วันศุกร์, เมษายน 11, 2025
หน้าแรกCOLUMNISTS‘ทักษิณ-พท.’ติดปีก ไร้ชนัก‘คดีล้มล้างฯ’
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘ทักษิณ-พท.’ติดปีก ไร้ชนัก‘คดีล้มล้างฯ’

ทำเอาหายใจโล่งอกทางการเมืองไปเลย สำหรับ “ทักษิณ ชินวัตร” และ “พรรคเพื่อไทย” ที่ไม่ต้องตกอยู่ในสภาพ “ผู้ถูกร้อง” ที่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” หลังเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา 22 พ.ย. ศาลรัฐธรรมนูญ “ยกคำร้อง-ไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัย”

คดีที่ “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า ทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 2) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฯ

ผลในทางการเมือง มันก็คือการทำให้ “ทักษิณ-เพื่อไทย”…“ไร้ชนักติดหลัง” ทางการเมือง ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญและทำให้ต่อจากนี้ ตัว “ทักษิณ” สามารถโลดแล่นทางการเมืองได้เต็มที่มากขึ้น เรียกได้ว่า “ติดปีก” เลยทีเดียว บางเรื่องที่ค้างคาไว้ เช่นการเดินหน้าเจรจากับกัมพูชา ในเรื่อง “แหล่งพลังงานแห่งใหม่” ในพื้นที่ทับสิทธิ์ ที่มีมูลค่าร่วม 10 ล้านล้านบาทที่โยงถึงเรื่อง MOU44 ซึ่งก็ตกเป็น 1 ใน 6 ประเด็นตามคำร้องที่มีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ที่ในคำร้องอ้างว่า…

“ทักษิณสั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา ให้มีการเจรจาพื้นที่ทับช้อนทางทะเล เพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าชธรรมชาติและทรัพยากรได้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของประเทศไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา”

จนอาจเคยทำให้ “ทักษิณ-เพื่อไทย” ไม่กล้าเดินหน้าเต็มที่เรื่องนี้มากนักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งแม้ประเด็นนี้ ตอนลงมติ “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” จะเสียงแตก คือมีมติ 7 ต่อ 2 ที่มีมติ “มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัย” แต่มันก็คือการที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัย ที่ก็ทำให้ “เพื่อไทย” ไม่ต้องกังวลใจเรื่องนี้ หากจะเดินหน้าเจรจาพื้นที่ทับสิทธิ์ตามกรอบ MOU44 ส่วนที่ว่า จะต้องยกเลิก MOU44 ก่อนเจรจา ตามที่บางฝ่ายเรียกร้องหรือไม่ รัฐบาลคงให้เดินไปทีละสเต็ป โดยลำดับแรก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ คณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee-JTC) ไปเจรจากับกัมพูชาก่อน จากนั้นค่อยว่าไปตามลำดับขั้นตอน แต่หลังจากนี้ก็คงเร่งกระบวนการต่างๆ ให้เร็วขึ้น

เพราะเรื่องการนำพลังงานฯขึ้นมาแบ่งปันผลประโยชน์กับกัมพูชา เป็นหนึ่งในนโยบายหลักที่ “ทักษิณ ชินวัตร” เคยประกาศไว้ และ “รัฐบาลเพื่อไทย” ก็เขียนเรื่องนี้ไว้เป็นนโยบายเร่งด่วนถึง 2 รัฐบาลติดกันคือ “รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน” และ “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร”

ทำให้คาดว่าหลังจากนี้ ยังไง “ทักษิณ-เพื่อไทย” จะเร่งเดินหน้าเรื่องนี้มากขึ้น หลังหยุดชะงักรอท่าทีของศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงต้องการหลบกระแสเรื่อง MOU44-Save เกาะกูด ที่เคยเป็นประเด็นร้อนแรงการเมืองมาร่วม 2-3 สัปดาห์ก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกัน การที่ไม่ต้องตกเป็นผู้ถูกร้องในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ ก็ทำให้ “ทักษิณ-เพื่อไทย” ไม่ต้องมาเสียเวลา-เสียสมาธิ ที่จะต้องเอาเวลามาคอยเตรียมการสู้คดี-การชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา รวมถึงแม้แต่…การเตรียมตัวไปขึ้นศาลรัฐธรรมนูญ หากศาลรับคำร้องแล้วเรียก “ทักษิณ” กับตัวแทนพรรคเพื่อไทย ไปให้ถ้อยคำต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อไม่รับคำร้อง ก็ทำให้สามารถเอาเวลาไปทำงานการเมืองอื่นๆ ได้เต็มที่ ไม่ต้องมาเสียเวลาในส่วนนี้

เพราะอย่างที่เห็น ช่วงปีหน้า “เพื่อไทย-ทักษิณ” ก็มีงานสำคัญคือ การเตรียมการช่วยเหลือผู้สมัครนายกฯอบจ.ที่ลงในนามพรรคเพื่อไทย ที่จะมีการเลือกตั้ง 1 ก.พ.2568 ซึ่งใน 47 จังหวัดที่เหลือที่ไม่ได้มีนายกฯอบจ.ชิงลาออกก่อนครบวาระ ทำให้จะต้องเลือกนายกฯอบจ.และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพร้อมกันในวันที่ 1 ก.พ.

