วันอังคาร, มกราคม 7, 2025
หน้าแรกCOLUMNISTS“ทักษิณ-เพื่อไทย”....ลุยกรำศึก“อบจ.” วางเป้ากวาด 16 เก้าอี้-ต่อท่ออำนาจ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ทักษิณ-เพื่อไทย”….ลุยกรำศึก“อบจ.” วางเป้ากวาด 16 เก้าอี้-ต่อท่ออำนาจ

ปีมะโรง 67 “ทักษิณ ชินวัตร” ว่าคึกแล้ว ปีนี้ 2568 งูเล็กมะเส็ง น่าจะคึกหนักขึ้นไปอีก!!!

หลังปี 2567 ที่ผ่านไป ทุกอย่างเข้าทางเป็นใจหมด ไม่ว่าจะเป็น เป็นปีที่ “ทักษิณ” ออกจากรพ.ตำรวจ เมื่อ 17 ก.พ.2567 จากนั้นก็พ้นการพักโทษเมื่อ 31 ส.ค.2567 ทำให้กลับมาเป็นอิสระ ไม่ต้องแกล้งป่วยและอยู่ในการคุมประพฤติ

และที่พีกสุดคือ เป็นปีที่ “ทักษิณ” ทำให้ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” ขึ้นเป็นนายกฯในวัยแค่ 37 ปี เมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2567 ซึ่งเร็วกว่าที่ “ทักษิณ” คิดไว้อย่างน้อยก็สามปี เพราะเดิมที ตั้งใจดันให้เป็นนายกฯหลังเลือกตั้งปี 2570 

หรือเรื่องการเมือง ปีที่แล้ว 2567 “ทักษิณ” บินไปช่วยหาเสียง “นายกอบจ.” ให้ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ทั้งที่อุดรธานี และ อุบลราชธานี ก็ชนะหมด ยังสะกดคำว่า “แพ้ไม่เป็น”

และปลายปี 2567 ก็ได้ข่าวดี มีตำแหน่งเป็น “ที่ปรึกษาประธานอาเซียน” อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่ตั้ง “ทักษิณ” เป็น “ที่ปรึกษาส่วนตัว” หลังนายกฯมาเลเซีย เข้ารับตำแหน่งประธานอาเซียนในปี 2568 ต่อจาก “ลาว” จนได้ไปกินกาแฟกับ ผู้นำมาเลเซียที่เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูลเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา  

ที่สำคัญ 2567 ยังเป็นปีที่ “ทักษิณ” ได้ล้างแค้น “พี่น้อง 3 ป.” เสียที ด้วยการตั้ง “รัฐบาลแพทองธาร” โดยปรับ “พรรคพลังประชารัฐ” และ “วงษ์สุวรรณ” ออกจากรัฐบาล ไม่ให้อยู่ในรัฐบาลลูกสาวตัวเอง

แถมไม่พอ…ยังทำให้ “พลังประชารัฐ” แตกยับ จากส.ส. 40 คน ตอนนี้ “กลุ่มบ้านป่ารอยต่อ” เหลือแค่ 20 คน เพราะ ให้ท้าย “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” หักหลัง “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร” ด้วยการตั้ง “พรรคกล้าธรรม” รอไว้ก่อน จนทำให้ตอนนี้ แม้ “พลังประชารัฐ” จะมีส.ส.ร่วม 20 คน แต่ในความเป็นจริง…นับนิ้วแล้ว ที่จะอยู่กับ “ลุงป้อม” จริงๆ ไม่น่าเกินสิบคนแล้ว พวกที่อยู่ตอนนี้ก็อยู่แต่ตัว แต่ใจไปหมดแล้ว เตรียมแยกย้ายกันไปตามพรรคต่างๆ ทั้ง “พรรคกล้าธรรม” ของ “ร.อ.ธรรมนัส” และ “พรรคภูมิใจไทย” บางคนก็เตรียมดีลกับ “ทักษิณ” ขอกลับ “พรรคเพื่อไทย” เข้าสภาพ “พลังประชารัฐ” รอพรรคแตก ทำให้ “ทักษิณ” คงคิดในใจ สาแก่ใจยิ่งนัก ที่ได้ล้างแค้นรอบนี้

