ในบรรดาม็อบการเมืองเวลานี้ ที่มีหมุดหมายคือ “ไล่รัฐบาล-กดดันบิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ลาออกจาก “นายกรัฐมนตรี” ที่ระยะหลังออกมาเคลื่อนไหวถี่ยิบ และเคยมีการเคลื่อนไหวพร้อมกันในวันเดียวมาแล้วคือเมื่อ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา
กลุ่มการเมืองที่มีการเคลื่อนไหวลักษณะดังกล่าว พบว่ามีด้วยกัน 3 กลุ่มหลักคือ “กลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนฯ” นำโดย “จตุพร พรหมพันธุ์” ประธานนปช. และแนวร่วมนปช.สายจตุพร พร้อมกองหนุนเช่น กลุ่มญาติวีรชนพฤษภาฯ 35-กลุ่มครป.-แฟนคลับเสื้อแดงบางส่วน
ส่วนกลุ่มที่สอง คือ “กลุ่มประชาชนคนไทย” นำโดย “ทนายนกเขา-นิติธร ล้ำเหลือ” อดีตแกนนำคปท.และอดีตแนวร่วมกปปส. ที่อยู่สายตรงข้ามระบอบทักษิณ แต่เป็นกลุ่มที่ไม่มีแนวร่วมมากนัก
และกลุ่มที่สามคือ “กลุ่มม็อบคณะราษฎร 63-แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” หรือเรียกกัน “ม็อบสามนิ้ว” ที่มีแกนนำแนวร่วมหลักเช่น “เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ”์ – “ไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอก” เป็นต้น
ที่ก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้ว กลุ่มม็อบสามนิ้ว มีสามข้อเรียกร้องหลักในการเคลื่อนไหว คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2.ต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน 3.ต้องมีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ
สถานการณ์ ณ เวลานี้ ไม่ผิดแน่ ที่จะบอกได้เลยว่า หากถามว่า กลุ่มการเมืองที่ออกมาเคลื่อนไหวนัดชุมนุมทางการเมืองหรือทำม็อบการเมือง กลุ่มไหนที่ถูกจับตามองมากที่สุด โดยเฉพาะการถูกเพ่งเล็งจากฝ่ายรัฐบาล -ตำรวจและฝ่ายความมั่นคง คำตอบคงไม่พ้น…
“กลุ่มม็อบสามนิ้ว”
เพราะด้วยความที่ตลอดทั้งปี 2563 ที่ผ่านมา ต่อเนื่องถึงช่วงต้นปีนี้ ก่อนโควิดระบาดรอบสาม กลุ่มม็อบสามนิ้วมีการเคลื่อนไหวต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงกรกฎาคมปีที่แล้ว จนถึงประมาณมีนาคมปีนี้ โดยพบว่าแม้ต่อให้ เป็นการเคลื่อนไหว ที่ถูกเรียกกันว่า ม็อบฝ่อ แต่ก็ถือว่ามีประชาชนมาร่วมชุมนุมมากกว่ากลุ่มของจตุพร-ทนายนกเขาในช่วงที่ผ่านมา…ค่อนข้างมาก
ภายใต้ข้อเรียกร้องที่เรียกกันว่า “ทะลุเพดาน” เพราะมีการแตะไปถึง “สถาบันพระมหากษัตริย์” อันเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในม็อบการเมืองประเทศไทย ผนวกกับแนวร่วม-มวลชน ของกลุ่มม็อบสามนิ้ว จำนวนไม่น้อยเป็น “คนรุ่นใหม่-นิสิตนักศึกษา” อีกทั้งมีแฟนคลับกองเชียร์ในโซเชียลมีเดียจำนวนมาก
