27 ก.พ. คือวันดีเดย์ที่ พรรคร่วมฝ่ายค้าน จะยื่น ญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ต่อ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเคาะออกมาหลังการนัดหารือกินข้าวเย็นของแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ณ ที่ทำการพรรคไทยสร้างไทย
โดยหากไม่มีเหตุอะไรให้ฝ่ายค้านเลื่อนวันยื่นญัตติออกไป ทำให้คาดว่า น่าจะสามารถเปิดประชุมสภาฯเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจภายในช่วงกลางเดือนมี.ค. และรอบนี้ ฝ่ายค้านประกาศจองกฐินขอเวลาซักฟอกรัฐบาล-รัฐมนตรีรวม 5 วัน!
กระนั้นเชื่อว่า วิปรัฐบาลคงไม่เล่นด้วย จะต้องเจรจาต่อรองให้อย่างมากเต็มที่ก็คง 3 วัน
เบื้องต้นข่าวยังไม่แน่ชัดว่า ฝ่ายค้านจะอภิปรายนายกรัฐมนตรีและครม.ทั้งคณะ หรือจะอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล แต่ส่วนใหญ่เชื่อกันว่า น่าจะอภิปรายรายบุคคลมากกว่า เพราะ “นายกฯแพทองธาร ชินวัตร” หากไปถึงเดือนมี.ค. ตัวนายกฯเพิ่งเข้ามาทำงานได้ประมาณ 6 เดือนเศษเท่านั้น ยิ่งถึงตอนนี้ ว่ากันตามสภาพ ก็ยังไม่พบข้อมูลอะไรที่จะหนักหน่วงถึงขั้น ซักฟอกนายกฯแพทองธารได้
เพราะอย่างเรื่อง ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ก็เกิดก่อน “แพทองธาร” เป็นนายกฯ จึงทำให้ถึงตอนนี้ น้ำหนักการเมือง คนยังเชื่อว่า ฝ่ายค้านน่าจะซักฟอก “รมต.รายบุคคล” มากกว่า แต่ก็ต้องดูว่าถึงช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนก.พ.ที่ยังมีเวลาเหลืออีก 2 สัปดาห์เศษ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะตกผลึกกันอย่างไร??
แต่ก่อนจะไปถึงวันดีเดย์ยื่นญัตติซักฟอก ฝ่ายค้านก็โหมโรง ฉาย Trailer หวังเขย่าขวัญรัฐบาล ด้วยการที่แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมด นั่งแถลงข่าว ลั่นระฆังเตรียมขึ้นเวทีซักฟอกรัฐบาล โดยหัวหอกหลัก “เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แถลงตอนหนึ่งว่า…
“ข้อมูลหลายอย่างที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายในครั้งนี้ สามารถที่จะส่งผลสะเทือนให้กับฝั่งรัฐบาล ทำให้รัฐบาลขาดความเชื่อมั่นได้ เพราะรัฐบาลชุดนี้บริหารราชการแผ่นดิน ขาดประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลย ปัญหาสังคมในหลายเรื่อง ส่อเค้าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน การบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่ได้เป็นไปตามธรรมาภิบาล” ผู้นำฝ่ายค้านฯโหมโรงเรียกน้ำย่อย
แน่นอนว่า ตอนนี้ “ฝ่ายค้าน” แต่ละพรรคต่างก็ซุ่มเก็บ-หาข้อมูลกันอยู่ เพื่อหวังโชว์ของกันเต็มที่ โดยเฉพาะ “พรรคส้ม-ประชาชน” ที่แจ้งเกิดการเมืองในสภาฯเต็มตัว ก็เพราะบทบาทในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล มาตั้งแต่ยุคพรรคก้าวไกลตลอด 4 ปีในช่วงสภาฯสมัยที่ผ่านมา
ดังนั้นศึกซักฟอกรอบนี้ “แกนนำพรรคส้ม” หวังผลไว้มากว่าจะทำให้ “พรรคประชาชน” ต้องทำผลงานได้ดีเทียบเท่าหรือดีกว่าสมัยเป็น “พรรคก้าวไกล” กับบทบาทหัวหอกหลักฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้
หลังที่ผ่านมา ถูกปรามาสว่า เล่นบท “ฝ่ายค้านแบบออมมือ” ชกไม่เต็มหมัดกับรัฐบาลเพื่อไทย เหมือนกับต้องการผูกมิตรกันไว้ เพื่อผลการเมืองในวันข้างหน้าที่จะจับมือตั้งรัฐบาลร่วมกัน
เห็นได้จากที่ถูกวิจารณ์เยอะว่า “ไม่แตะทักษิณ ชินวัตร-ปมชั้น 14 รพ.ตำรวจ” ใดๆ เลยแม้แต่น้อย จนทำให้ “พรรคส้ม” เสียทรงไปพอสมควร ทำให้เวทีซักฟอกรอบนี้ “พรรคประชาชน” ในยุค “ณัฐพงษ์” เป็นผู้นำพรรค คงใส่เต็มที่
เรื่องนี้ พิสูจน์ได้ไม่ยากก็คือ ฝ่ายค้าน ต้องมีการอภิปรายปมชั้น 14 รพ.ตำรวจ เข้ามาด้วย และต้องถูกจัดวางให้เป็นหนึ่งไฮไลท์ใหญ่ของฝ่ายค้าน โดยยื่นญัตติซักฟอก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เพื่ออภิปรายกระทบชิ่งไปถึง ทักษิณ ชินวัตร แบบห้ามออมมือ เพราะหากชกไม่เต็มหมัด ก็จะถูกมองว่า มวยล้ม หากออกมาแบบนี้ พรรคประชาชน ก็ขุดหลุมฝังตัวเองกลางสภาฯ
