผลพวงการเป็น “นักโทษเทวดา” ไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว ก็ยังไม่จบสิ้น เพราะบางฝ่ายยังคงไล่ล่าเอาผิดผู้เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลืออยู่ ทั้ง “คณะกรรมการป.ป.ช.” ที่มีข่าวว่า พยายามจะสรุปผลให้มีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนฯ ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งจาก “กระทรวงยุติธรรม-กรมราชทัณฑ์-เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร-รพ.ตำรวจ”
โดยมีข่าวว่า พยายามจะให้สรุปผลให้เสร็จก่อนสิ้นปีนี้ ก่อนที่ 2 กรรมการป.ป.ช. “วิทยา อาคมพิทักษ์-สุวณา สุวรรณจูฑะ”จะพ้นจากตำแหน่ง ป.ป.ช.ในวันที่ 30 ธ.ค.นี้
เพื่อหวังว่า อย่างน้อย ป.ป.ช. ก็มีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนแล้ว หลังโดนวิจารณ์มากว่า ป.ป.ช.ดึงเรื่องทำงานล้าช้า เพราะมีการยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.ตรวจสอบมาปีกว่าแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้า ขณะที่ฝ่ายที่ถูกตรวจสอบ ก็พยายามยื้ออยู่เช่นการที่ รพ.ตำรวจ ไม่ยอมส่ง “เวชระเบียน” ให้กับป.ป.ช. หลังทวงถามมาถึง 3 ครั้ง ก็ไม่ยอมส่ง และคาดว่า “ฝ่ายทักษิณ” ก็คงไม่ยอม จะยื่นคัดค้าน โดยใช้พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคลฯ ในการโต้แย้ง ไม่ให้ป.ป.ช.มาดู “เวชระเบียน” ได้ โดยอ้างเป็นเรื่องสิทธิส่วนตัวฯ
ขณะเดียวกันฝ่ายการเมือง ก็เกิดความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของ “แกนนำพรรคประชาชน” อย่าง “รังสิมันต์ โรม” ที่ใช้ความเป็น “ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร” เข้ามาตรวจสอบเรื่อง “ทักษิณป่วยทิพย์ ชั้น14 โรงพยาบาลตำรวจ” ในช่วงนี้ ทั้งที่เวลาผ่านไปร่วมปีแล้ว
“รังสิมันต์ โรม” เปิดเผยหลังการประชุมกมธ.ฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีการเชิญตัวแทนจากหลายฝ่ายโดยเฉพาะเรือนจำพิเศษฯและรพ.ตำรวจ โดยระบุว่า “การที่นายทักษิณป่วย มีอาการแน่นหน้าอก และไปที่สถานพยาบาล ปรากฎข้อมูลที่เราได้รับทราบว่า สุดท้ายคนที่มาดูแลสุขภาพนายทักษิณ เป็นแค่พยาบาลเท่านั้น นายทักษิณไม่ได้ถูกนำตัวไปที่โรงพยาบาลราขทัณฑ์เลย แพทย์ราชทัณฑ์ก็ไม่ได้มีโอกาสมาดูด้วยตา หรือใช้เครื่องมือดูแลสุขภาพนายทักษิณ มีเพียงพยาบาลโทรไปหาแพทย์ราชทัณฑ์เพื่อปรึกษา แล้วส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ จึงเป็นที่เคลือบแคลงว่าทำไมกระบวนการถึงเป็นแบบนั้น หลังจากเราไล่ไทม์ไลน์ทั้งหมด ระยะเวลาตั้งแต่นายทักษิณไปถึงสถานพยาบาล และพิจารณาหารือกับพยาบาลที่ได้ปรึกษาแพทย์ราชทัณฑ์ แล้วส่งต่อไปยังโรงพยาบาลตำรวจ จากข้อมูลที่ได้รับใช้เวลาเพียง 21 นาทีเท่านั้น หากตรวจดูจากกูเกิ้ลแมพ ดูระยะเวลาการส่งตัว ใช้เพียง 17 นาทีเท่านั้น หมายความว่า ระยะเวลาในการวินิจฉัย มีแค่เพียง 4 นาที ถือเป็นการทำเวลาได้รวดเร็วมาก”