รวมถึง เครือข่ายของม็อบสามนิ้ว เชี่ยวชาญในการสร้างกระแสและหาแนวร่วมในโซเชียลมีเดีย ชนิดฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายรัฐบาล ตามเกมม็อบสามนิ้วในโซเชียลมีเดียไม่ทัน ที่สำคัญการชุมนุมของม็อบสามนิ้วหลายครั้ง แนวร่วม-แกนนำ โดยเฉพาะการ์ด-แนวร่วมสายฮาร์ดคอร์ ก็พร้อมจะ “บวก-ชน” กับเจ้าหน้าที่รัฐ ตลอดเวลา จนทำให้เกิดภาพเหตุการณ์รุนแรงในการชุมนุมของม็อบสามนิ้วหลายครั้ง ผสมกับแกนนำ-เครือข่ายม็อบสามนิ้ว ใช้ยุทธวิธีในการเคลื่อนไหว หลายอย่างเพื่อพยายามสร้างความชอบธรรมให้กับกลุ่มตัวเองเช่น การเชื้อเชิญตัวแทนกลุ่มองค์กรต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรระหว่างประเทศเช่น เจ้าหน้าที่สถานทูตหลายประเทศในประเทศไทย-ตัวแทนองค์กรเอ็นจีโอต่างประเทศ ไปร่วมสังเกตุการณ์การชุมนุม ของม็อบสามนิ้ว เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง
จนทำให้ภาพลักษณ์ของม็อบสามนิ้ว ถูกมองว่าเป็นม็อบประชาธิปไตย เป็นความหวังของการเปลี่ยนแปลงโดยคนหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ โดยทั้งหมด…ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการวางแผนการเคลื่อนไหวทางการเมืองของแกนนำม็อบสามนิ้ว ที่มีการเซ็ตอย่างเป็นระบบ มีกลุ่มเป้าหมายการสื่อสารที่ชัดเจนว่าต้องการดึงคนกลุ่มไหนมาเป็นแนวร่วม อันผิดกับม็อบไทยไม่ทน-ม็อบกลุ่มประชาชนคนไทยของ “จตุพร-นิติธร” ที่ยังเน้นการเคลื่อนไหว การทำม็อบแบบเดิมๆ แม้จะมีการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย มาสนับสนุนการเคลื่อนไหว แต่กระบวนการก็เห็นชัดว่า ตามหลังกลุ่มม็อบสามนิ้วหลายช่วงตัว
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่แปลก ที่ฝ่ายรัฐบาล-ตำรวจ-ทหาร-ความมั่นคง-กองเชียร์บิ๊กตู่ จะให้น้ำหนักความสนใจการออกมาเคลื่อนไหวการเมือง การทำม็อบของกลุ่มสามนิ้ว มากกว่ากลุ่มจตุพร-ทนายนกเขา อย่างมาก
เพราะฝ่ายรัฐบาล-ความมั่นคง มองแล้วว่า กลุ่มจตุพร-นิติธร เป็นม็อบฟืนเปียก จุดไม่ติด ไม่มีแนวร่วมเอาด้วยมากเท่าไหร่ และกองหนุนของสองม็อบดังกล่าว ก็เป็นกลุ่มเดิมๆ กลุ่มเล็กๆ ที่ไม่ได้สร้างความหนักใจใหักับรัฐบาลเท่าใดนัก
ยิ่งประเด็นการเคลื่อนไหวเรียกร้อง ของกลุ่มจตุพร-นิติธร ที่ต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออก ก็เป็นข้อเรียกร้องธรรมดา ไม่ได้มีการเสนอข้อเรียกร้องอะไรที่ “ทะลุเพดาน”
ผนวกกับด้วยสถานการณ์โควิดระบาดหนัก ฝ่ายรัฐบาลก็ประเมินว่า ยากที่ประชาชนจะเอาด้วย ไปร่วมชุมนุมกับม็อบของจตุพร-ทนายนกเขา ทำให้แม้กลุ่มจตุพร จะประกาศจะเคลื่อนไหวชุมนุมขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ต่อเนื่องทุกสัปดาห์ แต่ฝ่ายรัฐบาล-พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้หนักใจ เพราะคงมองว่า สุดท้าย “ม็อบไล่รัฐบาล” โดยเฉพาะม็อบจตุพร จะยืนระยะไม่ได้ยาว อีกสักพัก…ก็จะฝ่อไปเอง
แต่กลุ่มม็อบที่รัฐบาล-ฝ่ายความมั่นคง-ตำรวจ จับตามองมากกว่า ก็คือ ม็อบสามนิ้ว หลังปีที่แล้วเคยออกมาเขย่ารัฐบาลหลายรอบ มีแนวร่วมนัดเคลื่อนไหวกันหลายจุดทั่วประเทศ แม้แต่ในมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วประเทศ และนัดชุมนุมในกรุงเทพฯ แต่ละครั้ง ใช้เวลาบอกไม่กี่ชั่วโมง แต่ก็มีคนไปร่วมหลายพันคน บางแห่งตอนม็อบพีกๆ ก็หลักหมื่น จนรัฐบาลเกือบถึงทางตัน ดีที่สถานการณ์พลิก ม็อบฝ่อไปเอง เลยทำให้รัฐบาล-บิ๊กตู่ โล่งอก…รอดมาได้