ทั้งหมด ทำให้ปี 2567 ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นปีที่พีกสุดๆ ของ “ทักษิณ” ทุกอย่างเป็นใจหมด

และมันน่าจะเป็นแรงส่งให้ “ทักษิณ” มั่นใจการเมืองมากขึ้นว่า ปีนี้ 2568 ก็จะต้องดีกว่าเดิม และต้องเตรียมพร้อมการเมืองทุกอย่าง เพื่อทำให้รัฐนาวา “แพทองธาร” อยู่ได้นานที่สุด ยิ่งอยู่ถึงครบเทอมยิ่งดี อีกทั้งต้องวางแผนกรุยทางไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อทำให้ “เพื่อไทย” ชนะเลือกตั้งรอบหน้า และทำให้ “อุ๊งอิ๊ง” กลับมาเป็นนายกฯอีกรอบ!

ซึ่งยุทธศาสตร์การเมืองหนึ่งที่จะช่วยได้ ก็คือ การต้องยึดฐานที่มั่นการเมืองท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุดในแต่ละจังหวัด ที่ก็คือ “อบจ.” ทั้ง “นายกอบจ.” และ “สจ.” ให้ได้เป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะ “นายกอบจ.” ที่คุม “งบอบจ.” ทั้งจังหวัดที่ส่วนใหญ่ก็ระดับร้อยล้านถึงเฉียดพันล้านต่อปีในจังหวัดใหญ่ๆ

หากคนของ “เพื่อไทย” เป็น “นายกอบจ.” ก็สามารถสร้างผลงาน-ออกนโยบายที่โดนใจคนในจังหวัด จนมีผลต่อการเลือกตั้งสส.และท้องถิ่นในจังหวัดตามมา จนต่อยอด-หวังผลการเมืองได้ ทั้งการเลือกตั้งท้องถิ่นและระดับชาติ ในรอบต่อๆ ไป แบบยาวๆ ไปเลย ทำนอง “ยึดหมดทั้งจังหวัด” นั่นเอง  

สำหรับการเลือกตั้งนายกอบจ.ครั้งนี้ จะเลือกกัน 47 จังหวัดเพราะก่อนหน้านี้ มีนายกอบจ.ร่วม 29 คน ชิงลาออกก่อนครบวาระ ทำให้เลือกตั้งกันไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยจะหย่อนบัตร 1 ก.พ.2568

“เพื่อไทย” ส่งคนลงสมัครในนามพรรคอย่างเป็นทางการ 14 จังหวัด และสมาชิกพรรค 2 จังหวัด เช่น “พิชัย เลิศพงศ์อดิศร” อดีตนายกอบจ.เชียงใหม่ ที่ไม่ได้ลงในนามพรรค แต่ลงสมัครในนามสมาชิกพรรค ที่คาดว่า เป็นเรื่องของปัญหาเกี่ยวกับคดีความของ “พิชัย”

คือไม่ได้ส่งคนลงหมดแบบหว่านแหให้ครบ 47 จังหวัด แต่เลือกเฉพาะจังหวัดที่เชื่อว่า ลงแล้วชนะ จังหวัดไหนไม่ชัวร์ ไม่ส่ง ยิ่งบางพื้นที่เช่น ภาคใต้ ก็ไม่เอาเลย เพราะรู้ดีว่า ภาคใต้คือจุดอ่อนของ “เพื่อไทย” และ “ทักษิณ” โอกาสจะชนะเป็นศูนย์

