ถึงตอนนี้ การเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม ที่ไม่ใช่ “ม็อบสามนิ้ว” และไม่ใช่กลุ่มพรรคการเมือง ซึ่งชูธง เรียกร้องให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากนายกรัฐมนตรี โดยอ้างเรื่อง ความล้มเหลวในการบริหารประเทศ มีด้วยกันสองกลุ่มหลัก ที่เปิดหน้า แสดงตัวตน
กลุ่มแรก คือ “กลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนฯ” ภายใต้การนำของ อดุลย์ เขียวบริบูรณ์ และ จตุพร พรหมพันธุ์
โดยกลุ่มดังกล่าว เสนอแนวทางให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออก แล้วให้รัฐสภาโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ แต่หากติดล็อกเลือกไม่ได้ ก็ไม่ขัดข้อง หากจะใช้ช่องทางรัฐธรรมนูญ เลือกนายกฯนอกบัญชีรายชื่อ หรือ “นายกฯคนนอก” เพราะถือว่าก็มาตามช่องทางรัฐธรรมนูญ
กลุ่มที่สอง ที่เพิ่งเปิดตัวมาแต่มีสเกลทางการเมืองเล็กกว่ากลุ่มไทยไม่ทนฯ นั่นก็คือกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “กลุ่มประชาชนคนไทย” นำโดย นิติธร ล้ำเหลือ อดีตแกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ “คปท.” ที่ต่อมาเข้าไปเป็น หนึ่งในแนวร่วมของกปปส.-ปรีดา เตียสุวรรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) นักธุรกิจอัญมณี-พิชิต ไชยมงคล อดีตผู้ประสานงานกลุ่ม คปท.
แต่ข้อเรียกร้องของ กลุ่มประชาชนคนไทย แตกต่างไปจากกลุ่มไทยไม่ทน เพราะระบุชัด ข้อเสนอคือ ให้มี “รัฐบาลสร้างชาติ” โดยลำดับแรก ให้บิ๊กตู่ลาออก จากนั้นรัฐสภา สรรหาเลือกนายกฯคนใหม่ ที่เป็นนายกฯนอกบัญชี ผ่านขั้นตอนตาม รัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 272 เพื่อให้ได้นายกฯคนนอกที่เข้ามาตั้ง “รัฐบาลสร้างชาติ” ซึ่งแกนนำกลุ่มนี้ บอกว่า “นายกฯ” จากรัฐบาลสร้างชาติ ที่เห็นว่าเหมาะสมคือ “ศุภชัย พานิชภักดิ์” อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO)
อย่างไรก็ตาม ถึงขณะนี้ผ่านมาได้ร่วมเดือนกว่า กับกระแส ไล่บิ๊กตู่ ของกลุ่มการเมืองนอกรัฐสภา เมื่อไล่เรียงความเคลื่อนไหวกันดู
นับแต่ “กลุ่มไทยไม่ทนฯ” เปิดตัวเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการครั้งแรก ผ่านการตั้งเวทีปราศรัยไล่พล.อ.ประยุทธ์ ครั้งแรกเมื่อ 4 เม.ย. ที่สวนสันติพรฯ ก่อนจะยุติไป เพราะโควิดเริ่มระบาด จากนั้น ไทยไม่ทนฯ ไม่ยอมเลิกราง่ายๆ ยิ่งคนปรามาสว่าเป็น “ม็อบฟืนเปียก” ปลุกไม่ขึ้น จตุพร-อดุลย์ ก็ยิ่งฮึด ไม่ยอมม้วนเสื่อง่ายๆ จนกลับมา รวมตัวกันอีกครั้ง แต่เปลี่ยนสถานที่-รูปแบบการเคลื่อนไหว ด้วยการจัดเวทีอภิปรายออนไลน์ ที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม พีซทีวี รามอินทรา โดยเริ่มครั้งแรก 24 เม.ย. พร้อมกับเติมสีสัน ดึงคนจากหลายกลุ่มหลายพรรคการเมือง มาร่วมกิจกรรมไล่รัฐบาล-สับบิ๊กตู่ แบบมันส์ๆ ไม่มีจังหวะคั่นกลาง