คาดว่า ยังไง “เพื่อไทย” คงไม่ส่งคนลงสมัครในนามพรรคครบทั้ง 47 จังหวัด แต่จะมีหลายจังหวัดที่ “ทักษิณ-เพื่อไทย” แพ้ไม่ได้ ต้องชนะสถานเดียว ทำให้ “ทักษิณ-เพื่อไทย” ก็จะได้มีเวลา-สมาธิ ไปช่วยผู้สมัครนายกฯอบจ.ของเพื่อไทยในจังหวัดที่เน้นเป็นพิเศษ

อาทิเช่น “เชียงใหม่” บ้านเกิดของตระกูล ชินวัตร และฐานเสียงสำคัญของ “พรรคเพื่อไทย” ในภาคเหนือ เพราะรอบนี้ “พรรคประชาชน” ก็หวังปักธง “นายกฯอบจ.เชียงใหม่” ให้ได้หลังจากเลือกตั้งสส.ปี 2566 ที่ผ่านมา พรรคส้มเดิมคือ “พรรคก้าวไกล” ได้สส.เขต เชียงใหม่ มาถึง 7 เก้าอี้ จาก 10 เขต ส่วน “เพื่อไทย” ได้แค่ 2 ที่นั่ง !

ทำให้ “พรรคส้ม” คาดหวังมากว่า ที่จ.เชียงใหม่ มีโอกาสสูง ที่พรรคประชาชนจะเอาชนะ “ทักษิณ-เพื่อไทย” ได้ในสนาม “นายกฯอบจ.” จนมีการเปิดตัวผู้สมัครฯ หาเสียงล่วงหน้ามาเป็นปี คือ “พันธุ์อาจ ชัยรัตน์” อดีตผอ.สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ แต่มีหรือ “ทักษิณ-เพื่อไทย” จะยอม ยังไงต้องทุ่มเต็มที่ เพื่อเอาชนะ “พรรคประชาชน” ในเชียงใหม่ให้ได้ รวมถึงอีกหลายจังหวัด ที่ “ทักษิณ-เพื่อไทย” ก็ต้องการกุมชัยชนะ เช่น เชียงราย-ชลบุรี เป็นต้น

ดังนั้น เมื่อไม่ต้องมาห่วงเรื่องการสู้คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ ก็ทำให้ “ทักษิณ” กับ “เพื่อไทย” ไปช่วยลงพื้นที่หาเสียง “นายกฯอบจ.” ให้ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยได้ทั่วประเทศ เหมือนกับที่ไปช่วยหาเสียงให้ที่อุดรธานีฯ

ยกตัวอย่างมาให้เห็นแค่นี้ ก็เห็นได้แล้วว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องฯ ทำให้ “ทักษิณ(พ่อนายกฯอิ๊งค์)-พรรคเพื่อไทย” ติดปีกการเมือง…มากขึ้นทันที ไม่ต้องกังวลต้องไปเตรียมสู้คดี…ขึ้นโรงขึ้นศาล

กระนั้น “ชนักติดหลัง” ของ “ทักษิณ” ก็ยังมีอยู่ เช่น การตกเป็นจำเลยคดี 112 ที่ศาลอาญาฯ-การถูกคณะกรรมการป.ป.ช. รุกไล่ตรวจสอบเรื่องชั้น 14 รพ.ตำรวจ รวมถึงกมธ.ความมั่นคงฯ สภาฯ ที่คุมโดย “รังสิมันต์ โรม” แกนนำพรรคประชาชน ที่เข้ามาตรวจสอบเรื่องชั้น 14 อย่างหนักในช่วงหลัง เหมือนกับต้องการเอาข้อมูลไปเตรียมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล รวมถึงการที่ก่อนหน้านี้ กกต.มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเบื้องต้นกรณีมีผู้ร้องให้กกต.ตรวจสอบ “ทักษิณ” ครอบงำ “พรรคเพื่อไทย” และการจัดตั้งรัฐบาล เป็นต้น

เพียงแต่ต้องยอมรับว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องคดีล้มล้างการปกครองฯไว้วินิจฉัย มันเหมือนการ “ยกภูเขาออกจากอก” ของ “ทักษิณ-เพื่อไทย” ทำเอาถอนหายใจได้โล่งครั้งใหญ่

………….

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย…“พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img