ส่วนปมซักฟอกอื่นๆ ที่ตลาดการเมือง เก็งกันไว้ก่อนก็ยังมีอีกหลายประเด็น อาทิสดๆ ร้อนๆ กับสถานการณ์เรื่อง “เมืองบาป-ธุรกิจสีเทา”บริเวณชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ไม่ได้มีแค่ เมียนมา ที่เพิ่งจะมีการตัดไฟไปห้าจุดเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เครือข่ายธุรกิจสีเทาดังกล่าว ที่มีทั้ง คอลเซ็นเตอร์-กาสิโน-พนันออนไลน์-ค้ามนุษย์-ยาเสพติด-ค้าอาวุธ-ลักลอบขนของเถื่อน เป็นต้น ก็ยังมีที่แนวชายแดนไทย กับ กัมพูชา-ลาว ด้วย
ประเด็นการอภิปรายของฝ่ายค้าน ก็คงพุ่งเป้าไปที่ การเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจสีเทาดังกล่าว ในช่วง 1-2 ปีในยุครัฐบาลเพื่อไทย โดยอภิปรายชี้ไปว่า มันคือความล้มเหลวของรัฐบาลในการแก้ปัญหาดังกล่าว แต่ก็ต้องดูว่า ประเด็นดังกล่าวนี้ ข้อมูลของฝ่ายค้าน จะซักฟอกไปที่รมต.คนไหนได้ตรงเป้าที่สุด จะเป็น อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย -ภูมิธรรม เวชยชัย รอนายกฯฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม หรือจะประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลฯ
ส่วนประเด็นอื่นๆ ที่เก็งกันไว้อีกก็มีเช่น ปมที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่โยงไปถึง ตระกูล“ชิดชอบ”ได้เต็มๆ และอาจพ่วงไปถึงเรื่อง ที่ดินอัลไพน์ฯ เพื่อโยงไปถึง นายกฯได้ด้วย ซึ่งหากฝ่ายค้านเคาะเอาเรื่องนี้ อนุทิน รมว.มหาดไทยก็ไม่รอด อีกทั้งก็มีข่าวลือก่อนหน้านี้ว่า พรรคประชาชน ให้ส.ส.ของพรรค เก็บข้อมูลเรื่องการประมูลจัดซื้อจัดจ้างและจ้างผลิตบางโครงการ ในกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อหวังอภิปราย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ น้องชายเนวิน ชิดชอบ ด้วยแต่ยังไม่แน่ชัดว่า ฝ่ายค้านได้ข้อมูลมามากขนาดไหน ซึ่งหากข้อมูลไม่ชัด ก็คงไม่อภิปราย เสมาฯ 1 แต่หากข้อมูลหนักแน่นมีน้ำหนัก ก็อาจมีชื่อ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ถูกยื่นญัตติด้วย หากออกมาแบบนี้ ตระกูล ชิดชอบ ก็หนัก
แต่ก็มีข่าวว่า บางประเด็นฝ่ายค้านยังเห็นไม่ตรงกันอยู่ เช่น เรื่องนโยบายการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรหรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโนรวมอยู่ด้วย
โดยเรื่องนี้ พรรคไทยสร้างไทยกับพลังประชารัฐ เห็นว่า มีน้ำหนักเปิดอภิปรายรัฐบาลได้ แต่ก็ยังมีเสียงทักท้วงจากฝ่ายค้านด้วยกันเองว่า เรื่องนี้ยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมเพราะกฎหมายธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ยังไม่ถือว่า ผ่านครม.อย่างเป็นทางการ ต้องเสนอกลับไปอีกรอบ และยังไม่มีการออกใบอนุญาตให้ใครได้เปิดกาสิโน ทำให้ยังขาดน้ำหนักถึงขั้นเปิดซักฟอก กระนั้น หากฝ่ายค้าน จะอภิปรายเรื่องนี้จริง ต้องดูว่า จะยื่นซักฟอกใคร ระหว่าง พิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง หรือ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ที่เป็นหัวเรือใหญ่ ผลักดันเรื่องนี้
รวมถึงยังมีอีกบางประเด็นที่ฝ่ายค้านยังคงคุยกันไม่ตกผลึก เช่น การอภิปรายความล้มเหลวของนโยบายการแจกเงินให้กับประชาชนที่แจกไปแล้วสองรอบ และจะแจกเฟสสามอีกกลางปีนี้ โดยหากเสียงส่วนใหญ่ในฝ่ายค้านเอาด้วย เนื้อหาการอภิปรายคงมุ่งไปที่ว่า เป็นนโยบายแจกเงินเพื่อสร้างคะแนนนิยมทางการเมือง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ในการทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจและการกระตุ้นเศรษฐกิจตามมาอย่างที่รัฐบาลกล่าวอ้างมาตลอดแต่อย่างใด เป็นต้น ซึ่งหากอภิปรายเรื่องนี้ พิชัย-ขุนคลังคงไม่รอด โดยซักฟอกแน่
อย่างไรก็ตาม คาดว่า สุดท้ายแล้ว ศึกซักฟอกรอบนี้ อาจจะมีอะไรเหนือความคาดหมาย ก็ได้ เช่นอาจมีรมต.บางคน ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะถูกซักฟอก ก็อาจโดนฝ่ายค้านจัดหนัก ยื่นซักฟอกก็เป็นไปได้
…………..
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย…..”พระจันทร์เสี้ยว”