ไม่ว่าจะเป็น อาทิเช่น วันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานรัฐสภา-โภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา-คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุรพันธุ์ แกนนำผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทย-สุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ “ส.ศิวรักษ์”-สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านจากเพื่อไทย-พิชัย นริพทะพันธุ์ แกนนำเพื่อไทย-พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ-วิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล-ไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ยุครัฐบาลคสช.-น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล-ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี หรือ “หมู่อาร์ม” ผู้เปิดโปงการทุจริตในกองทัพ เป็นต้น
โดยถึงตอนนี้ เวทีออนไลน์ไทยไม่ทนฯ ผ่านมาร่วมเดือน ต้องยอมรับความจริงว่า ยังไม่สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนใดๆ ทางการเมืองได้ เสียงเรียกร้อง-คำวิพากษ์วิจารณ์ บิ๊กตู่ แบบแสบๆ คันๆ หลายสัปดาห์ รวมถึงการอ้างเรื่องเปิดเผยปมปัญหาต่างๆ เช่น การทุจริตในกองทัพ กลายเป็นเนื้อหา คำปราศรัย ที่ล่องลอยไปในสายลม ไม่เกิดอิมแพคทางการเมือง ส่วนคนในรัฐบาลก็ไม่ให้ราคา กระแสสังคมไม่ค่อยมีการพูดถึง
อย่างไรก็ตาม กลุ่มไทยไม่ทนฯ ดูจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เพราะมีข่าวว่า แกนนำในกลุ่มยังเชื่อว่า “กระแสไล่บิ๊กตู่ จุดติดระดับหนึ่งแล้ว” เพียงแต่ด้วยสถานการณ์โควิดระบาดหนัก คนมีความเครียด กับการใช้ชีวิตและปัญหาเศรษฐกิจ เลยไม่มีอารมณ์ร่วมทางการเมือง แต่หากโควิดคลี่คลาย แล้วกลุ่มไทยไม่ทนฯ ยืนระยะได้ถึงตอนนั้น
แกนนำกลุ่มไทยไม่ทน เชื่อว่า วันหนึ่งเมื่อกลุ่มไทยไม่ทนฯ นัดหมายรวมพล ออกมาจากสถานีพีซทีวี มาสู่ข้างนอก เช่น สวนสันติพรอีกครั้ง ก็อาจมีคนมาร่วมสามัคคีไล่รัฐบาลจำนวนมาก กลุ่มไทยไม่ทนฯ จึงต้องพยายามยืนระยะทำกิจกรรมการเมืองให้ยาวนานมากที่สุด อย่างน้อยถึงเดือนกรกฎาคมให้ได้ เพื่อรอสถานการณ์สุกงอม นัดรวมพล ไล่รัฐบาลครั้งใหญ่
ด้วยเหตุผลนี้ จึงน่าจะเป็นที่มาของการจัดกิจกรรม สามัคคีกันขับไล่ประยุทธ์ ติดต่อกัน 9 วัน ในโอกาสครบรอบ 7 ปีรัฐประหาร คสช.เมื่อ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ด้วยการจะจัดเวทีเสวนาออนไลน์ไล่รัฐบาลเก้าวันติดกัน ตั้งแต่ 22 พ.ค.นี้ เป็นต้นไป
ขณะที่ “กลุ่มประชาชนคนไทย ของนิติธร-ปรีดา” หลังแถลงข่าวเรียกร้องให้ บิ๊กตู่ ลาออกและเสนอนายกฯนอกบัญชีมาตั้งรัฐบาลช่วยชาติ หลังจากนั้น การเคลื่อนไหวก็เงียบหายไป