และมีข่าวว่า ที่ส่งลงทั้งหมด “ทักษิณ-เพื่อไทย” ต้องการ “กวาดเรียบ” คือ ชนะ 100 เปอร์เซ็นต์ 16 จังหวัด เพราะทุกจังหวัดที่ส่ง มั่นใจแล้วว่า มีฐานเสียงแน่นหนา และมีสส.ในจังหวัดที่ช่วยเหลือได้ และเกือบทั้งหมด “เพื่อไทย” เชื่อว่าคัดตัว “ผู้สมัคร” มาเป็นอย่างดี ที่มีทั้งอดีตนายกอบจ.รอบที่แล้ว ที่ลงต่อในนามพรรคเพื่อไทย

เช่น “ยลดา หวังศุภกิจโกศล” อดีตนายก อบจ.นครราชสีมา แม่ของ “สุดาวรรณ” รมว.วัฒนธรรม จากตระกูลโรงงานผลิตแป้งมันพันล้านโคราช ที่ตอนแรกจะไม่ลงในนามพรรคเพื่อไทย แต่เพราะถูกลูกสาวกล่อม และแกนนำเพื่อไทยร้องขอให้ลงในนามพรรค สุดท้าย “ยลดา” เลยยอม และ “ทักษิณ” ก็ไปขึ้นเวทีเปิดตัวให้ที่โคราชอย่างเป็นทางการ รวมถึงอีกหลายจังหวัดเช่น “อนุวัธ วงศ์วรรณ” อดีตนายกอบจ.แพร่หลายสมัย “ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร” อดีตนายกอบจ.ลำปาง ลูกสาว “ไพโรจน์” ที่ “ทักษิณ” จะบินไปช่วยหาเสียงให้ 12 ม.ค.นี้ “อนุสรณ์ วงศ์วรรณ” อดีตนายกอบจ.ลำพูน และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง  

รวมถึงอีกหลายจังหวัด ที่ต้องการชนะเพื่อผลทางการเมืองในพื้นที่ เช่น นครพนม ซึ่งรอบนี้คนของ “เพื่อไทย” แข่งกับ “ภูมิใจไทย” และ “เนวิน ชิดชอบ” อย่างดุเดือด เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี หรือที่ เชียงราย ที่เพื่อไทย ส่ง “ภรรยายงยุทธ ติยะไพรัช” ลงสมัคร ก็เพื่อหวังผลให้เลือกตั้งใหญ่รอบหน้า เพื่อไทยต้องกลับมาตีตื้นเอาคืน ส.ส.เขต เชียงรายให้ได้ หลังเลือกตั้งที่ผ่านมา พลาดไป โดนพรรคส้ม ชิงไปได้ถึง 3 เก้าอี้ จาก 7 เขต เป็นต้น

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า “เพื่อไทย” มีการแบ่งโซนพื้นที่ให้แกนนำพรรครับผิดชอบดูแลผู้สมัครกันเลย เช่น อีสาน จะมี “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.คมนาคม รับผิดชอบ ร่วมกับ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รมว.ดีอีเอส และ “มนพร เจริญศรี” รมช.คมนาคม หรือ ภาคเหนือ ก็ให้ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข กับ “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” รับผิดชอบ เป็นต้น

หาก “เพื่อไทย” ทำได้เข้าเป้า ชนะหมดทุกจังหวัด หรืออาจพลาดสักไม่เกิน 3 จังหวัด “ทักษิณ” ก็คงพอใจแล้ว และคงมั่นใจมากขึ้นว่า เลือกตั้งใหญ่ ส.ส.รอบหน้าที่จะมีขึ้น มีโอกาสที่ “เพื่อไทย” จะกลับมาทวงคืน ชัยชนะในการเลือกตั้งได้อีกครั้ง

และนั่นหมายถึง โอกาสที่ “แพทองธาร” จะกลับมาเป็นนายกฯรอบสอง หลังเลือกตั้งรอบหน้า ก็มีความเป็นไปได้ นี้คือสิ่งที่ “ทักษิณ” คงคิดในใจ

……………………………………

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย “พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img