จับท่าทีหัวหอกพรรคฝ่ายค้าน อย่าง “รังสิมันต์” แบบนี้แล้ว มันน่าสนใจไม่น้อยว่า ทำไม “ฝ่ายค้าน” เพิ่งตื่นมาตรวจสอบเรื่องนี้ หลังที่ผ่านมา “พรรคประชาชน” (ก้าวไกลเดิม) ถูกวิจารณ์หนักมากว่า เล่นบทฝ่ายค้านไม่เต็มที่ โดยเฉพาะเรื่อง “ทักษิณไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว” พรรคประชาชนในยุคพรรคก้าวไกล ไม่เคยแม้แต่จะออกมาวิจารณ์ ตั้งข้อสังเกตการเมืองใดๆ คืออาจจะมีบ้าง แต่ก็เบาหวิว เรียกได้ว่า เปรียบเทียบกับยุคตรวจสอบรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วง 2562-2566 แล้ว แตกต่างกันมาก
จนถูกมองว่า “พรรคก้าวไกล” ไม่อยากแตะทักษิณ เพราะต้องการเชื่อมสัมพันธ์การเมืองไว้ สำหรับการเลือกตั้งรอบหน้า ที่หวังจะจับมือกันตั้งรัฐบาล เพราะลึกๆ ก็เชื่อว่าตัวเอง ก็คงได้เสียงไม่เกิน 250 เสียง ไม่สามารถตั้งรัฐบาลเองได้ จำเป็นต้องมีพันธมิตรพรรคการเมืองอย่างพรรคเพื่อไทยไว้ในอนาคต เลยไม่อยากแตะ “ทักษิณ”
แต่การที่ “พรรคประชาชน” เริ่มมาขยับตรวจสอบเรื่อง “ชั้น 14 ของทักษิณ” แบบนี้ หากไม่มีมวยล้มเสียก่อน ก็เชื่อได้ว่า อาจจะเพื่อต้องการเก็บข้อมูลไว้ สำหรับการเปิด “ซักฟอก-อภิปรายไม่ไว้วางใจ” รัฐมนตรี-รัฐบาลเช่น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เพื่อกระทบชิ่งไปถึง “ทักษิณ-แพทองธาร” นายกฯ ก็ได้
เพราะเปิดสภาฯสมัยหน้าช่วง ธ.ค.67-เม.ย.68 ก็เท่ากับสภาฯ ชุดนี้อยู่มา 2 ปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมา 2 ปี ฝ่ายค้านแค่เปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลเพื่อไทยแบบไม่ลงมติ ตอนยุครัฐบาลเศรษฐา ทวีสินเท่านั้น หากรอบที่จะถึงนี้ ผ่านมา 2 ปี ก็ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วในการจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติได้เสียที และหาก “พรรคส้ม-ประชาชน” ทำได้ดี ก็จะเป็นการสร้างเรตติ้ง คะแนนนิยมให้กับ “เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรค และตัวพรรคประชาชน ได้เสียที
หลังถูกมองว่า เป็นเสือหลับมานาน และผลสำรวจโพลหลายสำนักช่วงหลัง ก็พบว่า เรตติ้งของ “ณัฐพงษ์” หัวหน้าพรรคประชาชน ห่างจาก “แพทองธาร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แบบโดนทิ้งห่างหลายช่วงตัว ดังนั้น หาก “พรรคประชาชน” มัวแต่รำป้อ ไม่เอาจริงในการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลเพื่อไทย สุดท้ายก็อาจเสียคะแนนนิยมอย่างที่เคยทำได้สมัยเป็นพรรคก้าวไกล
ขณะเดียวกัน หลังเก็บตัวมาร่วม 2 เดือนกว่า นับแต่ทำปืนลั่นหลายครั้ง ในช่วงจัดตั้งรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จนถูกร้องไปที่ “กกต.” และ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ว่า “ทักษิณ” ครอบงำพรรคเพื่อไทย ในการตั้งรัฐบาล ทำให้ “ทักษิณ” เก็บตัวเงียบมานาน
แต่ในช่วงสัปดาห์นี้ “ทักษิณ” จะกลับมาอยู่ในสปอตไลท์ทางการเมืองอีกครั้ง กับการไปช่วย “พรรคเพื่อไทย” หาเสียงเลือกตั้งนายกฯอบจ.อุดรธานี ที่จะไปช่วง13-14 พ.ย.นี้ ที่ต้องรอดูกันว่า “ทักษิณ” จะวาดลวดลายการเมืองอะไรออกมาให้ฮือฮาเล่นกันอีก?
………………………………………..
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย พระจันทร์เสี้ยว