ซึ่งก็เป็นลักษณะเฉพาะของแกนนำกลุ่มอย่าง นิติธร ล้ำเหลือ-พิชิต ไชยมงคล อยู่แล้ว คือเคลื่อนไหวแบบเฉพาะกิจ ไม่ได้ทำต่อเนื่อง เพราะที่ผ่านมากลุ่มดังกล่าว ก็จะออกมานานๆ ครั้งเช่น นัดรวมตัวหน้าสถานทูตเยอรมันฯ เพื่อชี้แจงสถานการณ์การเมืองไทยในช่วงม็อบสามนิ้วกำลังแรงๆ หรือก่อนหน้านี้ ก็ไปยื่นแถลงการณ์กรณีการแทรกแซง ทำลายความมั่นคงไทย ของสหรัฐ ฯ ที่หน้าสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย จนมาล่าสุด เปิดแถลงข่าวที่ร้านกาแฟ ข้างล่างตึกพญาไท เรียกร้องบิ๊กตู่ลาออก
การเคลื่อนไหวของทั้ง กลุ่มไทยไม่ทนฯ-คณะประชาชนคนไทย ที่ออกมาเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออก โดยบางคนในสองกลุ่มข้างต้น ก็ถูกมองว่า เคยเป็นกองเชียร์บิ๊กตู่มาก่อน จึงทำให้เริ่มถูกจับตามองมากขึ้น แม้ในความเป็นจริง ก็อย่างที่เห็น การเคลื่อนไหวร่วมสองเดือนของกลุ่มไทยไม่ทน-คณะประชาชนคนไทยฯ ไม่ค่อยมีกระแสตอบรับจากประชาชนในวงกว้างเท่าใดนัก
ยิ่งบางข้อเสนอเช่น การตั้งรัฐบาลช่วยชาติ โดยเอา นายกฯคนนอก ฝ่ายค้านที่เชียร์กลุ่มเหล่านี้ที่ออกมาช่วยไล่บิ๊กตู่ แต่ฝ่ายค้านก็ไม่เอาด้วยกับสูตรนายกฯคนนอก แถมมีตั้งข้อสงสัยทำนอง “รับงานใครมาหรือไม่” หลังโลกโซเชียลฯ บอกมีหลายชื่อเหมาะเป็นนายกฯคนนอก ไม่ว่าจะเป็น ศุภชัย พานิชภักดิ์-พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นต้น
ที่น่าสนใจ พบว่า มีบางฝ่ายพยายามเชื่อมโยงการเคลื่อนไหวของทั้งสองกลุ่มไปที่ตัวละครการเมืองบางคน เช่น อานันท์ ปันยารชุน เพราะเห็นว่า “อดุลย์-ปรีดา” มีความสัมพันธ์อันแนบแน่น กับ “อานันท์” มาจะร่วมสามสิบปี ผนวกกับจริงๆ แล้ว “อดุลย์-ปรีดา” ก็เป็น “เพื่อนรัก” กันมาหลายสิบปี มีการนัดพบปะ เคลื่อนไหวการเมือง ร่วมกันหลายครั้ง
จากการตรวจสอบทางการข่าวแล้วพบว่า การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นของทั้งสองกลุ่ม ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับอดีตนายกฯอานันท์เลยทั้งสิ้น เป็นเรื่องของคนในกลุ่ม เคลื่อนไหวกันเอง ผ่านสายสัมพันธ์ความเชื่อมโยงที่คนในสองกลุ่มนี้มีต่อกันมานานแล้ว
อย่าง ตอนกลุ่มไทยไม่ทนฯ จัดเวทีไล่บิ๊กตู่ที่สวนสันติพร ตอนนั้น ข่าวบอกว่า ปรีดา เตียสุวรรณ์ ก็ไปร่วมสังเกตุการณ์ที่ด้านข้างเวทีตลอด แต่ไม่ได้ขึ้นเวที ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวว่า ปรีดา ก็เป็น “ขาประจำ” ของร้านกาแฟ ใต้ตึกตึกพญาไทฯ ซึ่งสำนักงานทนายความของนิติธรตั้งอยู่ โดยหลายคน จะเห็น “นิติธร-ปรีดา” ร่วมวงคุยการเมืองกันมาตลอด ไม่ใช่การมารวมตัวแบบเฉพาะกิจ เพื่อไล่บิ๊กตู่ เพราะมีคนขอร้องมาให้เคลื่อนไหว