ด้วยเหตุนี้ เมื่อม็อบสามนิ้วขยับแต่ละครั้ง แวดวงการเมืองและฝ่ายรัฐบาล จึงค่อนข้างให้น้ำหนักการเคลื่อนไหว กับกลุ่มม็อบสามนิ้วมากเป็นพิเศษ มากกว่ากลุ่มของ “จตุพร-นิติธร” ด้วยซ้ำ
พบว่าช่วงที่ผ่านมา “ม็อบสามนิ้ว” มีการเคลื่อนไหวในกรุงเทพมหานคร ในช่วงใกล้เคียงกันสองนัดแล้ว คือการเคลื่อนไหวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 มิ.ย. ที่เป็นวันครบรอบ 89 ปีเหตุการณ์วันเปลี่ยนแปลงการปกครองฯ ที่ม็อบสามนิ้ว มีการนัดทำกิจกรรมกันบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและเคลื่อนขบวนไปยังหน้ารัฐสภาจากนั้นก็กลับไปทำกิจกรรมการเมืองต่อที่สกายวอล์คแยกปทุมวัน
และล่าสุดก็คือการจัดกิจกรรมของม็อบสามนิ้วที่ร่วมกันจัดกิจกรรม “เปิดท้ายวันศุกร์ ลุกไล่เผด็จการ” เมื่อวันศุกร์ที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่บริเวณถนนพิษณุโลก ที่อยู่ไม่ไกลจากทำเนียบรัฐบาล
พบว่าการทำกิจกรรมทั้งสองวันดังกล่าว มีแนวร่วมกองเชียร์ม็อบสามนิ้ว มาร่วมกิจกรรมด้วยจำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มากเหมือนตอนม็อบสามนิ้วพีกๆ แต่ก็มีข่าวว่า การชุมนุมทำกิจกรรมทั้งสองครั้งดังกล่าว ฝ่ายรัฐบาล-ตำรวจ-ทหาร-ฝ่ายความมั่นคง มีการมอนิเตอร์ติดตามทุกฝีก้าว เพื่อต้องการรู้ว่า แกนนำม็อบสามนิ้ว คิดอะไรอยู่ และจะมีเป้าหมายการเมืองต่อจากนี้อย่างไร
ในยามที่ม็อบจตุพร-ทนายนกเขา ยืนยันไม่เลิกล้มความคิดกดดันไล่นายกฯ ทำให้สิ่งที่คนในรัฐบาล-ฝ่ายความมั่นคง ต้องการรู้ก็คือ แล้วกลุ่มม็อบสามนิ้ว จะชูธงประเด็นการเคลื่อนไหวเรื่องไหนเป็นเรื่องหลักต่อจากนี้ รวมถึงที่อยากรู้มากก็คือ ม็อบสามนิ้วจะไปร่วมเคลื่อนไหวกับพวกม็อบจตุพร เพื่อขับไล่รัฐบาลหรือไม่ซึ่งจากการประมวลท่าที การเคลื่อนไหวของม็อบสามนิ้ว โดยเฉพาะจากการเคลื่อนไหวเมื่อ 2 ก.ค.
พบว่า แกนนำม็อบสามนิ้ว ทั้ง “เพนกวิน-ไมค์” ตลอดจนแนวร่วมม็อบที่ขึ้นเวทีปราศรัยบนรถขยายเสียงในม็อบสามนิ้ว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แกนนำอย่าง “เพนกวิน-ไมค์” ที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากศาลอาญา แต่มีเงื่อนไขห้ามก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ยืนยันว่า ม็อบสามนิ้วยังคงยืนยัน 3 ข้อเรียกร้องเดิมในการเคลื่อนไหวเมื่อปีที่แล้ว แต่ก็เห็นชัดว่า แกนนำม็อบสามนิ้วตอนนี้เทน้ำหนักมาที่เรื่องการกดดันให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออก
ท่าทีดังกล่าว เอาแค่จับสัญญาณจากแกนนำที่มีบทบาทมากสุดคือ “เพนกวิน” ก็พบว่า ให้สัมภาษณ์กับสื่อไว้ก่อนนำม็อบเคลื่อนขบวนจากแยกอุรุพงษ์ไปบริเวณถนนพิษณุโลก โดยระบุไว้ตอนหนึ่งว่า…
“วันนี้เป็นการเปิดศักราชขับไล่ ประยุทธ ออกจากทำเนียบรัฐบาล วันแรก โดยการไล่ประยุทธ์ต้องทำทุกวิถีทางที่เหมาะสม กับสถานการณ์ วันนี้อยากให้คิดอย่างนี้ว่า ถ้าหากไม่ขับไล่ ประยุทธ์ ก็เอาโควิดออกไปจากประเทศไทยไม่ได้ ”เพนกวิน ให้สัมภาษณ์สื่อ 2 ก.ค.