ขณะที่ตัว “นิติธร-ทนายนกเขา”เป็นที่รู้กันว่า การเคลื่อนไหวของเขาและเพื่อนพ้องน้องพี่ ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวแบบเอามันส์ ไม่ได้มีใครสั่งการหรือมีอะไรอยู่เบื้องหลัง แม้จะมีเสียงร่ำลือกันว่า ทนายนกเขา แนบแน่นกับ อดีตขุนทหาร จำนวนมาก รวมถึง ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง หลายคน แต่การเคลื่อนไหวแต่ละครั้ง ส่วนใหญ่ทนายนกเขาไม่ได้ปรึกษาหารือใครมาก่อน
อย่างที่ออกมาเรียกร้องให้บิ๊กตู่ลาออก ก็เป็นเพราะมีการหารือกันที่วงกาแฟ ตึกพญาไท หลายรอบ จนเห็นว่า สถานการณ์ตกผลึก เลยนัดแถลงข่าว เพื่อโยนเรื่อง “รัฐบาลสร้างชาติ” ออกมา ลองวัดกระแสตอบรับจากประชาชน ขณะเดียวกัน มันก็เป็นการ “สร้างแนวร่วมไม่เอาบิ๊กตู่” ให้ดูมีมากขึ้น ไม่ได้มีแค่แต่กลุ่มไทยไม่ทนฯ กลุ่มเดียว
ทั้งที่จริง “ปรีดา” กับ “อดุลย์” ก็สามารถเคลื่อนไหวร่วมกันได้ แต่ “ปรีดา” เลือกที่จะมาเคลื่อนไหวกับ “นิติธร” แห่งตึกพญาไทแทน เพื่อทำให้แลดูว่า “กลุ่มไม่เอาบิ๊กตู่” กำลังมีมากขึ้น แม้ในความเป็นจริง “กลุ่มประชาชนคนไทย” จะมีแนวร่วมจริงๆ ไม่ถึงสิบคน…ก็ตาม !!!
และหลังการจุดประเด็น “นายกฯคนนอก-รัฐบาลสร้างชาติ” ที่ไม่ค่อยมีกระแสขานรับมากนัก ก็มีข่าวว่า กลุ่มประชาชนคนไทย ตอนนี้ขออยู่นิ่ง ๆก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์อีกสักระยะ โดยอาจเป็นไปได้ที่จะกลับมาเคลื่อนไหวอีกรอบ หลังโควิดจบลง
ประเมินสถานการณ์ เลยเห็นชัด การเมืองนอกรัฐสภาในช่วงนี้ ไม่น่าจะสร้างปัญหาอะไรให้กับบิ๊กตู่ ได้มากนัก ยิ่ง “ม็อบสามนิ้ว” ยังออกมาเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้ แกนนำก็ติดเงื่อนไขประกันตัว ส่วน “กลุ่มไทยไม่ทน-คณะประชาชนคนไทย” ก็ยังไม่มีพลังทางการเมืองเพียงพอในการปลุกกระแสไล่รัฐบาลได้ ผสมกับสถานการณ์โควิด ทำให้การเคลื่อนไหวการเมืองนอกรัฐสภา…ทำได้ยาก
ทุกอย่างเลยเข้าทางรัฐบาล ทำให้ไม่ต้องกังวลการเมืองนอกรัฐสภา แต่ที่น่ากังวลต่อจากนี้สำหรับบิ๊กตู่ ก็คือ..
“การเมืองในรัฐสภา”
ที่เปิดสมัยประชุมฯ ไปแล้วเมื่อ 22 พ.ค. และจะเริ่มประชุมกัน สัปดาห์นี้เป็นต้นไป โดยมีหลายเรื่องร้อนๆ รอให้ “บิ๊กตู่-รัฐบาล” เตรียมรับมือฝ่ายค้าน โขกสับกลางสภาฯ
ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาร่างพรบ.งบฯ 65-การให้ความเห็นชอบพรก.เงินกู้รอบใหม่ 7 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลต้องส่งกลับมาให้รัฐสภาอีกครั้ง รวมถึงศึกซักฟอก “อภิปรายไม่ไว้วางใจ” ที่แกนนำพรรคฝ่ายค้านหลายพรรค เห็นตรงกันว่า เปิดสภาฯรอบนี้ จะยื่นซักฟอก “บิ๊กตู่-รัฐมนตรีหลายคน” จากเรื่องปัญหาโควิดฯ
การเมืองในรัฐสภา จึงเป็นศึกหนักอย่างแท้จริงของบิ๊กตู่ และรัฐบาลต่อจากนี้
……………………..
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย “พระจันทร์เสี้ยว”