และยิ่งชัดเจนมากขึ้นเมื่อ “เพนกวิน” ขึ้นเวทีปราศรัยบนรถขยายเสียงตรงถนนพิษณุโลก ท่ามกลางฝนที่ตกลงมา ที่เพนกวิน ได้ปลุกเร้ากองเชียร์ม็อบสามนิ้วให้ร่วมกันขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศมาหลายปี จนทำให้เกิดความผิด 12 ประการที่ทำให้อยู่ในตำแหน่งไม่ได้ จึงต้องเคลื่อนไหวให้พลเอกประยุทธ์ลาออก
“พล.อ.ประยุทธ์ มีความผิด 12 ประการ เช่น เป็นกบฎประชาธิปไตย ทำการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยเพราะไปทำรัฐประหาร รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมถึงความผิดอื่นๆ เช่น การดำเนินคดีมาตรา 112 กับประชาชน และยังปล่อยให้มีการทุจริตคอรัปชั่น ตั้งแตระดับเล็กๆ เสาไฟฟ้า รวมถึงความผิดอื่นๆ คือสร้างความร้าวฉาน ทำให้เกิดความขัดแย้ง มีการเล่นงานแต่ฝ่ายตรงข้าม ในลักษณะสองมาตรฐาาน และมีการค้าผลประโยชน์กับความเป็นความตายของประชาชน เช่นวัคซีน เป็นมหากาพย์เล่าไม่จบไม่สิ้น การล็อกดาวน์ก็คือการฆ่าผู้ประกอบการ ปิดร้านค้าแต่ไม่ปิดร้านเซเว่นฯ
ความผิดทั้ง 12 ประการคือจุดเริ่มต้นของการมุ่งหน้าขับไล่พลเอกประยุทธ์ ที่พลเอกประยุทธ์บอกอีก 120 วันจะเปิดประเทศ นับจาก 1 ก.ค. ผมขอประกาศตรงนี้อีกเช่นกัน ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีก 120 วัน ไม่มีประเทศให้อยู่อย่างแน่นอน เตรียมตัวไว้ ไปไหนก็ไป แต่อย่าอยู่ทำเนียบเลย ก็ขอให้พี่น้องเดินหน้าสู้ไปด้วยกัน ก็ขอกล่าวกับพี่น้องตรงนี้ว่า ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ยังไม่มา แก้รัฐธรรมนูญยังไม่มา ประยุทธ์ยังไม่ไป ผมยังไม่หยุดสู้ จะอยู่กับพี่น้องต่อไป” เพนกวิน ระบุระหว่างปราศรัยเมื่อ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อแกนนำม็อบสามนิ้ว แสดงท่าทีชัดๆ แบบนี้ ว่าจะเน้นเรื่อง กดดันพล.อ.ประยุทธ์เป็นหลักก่อน แต่เรื่องอื่นเช่นการเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันฯ ยังไม่ลดเพดาน อย่างน้อยก็ทำให้แนวร่วม อย่างม็อบจตุพร คงดีใจไม่น้อยที่จะมีแนวร่วมออกมาเคลื่อนไหวในประเด็นใกล้เคียงกัน แต่ที่คงสะดุ้งไม่น้อยก็คือ พล.อ.ประยุทธ์-คนในฝ่ายความมั่นคง เพราะหลังจากนี้ อาจต้องเตรียมการรับมือม็อบต่างๆ ที่จะออกมามากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงปลายๆ เดือนตุลาคม ที่จะครบ 120 วันที่นายกฯ ประกาศจะเปิดประเทศ
หลังแวดวงการเมืองวิเคราะห์ตรงกันว่า หากม็อบไล่บิ๊กตู่จะพีกจริงๆ ก็คงน่าจะเกิดช่วงนั้น โดยเฉพาะ หากครบกำหนด 120 วันแล้ว สถานการณ์โควิดในไทยไม่ดีขึ้น คนเดือดร้อนเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ถึงตอนนั้น หากจะมีกลุ่มไหน นัดชุมนุมการเมือง กดดันรัฐบาล ก็คาดว่า จะมีคนไปร่วมด้วยจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะม็อบสามนิ้ว ที่ถึงช่วงนั้น ให้จับตาแกนนำอาจยกระดับการเคลื่อนไหวมากขึ้น เพราะแกนนำม็อบรู้ดีว่า สถานการณ์ต่อจากนี้ หากคิดจะล้มบิ๊กตู่ ให้ได้ภายในไม่เกินปีนี้ ก็มีแค่เรื่องโควิดเท่านั้น โดยเฉพาะถ้าครบกำหนด 120 วันแล้ว แผนการฉีดวัคซีนประชาชนทั่วประเทศ ไม่เป็นไปตามที่ประกาศไว้และยังคงมีคนเดือดร้อน เจ็บป่วย ล้มตายกันรายวัน
ถึงตอนนั้น อย่าว่าแต่ “ม็อบสามนิ้ว” เลย หากจะมีกลุ่มไหนนัดชุมนุม ก็คาดว่าคนจะไปร่วมด้วยไม่น้อย ถ้ารัฐบาล ยังแก้ปัญหาโควิดให้กระเตื้องขึ้นยังไม่ได้ !!!
…………………………….
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย…“พระจันทร์เสี้ยว”